เชื่อว่าสังคมไทยเข้าใจความหมายและลักษณะของ “พระจันทร์เสี้ยว” ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์หลักของศาสนาหมายถึงอำนาจอธิปไตยและศักดิ์ศรีการต่ออายุชีวิตและธรรมชาติซึ่งหมายถึงปฏิทินจันทรคติซึ่งควบคุมศาสนา

บางครั้งก็มอง “พระจันทร์เสี้ยว” ว่าเป็นสิ่งสวยงามที่จุติมาครั้งแรกด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่องและจะต้องเติบโตขึ้นไปจนเต็มที่ตามวันเวลาที่ผ่านไป เช่นเดียวกับความงามของพระจันทร์วันเพ็ญซึ่งค่อยๆ สว่างมาจากรัศมีของพระจันทร์เสี้ยวในคืนแรกๆ ที่ปรากฏขึ้นบนขอบฟ้า

แต่พระจันทร์เสี้ยวก็หาได้ส่องสว่างเท่าจันทร์เดือนเพ็ญไม่

ที่สำคัญ “พระจันทร์หรือดวงจันทร์ก็แค่ดาวบริวารดวงหนึ่งในระบบสุริยะจักรวาล นั่นคือสัจธรรมทาง “วิทยาศาสตร์ - ดาราศาสตร์” ที่ถูกค้นพบและพิสูจน์โดย “กาลีเลโอ ดี วินเชนโซโบนายูตี เด กาลีเลอี” ซึ่งเป็นนักดาราศาสตร์ นักฟิสิกส์ และวิศวกรชาวอิตาลี ที่ถูกเรียกว่าเป็นผู้รู้รอบด้าน เป็นผู้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิวัติวิทยาศาสตร์

ด้อมส้ม 14 ล้านเสียงที่ “นักการเมืองกเฬวราก” อ้างถึงเพื่อใช้พลังมวลชนกดดันเพื่อให้ได้อำนาจสนองร่านกระสันของตนเอง จึงไม่ต่างจาก “พระจันทร์เสี้ยว” ที่ริบหรี่

สิ่งที่ “ประพันธ์ คูณมี” สมาชิกวุฒิสภากล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ The Japan Times ว่า “สมาชิกวุฒิสภาไม่มีหน้าที่ที่จะต้องฟังเสียงประชาชน (ที่ต้องยืนยันว่าเป็นเสียงส่วนน้อยและถึงพิธาจะเลือกตั้งได้คะแนนเสียงมากถึง 100 ล้านเสียง ก็จะไม่โหวตให้ เพราะ “ผมไม่ชอบเขา” “มากถึง 100 ล้านเสียง ก็จะไม่โหวตให้ เพราะ “ผมไม่ชอบ …”

สำเหนียกหน่อยเหอะ!! เหล่าอุปกรณ์การเกษตรทั้งหลายที่มีเขาและไม่มีเขา!?!?! เพราะนี่คือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่เหล่าอุปกรณ์การเกษตรทั้งหลายแหล่ถ่มน้ำลายรดฟ้าเพรียกหา โดยมิได้ใส่ใจความหมาย” กระนั้นหรือ???

คือถ้าเหล่าอุปกรณ์การเกษตรทั้งหลายยังตะแบงเพราะแรงเพราะฤทธิ์สนตะพาย เป็นแค่ “พระจันทร์เสี้ยว” ที่สว่างริบหรี่ก็ไม่มีโอกาสและหนทางฉลาดเห็นแสงสว่างกับเหล่าพระจันทร์คืนเดือนเพ็ญอย่างแน่นอน

เรื่องจริงที่ไม่ต้องอธิบายความใดๆน่าจะทราบแก่ใจดีแล้วว่า พระจันทร์คืนเดือนเพ็ญสวยเย็นเห็นอร่าม เพียงใด... เห็นอร่ามแสงว่าต้องสว่างไสวสักแค่ไหนเล่า กับพระจันทร์เสี้ยวที่ไม่สามารถจรรโลงประโยชน์ใดๆ กับสิ่งแวดล้อมได้มากมายนัก

14 ล้านเสียงถือว่า ดาดๆ ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ในระบอบประชาธิปไตย เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามี 52,238,594 ราย มีผู้มาใช้สิทธิ์ 75.71% เสียงข้างมากจะต้องได้ที่นั่งในสภาฯทั้งสองระบบต้องมากกว่า 251 ที่นั่ง ดังนั้น 151 ที่นั่งจึงเป็นปรสิตที่มีเปอร์เซ็นต์เพียง 36.54% เท่านั้น ไม่ได้เกิน 50.00% อย่างที่ “ด้อมส้ม” สติแตกแผดเสียงโหยหวนเรียกร้องให้องค์กรนั้น องค์กรนี้ทำตามความต้องการของประชาชนแค่ 36.54% โดยไม่คำนึงถึงเสียงส่วนใหญ่อีก 63.46% อย่างนั้นหรือ

หยุดดิ้นพล่านราวถูกกรีดด้วยเสียงพระสวด ทุรนทุรายราวถูกน้ำร้อนราดถอนขนถลกหนังตั้งสติเลิกเป็น “อุปกรณ์การเกษตร” ศึกษาข้อเท็จจริงด้วยจิตใจสงบเป็นกลาง เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยก เรียกร้องให้พลพรรคส้มเล่นการเมืองด้วยสัจจะความจริงใจอย่าปั่นสร้างราคาทางการเมืองเพื่อให้แม่ยกได้ตั้งความหวังออกอาการมุทะลุดุดันที่คิดว่าพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอย่างที่ลิ่วล้อ พิธาคิโอ” สำรอกหลอกลวง บิดเบือนข้อเท็จจริง