กรณี “พลายศักดิ์สุรินทร์” ช้างที่รัฐบาลไทยมอบให้ศรีลังกาเมื่อปี 2544 กลับคืนสู่ประเทศไทยเพื่อรักษาตัว
สร้างความสะเทือนใจ สงสาร และดีใจที่สามารถช่วยพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมาได้สำเร็จ
1. พลายศักดิ์สุรินทร์ (Muthu Raja) เป็นหนึ่งในช้าง 3 เชือก ที่รัฐบาลไทยมอบให้รัฐบาลศรีลังกา ตั้งแต่ปี 2544
โดยรัฐบาลศรีลังกาได้มอบพลายศักดิ์สุรินทร์ ให้แก่วัด Kande Vihara เป็นผู้ดูแล เพื่อเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในงานแห่พระธาตุประจำปีของศรีลังกา
2. การพาช้างกลับบ้านในครั้งนี้ ภาครัฐได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
โดยมีการร้องเรียนจากองค์การด้านการพิทักษ์สิทธิสัตว์ในศรีลังกา ได้แก่ องค์การ Rally for Animal Rights & Environment (RARE) ว่ามีการใช้แรงงานหนัก และได้รับการดูแลไม่เหมาะสม จนสุขภาพได้เสื่อมทรุดลง
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2565 สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้น พบว่า พลายศักดิ์สุรินทร์มีสุขภาพและสภาพความเป็นอยู่ไม่ดีนัก จึงร่วมกับคณะสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญไทยจากกรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เดินทางไปตรวจสุขภาพและความเป็นอยู่ของพลายศักดิ์สุรินทร์อีกครั้ง ซึ่งคณะสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า ควรให้พลายศักดิ์สุรินทร์หยุดการทำงานแล้วส่งตัวกลับมารักษาอาการป่วยที่ประเทศไทย
กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ประสานการเจรจาพูดคุย แก้ปัญหาข้อติดขัด ดำเนินการเรื่อยมา กระทั่งทางการศรีลังกาแจ้งไม่ขัดข้อง
จากนั้น พลายศักดิ์สุรินทร์ได้ถูกย้ายมารับการดูแลในสวนสัตว์ Dehiwala ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2565
มีควาญช้างไทยและสัตวแพทย์ของสวนสัตว์ดูแลใกล้ชิด
3. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ขออนุมัติงบประมาณผ่นดิน เพื่อนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับไทย รวมทั้งจัดยานพาหนะเพื่อการขนส่งที่เหมาะสม
รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 19.5 ล้านบาท เพื่อพาช้างกลับบ้าน
นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ ได้ติดตามการดำเนินการโดยตลอด กำชับให้ดำเนินการให้สำเร็จ
4. วันที่ 9 มิถุนายน 2566 เมื่อเวลา 13.30 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานแถลงข่าว “การนำพลายศักดิ์สุรินทร์ (Muthu Raja) กลับประเทศไทย”
นายวราวุธกล่าวว่า การหารือร่วมกันกับรัฐบาลศรีลังกา เห็นพ้องว่าต้องนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมา ซึ่งการประสานกับศรีลังกาผ่านไปได้โดยไม่ขัดข้อง ได้ย้ายช้างจากวัดมาที่สวนสัตว์แล้วเพื่อรักษาและกักกันโรคเบื้องต้น และส่งควาญช้างเข้าไปฝึกการใช้ภาษาไทย เพราะช้างไปอยู่ที่ศรีลังกาเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2544 ตั้งแต่ยังไม่ถึง 10 ขวบ ต้องไปสอนการสื่อสารภาษาไทย ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน
นายวราวุธ เปิดเผยว่า เมื่อรัฐบาลไทยได้อนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินการนำช้างกลับมารักษา กรมอุทยานแห่งชาติฯ องค์การสวนสัตว์ฯ และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโคล้มโบ ร่วมเตรียมการขนย้ายช้างและการดูแลรักษาภายหลังที่เดินทางกลับมาประเทศไทย
องค์การสวนสัตว์ฯ จะเป็นหน่วยงานยื่นขอนำเข้า
องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จะดำเนินการขนย้ายและดูแลรักษาพลายศักดิ์สุรินทร์
ย้ำว่า ตอนนี้ ไทยไม่มีนโยบายส่งออกช้างไทยออกนอกประเทศอีก
5. วันที่ 2 ก.ค.2566 เครื่องบินขนส่งแบบเหมาลำ Ilyushin IL-76 (อิลยูชิน อิล-76) เดินมาจากท่าอากาศยานนานาชาติบันดารานายาเกกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา พร้อมเคลื่อนย้ายช้างไทย “พลายศักดิ์สุรินทร์” มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยทีมสัตวแพทย์จากโรงพยาบาลช้างลำปาง ได้เดินทางไปรับพลายศักดิ์สุรินทร์
ทีมสัตวแพทย์ได้เข้าตรวจสภาพความพร้อมของพลายศักดิ์สุรินทร์ ก่อนส่งตัวไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ จังหวัดลำปาง เพื่อดูแลรักษาให้มีอาการปกติ
เข้ากระบวนการกักกันโรคก่อน 30 วัน อยู่ในบริเวณเฝ้าระวังโรคช้าง
ระหว่างการเคลื่อนย้ายช้างออกจากเครื่องบิน ได้ส่งเสียงร้องทักทาย และไม่มีอาการตื่นกลัวหรือตื่นตกใจ
จากนั้น ได้เคลื่อนย้าย “พลายศักดิ์สุรินทร์” จากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ เดินทางต่อไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติฯ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง
ปัจจุบัน รักษาตัวอยู่ที่นี่
6. นายวราวุธ ศิลปอาชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
โดยได้รับแจ้งจากสำนักพระราชวังว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท เรื่อง ช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ ซึ่งรัฐบาลไทยได้นำช้างพลายศักดิ์สุรินทร์กลับจากประเทศศรีลังกา มาทำการรักษาอาการป่วย ณ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม 2566 โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ซึ่งสำนักพระราชวัง ได้แจ้งเรื่องมายังผู้อำนวยการสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ เพื่อนำส่งค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาให้กับสำนักพระราชวังต่อไป
พระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ ยังความปลาบปลื้มปีติแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและเป็นกำลังใจสำคัญแก่เจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการสนองพระราชดำริรักษาช้างพลายศักดิ์สุรินทร์อย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป
7. คุณกัญจนา ศิลปอาชา ประธานพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นผู้ไปติดตามสนับสนุนการทำงานโดยตลอด เขียนเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“...ปฏิบัติการครั้งนี้สำเร็จได้ก็ด้วยความร่วมมือร่วมใจอย่างแข็งแรงของทุกฝ่าย
ไม่มีอะไรง่ายเลย มีปัญหาให้ต้องแก้ตลอดทาง แต่ทุกอย่างลุล่วงด้วยดี…
ขอบคุณท่านทูตพจน์ผู้เจรจา เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในศรีลังกา ที่ประสานงาน
ท่านนายกประยุทธ์ผู้อนุมัติงบประมาณ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เจ้ากระทรวง อธิบดีกรมอุทยานฯ ท่านรองอธิบดี คุณหมอและพี่ควาญ
จากออป.
กระทรวงการต่างประเทศ
องค์กร RARE แห่งศรีลังกาที่จุดประเด็นเรื่องนี้
ท่านเจ้าอาวาสวัดที่ให้เราเอาศักดิ์สุรินทร์ออกมารักษาตัว …
พลังใจจากพี่น้องคนไทยที่ส่งให้พ่อพลาย
และที่สำคัญ คือ ความเข้มแข็งแต่อ่อนโยน ว่าง่ายและอดทนของพ่อพลายศักดิ์สุรินทร์…
สำหรับความห่วงใยว่าต้องส่งพ่อพลายกลับไปอีกไหมเมื่อร่างกายแข็งแรงแล้ว ขอตอบว่า การจะให้พ่อพลายแข็งแรงอย่างเต็มร้อย เราคงต้องรักษาเขาอยู่ที่แผ่นดินไทยอาจชั่วชีวิตเขาค่ะ…
อีกหนึ่งเรื่องที่พูดกันเยอะคือ เอาอีก 2 เชือกกลับมาด้วยได้ไหม..
เรียนว่า การเอากลับแต่ละเชือกไม่ง่าย กรรมสิทธิ์เป็นของวัดที่เขาอยู่ ถ้าเจ้าอาวาสไม่ให้ เราทำไรไม่ได้เลย..
ท่านทูตบอกว่า กรณีที่เราไปเอาศักดิ์สุรินทร์กลับ ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมมากในศรีลังกา ทั้งในเชิงอภิปรายในสภาเขา และการเกรงว่า ช้างที่มาจากต่างประเทศของเขาจะมีการถูกเอากลับอีก (เขามีช้างจากอินเดียและพม่าด้วย) เป็นเรื่องใหญ่ในประเทศ
แต่ในมิติที่ดีคือ เขาน่าจะตื่นตัวใส่ใจดูแลสวัสดิภาพช้างที่เขาใช้งานให้ดีขึ้น…
บอกแล้วว่า กรณีศรีณรงค์ตัวเองไม่ห่วง เพราะเห็นแล้วว่าเขาเป็นอย่างไรคนเลี้ยงเขาเป็นอย่างไร…
แต่ยอมรับว่าห่วงประตูผา เพราะอายุเยอะกว่าใคร อายุเขาราว 48 แล้ว.. ที่ไปครั้งนี้ไม่สามารถไปเยี่ยมประตูผาได้ เพราะเห็นว่าทางวัดบอกเขาตกมันค่ะ…
ดิฉันคิดบางอย่างเบื้องต้นไว้บ้าง ที่ไม่ต้องใช้อำนาจรัฐ เพราะไม่ทราบรัฐบาลใหม่จะมีนโยบายเรื่องเกี่ยวกับช้างที่ส่งไปแล้วเขาลำบากอย่างไร แต่จะทำในศักยภาพส่วนตัวที่พอทำได้ แน่นอนไม่ถึงขั้นเอาเขากลับ เพราะเหตุผลหลายอย่างที่เอ่ยไปแล้วทั้งเรื่องกรรมสิทธิ์ นโยบายรัฐ แรงกระเพื่อมในศรีลังกาเอง…
แต่จะไปหาทางให้เขาได้รับการดูแลสุขภาพต่อเนื่องในศรีลังกาเอง…
ดิฉันจะไปศรีลังกาอีกในไม่นานนี้ คราวนี้เพื่อประตูผา…”
8. ถอดบทเรียนความสำเร็จในการแก้ปัญหาแต่ละเรื่อง ไม่ง่ายเลย
แต่ประเทศไทยทำได้ ถ้ามีความร่วมแรงร่วมใจกันจริงๆ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี