เมื่อเกือบสองเดือนที่ผ่านมามีข่าวคราวบางกระแสจากด้านประเทศจีนว่าทูตของประเทศนักล่าอาณานิคมบางประเทศในยุโรปได้ทำการปั่นหัวสร้างกระแสข่าวให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนไทยกับประชาชนกัมพูชา โดยมีเจตนาสร้างสถานการณ์ความขัดแย้งและความรุนแรงขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา

นักการต่างประเทศดังกล่าวก็ไม่ใช่รายอื่นไกล ก็คือหัวโจกรายใหญ่ที่เคยปั่นหัวประเทศในยุโรปจนกระทั่งเกิดเป็นสงครามยูเครนฉิบหายวายวอดตามๆ กันอยู่ในขณะนี้ และเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในระดับต้นของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก

กระบวนการสร้างกระแสปั่นข่าวสร้างความเกลียดชังระหว่างไทย-กัมพูชา ได้เริ่มต้นที่บุคคลในเครือข่ายวัฒนธรรมก่อน เพราะบุคคลกลุ่มนี้ไม่ค่อยสันทัดในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ คำนึงถึงแต่เกียรติภูมิศักดิ์ศรีของประเทศชาติและหวงแหนวัฒนธรรมประเพณีและความเป็นชาติ ดังนั้นจึงง่ายต่อการถูกทะลุทะลวงปั่นหัวให้เกิดความเกลียดชังระหว่างกัน

เริ่มต้นปั่นกระแสจากข้ออ้างว่ามวยไทยนั้นเป็นของเขมร และประเทศไทยลอกเลียนแบบเขามา สร้างความขุ่นแค้นให้แก่ผู้เกี่ยวข้องกับวงการมวยในประเทศอย่างกว้างขวาง ถึงขนาดโต้เถียงด่าว่าข้ามประเทศกันอย่างเอิกเกริก

จากนั้นก็ลามไปสู่ประเด็นสถาปัตยกรรมปราสาทราชฐานต่างๆ ว่าไทยลอกเลียนมาจากเขมร ดั้งเดิมเป็นของเขมรและในที่สุดก็ลามไปถึงสายมูคือ อักขระเลขยันต์ต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นวิทยาการของเขมรทั้งสิ้น ประเทศไทยลอกเลียนแบบเขามา

ทำให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างกว้างขวาง โดยทั้งไทยและเขมรไม่ได้คิดหรือรู้เท่าทันว่าความสัมพันธ์ไทย-เขมร ที่ราบรื่นเรียบร้อยมาเป็นเวลาช้านาน ไฉนเล่าจู่ๆ จึงมามีเหตุให้เป็นไปเช่นนี้ และจะนำไปสู่เหตุการณ์อะไรต่อไป กระแสจึงไหลไปในทางระดมพวกระดมพลเข้าสู่ความขัดแย้งและขยายวงกว้างออกไปทุกที

จนถึงขนาดมีการเตือนทั้งไทยและเขมรว่ามีภาษิตมาแต่โบราณว่า ถ้าหากชุมชนใดอยู่ดีๆ ชาวบ้านตื่นขึ้นมาทะเลาะด่าว่าทุบตีกัน ก็ให้รีบสืบหาว่าเมื่อคืนที่ผ่านมามีคนอังกฤษเข้าไปพักในบ้านหลังไหน

ครั้นเกิดความขัดแย้งในหมู่ประชาชนทั้งสองฝ่ายขยายตัวลุกลามออกไป ก็มีการเผยแพร่ข้อมูลในติ๊กต็อกและโซเชียลมีเดียต่างๆ ถึงเหตุการณ์สู้รบในช่วงสงครามอินโดจีน แล้วเอามาตัดต่อใส่ถ้อยคำในลักษณะเหยียดหยามอวดอ้างกันและกันว่าใครแน่กว่าใคร ใครแน่กว่ากัน

จากนั้นก็ปั่นกระแสว่ามีการซ้อมรบเกิดขึ้น ทั้งในฝ่ายเขมรบ้าง ในฝ่ายประเทศไทยบ้าง เอาภาพสถานการณ์ต่างๆ มาตัดต่อเพื่อลวงให้หลงเชื่อว่าเกิดความขัดแย้งระหว่างไทย-เขมร และลุกลามไปถึงความขัดแย้งทหาร จนทั้งสองฝ่ายต้องทำการซ้อมรบ

โดยสหรัฐร่วมซ้อมรบกับประเทศไทย ในขณะที่จีนร่วมซ้อมรบกับเขมร หนักเข้าก็เผยแพร่ข้อมูลในติ๊กต็อกว่าสถานการณ์ความขัดแย้งและการดูหมิ่นเหยียดหยามกันและกันลุกลามบานปลายถึงขนาดเตรียมพร้อมจะทำสงครามแก่กันแล้ว

เหล่านี้คือสภาพที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราและในกัมพูชาด้วย สำหรับกัมพูชานั้นดูเหมือนว่าสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซน รู้เท่าทันการปั่นหัวของนักล่าอาณานิคม จึงออกคำสั่งให้ลบโซเชียลมีเดียทั้งหมดทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และไม่มีมูลฐานความจริงรองรับ

และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะทหารและหน่วยงานความมั่นคงให้กวดขันตรวจสอบว่าใครอยู่เบื้องหลังการปั่นกระแสให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศไทย

ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการของประเทศไทย โดยเฉพาะในระดับเหล่าทัพและหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ก็รู้สึกผิดปกติและรู้เท่าทันการปั่นหัวของไอ้โม่ง
นักล่าอาณานิคมจอมโฉด จึงได้พยายามที่จะประสานความรู้ความเข้าใจในทุกหน่วยทหารและในทุกหน่วยงานด้านความมั่นคง รวมทั้งประชาชนไทยทุกพื้นที่

เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันว่าแท้จริงไม่มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ ระหว่างไทย-กัมพูชาเลย กรณีเป็นเรื่องของการปั่นหัวแบบปั่นจิ้งหรีดให้กัดกันเพื่อฉกฉวยเอาประโยชน์เท่านั้น

สามารถชี้ตรงลงไปได้เลยว่าต้นตอของปัญหาเกิดจากการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ซึ่งขณะนี้ภาคีสำคัญเห็นว่าแกนหลักในการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก นั้นไม่มีสมรรถนะเพียงพอที่จะรับมือต่อกลุ่ม SCO ได้ จะมีการเสนอให้นาโตทั้งหมดเข้ามาเป็นแกนหลักในการปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก

หมายความว่าจะเอาประเทศนาโตซึ่งทั้งหมดอยู่ในยุโรปเข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงกลุ่มอาเซียนเพื่อยกระดับความขัดแย้งและสงครามกับรัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือและประเทศพันธมิตร ซึ่งย่อมรวมถึงเมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย ด้วย

ดังนั้นการกระทำหรือปฏิบัติการใดๆ ที่จะนำไปสู่การร้องขอให้กองทัพต่างชาติส่งกำลังทหารเข้ามาปกป้องคุ้มครองประเทศไทย หรือยกกำลังเข้ามาตั้งในประเทศไทย ภายใต้ข้ออ้างว่าเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากรัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ และประเทศเพื่อนบ้านใดๆ คนไทยทั้งประเทศต้องเข้าใจร่วมกันว่านี่คือกุศโลบายในการปั่นหัวให้คนไทยเกิดความขัดแย้งและสงครามกับรัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ โดยมีปราการด่านแรก คือ เมียนมา กัมพูชา ลาว เวียดนาม ดังที่กำลังปั่นกันอยู่ในขณะนี้

เราจะปล่อยให้มีการสร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ในเรื่องนี้ต่อไปหรือไม่ ก็อยู่ที่การตัดสินใจของคนไทยทั้งประเทศในวันที่ 14 พฤษภาคม นี้