แทบไม่ต้องมีอะไรกล่าวถึงรายละเอียดที่เกิดขึ้นที่หน้าที่ทำการพรรคก้าวไกล ซึ่งอยู่ติดกับพรรคเพื่อไทยที่ “แกนนำพรรคเพื่อไทย”แถลงข่าวร่วมกับ “แกนนำพรรคภูมิใจไทย” ที่ร่วมกันเป็น “สารตั้งต้น 212 เสียง” จัดตั้งรัฐบาลเพื่อเข้ามาดำเนินการบริหารประเทศแก้ไขปัญหาเพื่อประชาชนกับพฤติกรรมของกลุ่มนักกิจกรรมทางการเมืองกลุ่มหนึ่งที่แสดงออกอย่างถ่อยสถุลต่ำตมสามานย์ เพราะภาพและเสียงที่ถูกเผยแพร่ผ่านทางโลกโซเชียลนั้นชัดเจนถึงพฤติกรรมที่กล่าวมาจนหมดจนสิ้นแล้ว
ต้องไม่ลืมว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับพฤติกรรมต่ำทรามถ่อยสถุลเยี่ยงนี้ ก่อนหน้านี้ก็เกิดขึ้นที่หน้าพรรคเพื่อไทย เกิดขึ้นที่หน้ากระทรวงวัฒนธรรมมาแล้วโดยแกนนำไร้วุฒิภาวะหน้าเดิมๆ ที่สมควรอยู่ในสถานพินิจ โรงเรียนดัดสันดานมากกว่าที่จะออกมาตะเกียกตะกายอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมไทยเยี่ยงนี้
ประเด็นคือผลไม้พิษนี้เป็นผลผลิตจากสังคมส่วนไหน ถึงก้าวร้าว ถ่อยเถื่อนเช่นพฤติกรรม“ด้อมส้ม”
เราอยากให้สังคมกลับมาส่องกระจกแล้วบอกตัวเองและคนรอบข้างอีกครั้งว่า เราต้องการนักประชาธิปไตยสันดานดิบแบบนี้อยู่ร่วมในสังคมกระนั้นหรือ นักการเมืองที่เมาแล้วขับ, นักการเมืองที่กล้าลงมือทำร้ายเพศแม่ที่อ่อนแอ, นักการเมืองที่มีประวัติอาชญากรรมฉ้อฉลถูกนำมาชุบตัวเป็น“ท่านผู้ทรงเกียรติ” ดูแลงบประมาณดูแลควบคุมการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน
แต่สิ่งหนึ่งที่สังคมต้องศึกษาอย่างถ่องแท้คืออะไรทำให้ “วิจารณญาณ”ของเยาวชนเหล่านี้เป็นอย่างนี้
เราไม่ได้บอกว่าส่ำสัตว์เหล่านี้ไม่มีวิจารณญาณ,ไม่มีการศึกษา ไม่มีวุฒิ-นิติภาวะ แต่ข้อมูลชุดความคิดที่ถูกมาหล่อหลอมใส่ให้ส่ำสัตว์ฝูงนี้ เป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือถูกบิดเบือนนั่นคือสิ่งสำคัญ
การที่ติ่งส่ำสัตว์กล่าวถึงการเสียชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์กว่า 22,933 ราย กล่าวหา “หมอหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็น “ฆาตกร”นั้นชัดเจนว่ามีเป็นชุดข้อมูลที่ถูกบิดเบือน ไม่ใช่ในแง่ของจำนวนผู้เสียชีวิต แต่ข้อกล่าวหาที่ไร้เหตุและผลไร้ตรรกะ ไม่เข้าใจบริบทของ “โรคอุบัติใหม่”
เรื่องนี้เป็นเรื่องอันตรายที่ต้องเร่งศึกษาหาทางแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถาบันอุดมศึกษาอย่างกรณีของ “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่เชิญ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่มีปัญหากระทำผิดบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญจนถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่สส. เรื่องราวเยี่ยงนี้ “พิธาคิโอ”กลับไม่เคยยอมรับความจริงและความผิดพลาดของตัวเอง กลับใส่สีตีไข่ใส่ร้ายผู้อื่น ทั้งที่ “รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง”
“พิธาคิโอ-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” โชว์ความเป็นนักประดิษฐ์วาทกรรมอย่างเนียนหูเนียนตาด้วยชุดข้อมูลที่บิดเบือนให้เยาวชนคนรุ่นใหม่“เลือดเหลือง-แดง” ใหม่ได้เสพ ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่ปฏิเสธไม่ได้ ไม่มีหัวหน้าพรรคการเมืองคนไหนจะไม่นำแนวนโยบายพรรคที่สุดโต่งมาสร้างภาพหล่อหลอมฝังรากให้เจริญงอกงามในหมู่เยาวชนเป้าหมาย เพื่อผลผลิตที่จะเป็นอย่างที่เขาต้องการในวันข้างหน้า
“พิธา”โกหกแล้วโกหกเล่าถึงระบอบการเมืองการปกครองในปัจจุบันให้แก่ “เลือดเหลือง-แดง”สดใหม่ว่า เป็น “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” ที่ถูกเผด็จการสืบทอดอำนาจครอบงำทำให้ตนเองที่ได้รับเสียงสนับสนุนกว่า 14 ล้านเสียงให้มาเป็นนายกรัฐมนตรี กลับถูกสมาชิกวุฒิสภาผลผลิตของเผด็จการขัดขวางล้างมติประชาชน นี่คือชุดความคิดที่ถูกบิดเบือนจากข้อเท็จจริง ทั้งเรื่องของการเข้าเป็นองค์ประชุมรัฐสภาของสมาชิกวุฒิสภาก็เป็นความตอแหลอย่างหน้าไม่อายของนักการเมืองชังชาติ
สถานศึกษาทุกระดับชั้นคือ ความมั่นคงของชาติ ผู้บริหารองค์กรจึงควรใช้วิจารณญาณให้มาก ต้องสำนึกเสมอว่า “ของใหม่ที่พากันเห่อแต่อาจไม่ใช่ของที่ดีจริง” ไม่ใช่ “ขี้ใหม่หมาหอม” อยู่ร่ำไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี