การเมืองกับเศรษฐกิจมีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิดไม่สามารถแยกออกจากกันอย่างเด็ดขาดได้ หากประเทศหรือรัฐใดมีระบบการเมืองที่ดี ก็จะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศหรือสังคมนั้นๆ ดีตามไปด้วย แต่ก็มิได้หมายความว่าระบบการเมืองที่ดีที่หลายคนเข้าใจนั้น หมายถึงการเมืองแบบประชาธิปไตยเสมอไป เพราะในความเป็นจริงนั้น เราเห็นแล้วว่า ในบางประเทศที่มิได้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่กลับมีความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจดีกว่าประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย (ยกตัวอย่างจีนกับอินเดีย) แต่คำว่าระบบการเมืองที่ดีนั้น หมายถึงการมีเสถียรภาพทางการเมืองเป็นสำคัญ
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทางการเมืองในประเทศต่างๆ บนโลกใบนี้ มีปัจจัยสำคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศด้วย เช่น การเปลี่ยนแปลงการปกครองในฝรั่งเศส อังกฤษ และรัสเซีย รวมถึงจีน
แต่ต้องย้ำว่า การที่ประเทศใดประเทศหนึ่งมีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจได้นั้น มิได้หมายความว่าประเทศนั้นๆ ต้องมีการปกครองด้วยระบอบเสรีประชาธิปไตยเสมอไป โดยดูได้จากจีนเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เพราะจีนไม่ได้ปกครองด้วยระบอบเสรีประชาธิปไตย แต่ปรากฏว่าเศรษฐกิจของจีนเติบโตอย่างมหัศจรรย์ จนประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเสรีประชาธิปไตยถึงกับต้องหันไปดูการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมหัศจรรย์ของจีน
อย่างไรก็ตาม การที่พูด (เขียน) เช่นนี้ มิได้หมายความว่าสนับสนุนให้ประเทศไทยต้องมีการปกครองเหมือนกับจีน แต่พูด (เขียน) เพราะต้องการชี้ให้คนที่เพ้อพล่ามว่าต้องเป็นประชาธิปไตยเท่านั้น ประเทศจึงจะเจริญรุ่งเรือง และประชาชนร่ำรวย
การเมืองไทยในระยะ 50-60 ปีที่ผ่านมานั้น ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีความเป็นประชาธิปไตยแบบตะวันตกอย่างแท้จริง เพราะมีการรัฐประหารบ่อยครั้ง และหลายต่อหลายครั้งบ้านเมืองอยู่ใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร แต่ถึงกระนั้น ประเทศไทยก็มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ แม้เศรษฐกิจไทยจะไม่ได้เติบโตเหมือนประเทศที่พัฒนาแล้วก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เศรษฐกิจไทยก็เจริญขึ้นมาอย่างค่อนข้างมากพอประมาณ แต่ก็เป็นการเจริญเติบโตที่นำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างหนักหน่วงแสนสาหัส จนบางคนวิจารณ์ว่าขุนศึกบางรายร่ำรวยขึ้นอย่างมหัศจรรย์ ในขณะที่กลุ่มนายทุนที่สนับสนุนขุนศึกก็มีความร่ำรวยมากขึ้นเช่นกัน
ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีส่วนสำคัญมาจากความสามารถของนักธุรกิจไทย แม้ความสามารถทางธุรกิจนั้นจะเกี่ยวข้องสัมพันธ์โดยตรงกับการมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างนักธุรกิจกับขุนศึก (ทหาร) ข้าราชการ และนักการเมืองไทย ก็ตามก็ต้องยอมรับว่าการที่เศรษฐกิจไทยเจริญได้อย่างมากมายนั้นเกิดมาจากฝีมือของนักธุรกิจเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้น จึงเห็นได้เป็นการทั่วไปว่า นักธุรกิจไทยมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนักการเมือง ขุนศึก (ทหาร) และข้าราชการ เพราะอำนาจรัฐช่วยเกื้อหนุนให้ธุรกิจเดินไปได้ ในขณะเดียวกัน อำนาจเงินจากนักธุรกิจก็ช่วยเกื้อหนุนให้การเมืองไทยเดินต่อไปได้ หากกลุ่มการเมืองไทยได้รับการสนับสนุนจากนักธุรกิจ
ขอกระโดดข้ามมาถึงการเมืองไทยยุคปัจจุบัน ยุคที่นักการเมืองจากพรรคการเมืองหน้าใหม่กำลังเบิกบานจนหลายคนวิจารณ์ว่าเบิกบานจนเกินงาม เนื่องจากกระหยิ่มใจที่พรรคของตนเองชนะการเลือกตั้ง แม้จะชนะเพียงแค่ประมาณ 150 เสียง แต่ก็แสดงความดีใจเสียราวกับว่าชนะการเลือกตั้งจนได้ สส. ถึง 450 เสียง
ผลของการชนะการเลือกตั้งแบบหักปากกาเซียนการเมืองในครั้งนี้ ทำให้เกิดปรากฏการณ์เศรษฐกิจไทยตกอยู่ในสภาวะระส่ำโดยพลัน เหตุที่ระส่ำเพราะว่าผู้ที่เข้าใจผิดคิดว่าตนเองคือนายกรัฐมนตรีโดยฉับพลัน หลังจากพบว่าพรรคการเมืองของตนเองชนะการเลือกตั้ง โดยผู้ที่ (กระสัน) จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้แสดงกิริยาท่าทางต่างๆ นานาเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจไทยในทำนองว่าจะล้างนั้น จะล้างนี่ จะล้างโน้น จนสุดท้ายถูกตอบโต้โดยกลุ่มผู้มีอำนาจคุมเศรษฐกิจไทย จนส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเกิดอาการเป๋ในทันที สิ่งที่เป๋เป็นอันดับแรกหลังจากสังคมไทยรู้ผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุด คืออาการเป๋ที่หนักมากของตลาดหุ้นไทย แล้วก็ยังคงดำรงอาการเป๋มาจนถึงบัดนี้ ซึ่งนี่ยังไม่รวมถึงอาการเป๋อื่นๆ ในทางเศรษฐกิจที่กำลังจะบังเกิดตามมา หากผู้ที่อยากเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ยังคงแสดงอาการทุรนทุรายทางการเมืองที่เกินงามต่อไปโดยไม่บันยะบันยัง
แน่นอนว่าการเมืองกับเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจกับการเมืองสัมพันธ์กัน แต่ตัวแปรสำคัญทางการเมืองตัวหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจไทยอาจจะพังพินาศได้ก็คือผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากบุคคลผู้นั้นมีวุฒิภาวะที่เพียงพอ ก็จะทำให้เศรษฐไทยพัฒนาต่อไปได้ แม้จะเกิดปัญหาการเมืองบ้างก็ตาม แต่หากผู้กระสันจะเป็นนายกรัฐมนตรีแสดงอาการไร้วุฒิภาวะอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ก็หมายความว่าจะลากพาและฉุดรั้งให้เศรษฐกิจไทยดิ่งลงสู่อเวจีได้โดยพลัน ซึ่งเราก็กำลังเห็นภาพนั้นในขณะนี้แล้ว คำถามคือเราจะปล่อยให้เศรษฐกิจไทยดิ่งลงต่ำกว่าอเวจีหรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี