บรรดาผู้คอยให้ท้าย สนับสนุน หรือหากิน-หาประโยชน์จากพฤติกรรมของ “หยก”
ส่วนใหญ่หลับหูหลับตาพูดเพียงเพื่อให้ตัวเองดูดี เช่น บอกให้โรงเรียนพยายามตามหาผู้ปกครองเด็กสิ บอกให้โรงเรียนพยายามคุยกับเด็กสิ ฯลฯ
ทั้งที่ความจริง ทางโรงเรียนทั้งอนุโลม ให้เข้าเรียนก่อนจะมอบตัวเรียบร้อย
และทางโรงเรียนได้ติดตามจนเจอแม่และพ่อของหยกแล้ว!!!
ครูนำเอกสารมอบตัวไปให้แม่หยกเซ็นถึงบ้าน แต่ไม่ออกมา!!!
ครูไปหาพ่อที่จังหวัดร้อยเอ็ด แต่ถูกไล่กลับ!!!
ตามที่สถานีข่าว Top News รายงานข่าว Exclusive ฟังความจริงอีกด้านจากเตรียมพัฒน์
สาระสำคัญบางส่วนบางตอน ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงน่าสนใจ ดังนี้
1. ครอบครัวหยก พ่อแม่ ประกอบอาชีพส่วนตัวแม่มีอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า หยกเป็นลูกคนเดียว ครอบครัวมีบ้าน 2 หลัง อยู่ที่ย่านสำราญราษฎร์ กับอยู่ที่ซอยพัฒนาการ 65 ใกล้กับโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ โดยหยกมาอาศัยกับแม่ที่บ้านซอยพัฒนาการ 65
2. ช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 พ่อแม่พาเด็กมามอบตัวตามปกติทุกปี ส่วนพฤติกรรมส่วนตัวของหยกช่วง ม.1และ ม.2 ครูไม่ทราบนัก เพราะต้องเรียนออนไลน์ เนื่องจากโควิด-19 ระบาด แต่เด็กตั้งใจเรียน ไม่มีพฤติกรรมต่อต้าน ผลการเรียนอยู่ในระดับที่ดี
3. ในเดือนตุลาคม 2565 โรงเรียนได้รับการติดต่อจากตำรวจนครบาล แจ้งว่าหยกไปร่วมชุมนุมทางการเมือง ใช้ชื่อสหายนอนน้อย และให้พาเด็กไปพบจิตแพทย์ แต่โรงเรียนปฏิเสธ ต้องการปกป้องเด็ก ทั้งนี้ ตำรวจพยายามติดต่อผู้ปกครองแล้ว แต่ผู้ปกครองปฏิเสธให้ข้อมูล ซึ่งตามข้อมูลหยกได้ไปชุมนุมที่เสาชิงช้าเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม โดยในวันนั้นหยกได้เขียนข้อความหมิ่นสถาบัน
4. ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2565 โรงเรียนเชิญผู้ปกครองและหยกมาคุย ซึ่งหยกยังพูดจาน่ารักโต้ตอบเหมือนเด็กทั่วไป ยอมรับไปทำกิจกรรมการเมือง แต่ไม่กี่ครั้ง แม่ขอบคุณครูและโรงเรียนที่ช่วยปกป้องลูก แม่รู้ว่าลูกชอบชุมนุมประชาธิปไตย และตักเตือนลูกแล้วว่าอย่าไปยุ่ง ช่วงเวลานั้นลูกยังคุยกับแม่น่ารัก
5. หลังจบ ม.3 หยกได้โควตาศิษย์เก่าสอบเข้า ม.4 และสอบได้เรียนเอกภาษาจีน อย่างไรก็ตาม วันมอบประกาศนียบัตร ม.3 เดือนมีนาคม 2566 หยกไม่ได้มาร่วม ทำให้โรงเรียนได้ติดตามว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะทราบสาเหตุว่า เป็นเพราะหยกไปร่วมกับนายบังเอิญ ก่อเหตุพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 จนถูกควบคุมตัวไปดำเนินคดีที่สน.พระราชวัง และถูกส่งตัวต่อไปไปยังสน.สำราญราษฎร์ เพราะมีหมายจับคดี 112 และถูกศาลส่งตัวไปที่สถานพินิจบ้านปรานี นครปฐม หยกอ้างว่าปฏิเสธอำนาจศาล
6. 1 เมษายน 2566 แม่กับน้าของหยกเดินทางมาที่โรงเรียน เพื่อทำเรื่องขอเลื่อนการมอบตัว เพราะน้องอยู่ในบ้านปรานี และได้ให้เบอร์น้าไว้กับทางโรงเรียน ทั้งนี้ แม่ไม่สะดวกให้เบอร์โทรศัพท์ อีกทั้งวันดังกล่าว ยังมี “เก็ท โสภณ” แกนนำกลุ่มโมกหลวง ที่หยกตั้งให้ผู้เป็นปกครองระหว่างอยู่ในบ้านปรานี เดินทางมาด้วย และแม่หยกไม่พอใจเก็ท ได้ต่อว่า ซึ่งช่วงเวลานี้โรงเรียนก็ไม่ทราบว่าหยกจะมาเรียนหรือไม่ เพราะน้องปฏิเสธการประกันตัว
แต่ทางโรงเรียนก็ขยายเวลาการมอบตัวให้
7. 19 พฤษภาคม 2566 หยกเดินทางมาโรงเรียนกับ “บุ้ง-ตะวัน” กลุ่มทะลุวัง ว่าที่สส.พรรคก้าวไกลคนหนึ่ง และทนายของสส. เพื่อมอบตัว หลังออกมาจากบ้านปรานี ทางโรงเรียนได้ยืนยันว่า หยกต้องพาแม่มามอบตัวตามระเบียบของโรงเรียน อย่างไรก็ดี จะรับรายงานตัวไว้ก่อน เพื่อรอให้แม่หยกมาเซ็นมอบตัว และจ่ายค่าเทอม ฉะนั้น การรับรองยังไม่สมบูรณ์
สาเหตุที่โรงเรียนต้องให้แม่ของหยกมารับรองเท่านั้น เพราะโรงเรียนทราบว่าน้องมีแม่ ถ้าไม่ใช่ผู้ปกครองต้องมีหนังสือมอบอำนาจ เนื่องจากโรงเรียนให้ความสำคัญกับผู้ปกครองมากที่สุด โรงเรียนอื่นอาจจะให้ผู้อื่นเป็นผู้ปกครองแทนได้ แต่เตรียมอุดมพัฒนาการไม่ใช่
8. เมื่อมาโรงเรียน หยกจะไม่เข้ากิจกรรมโฮมรูมในเวลา 07.40 น. ถึง 08.10 น. ส่วนคนอื่นเข้าทุกคน
ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เป็นต้นมา หยกไม่คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา ไม่ฟังกฎระเบียบ
ถามครูว่า “ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญมั้ย” ใครตักเตือนก็จะพูดประเด็นนี้ และบอกอีกว่า “โรงเรียนทำอะไรเขาได้มั้ย” บางวันมาเรียนบ่ายสอง เพื่อเรียนวิชาเดียว
9. ช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคมถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2566 เป็นช่วงที่โรงเรียนพยายามให้มีผู้ปกครองเซ็นมอบตัวหยก เพราะโรงเรียนต้องยืนยันข้อมูลในระบบภายในที่ 10 มิถุนายน
โดยครูเดินทางไปหาแม่ที่บ้านในซอยพัฒนาการไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง พร้อมกับนำเอกสารเซ็นมอบตัวไปให้แม่หยกเซ็นด้วย และอยากให้แม่หยกมาร่วมแก้ปัญหาพฤติกรรมของลูก แต่แม่หยกไม่ออกมาพบ
เพื่อนบ้านก็เตือนครูว่าอย่าไปยุ่ง ระวังเขาจะปล่อยหมากัด
ครูสังเกตพบว่ารถยนต์ในบ้านของแม่ได้นำกระดาษสีขาวมาปิดแผ่นป้ายทะเบียนและปิดเลขที่บ้านไว้ด้วย
และยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่าเมื่อหยกออกจากบ้านปรานี แม่ก็หายไปเลย และทำไมไม่ออกมาพบครู ทั้งที่ วันที่ 1 เมษายน ยังมาแจ้งเลื่อนขอมอบตัวให้กับลูก
10. วันที่ 2 มิถุนายน 2566 ครูเดินทางไปยังจังหวัดร้อยเอ็ด หลังทราบว่าพ่อหยกย้ายไปอาศัยอยู่ที่บ้านหัวหนอง ตำบลหนองแวง อำเภอเกษตรวิสัย
เมื่อไปถึงครูได้ไปพบป้าและน้องชายของพ่อหยก จากนั้น น้องชายพ่อหยก ได้พาครูไปพบพ่อหยกที่ทุ่งนา เพราะนำวัวไปเลี้ยง
แต่เมื่อเดินทางไปถึง พ่อหยกกลับไล่ครูกลับไปทันที และบอกอย่ามาที่นี่อีก ตนไม่รู้เรื่อง
ฯลฯ
จะเห็นว่า ทางโรงเรียนได้พยายามอนุโลม และพยายามติดต่อผู้ปกครองจริงๆ คือ พ่อแม่ของหยกขนาดไหน
แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือเลย
จึงขอให้กำลังใจโรงเรียน ครู และเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ที่ต้องเจอกับภัยคุกคามครั้งนี้
พรุ่งนี้ มาว่ากันต่อ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี