“พิธา” ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลใครจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ รวมถึงเลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค และโฆษกพรรค, อ๋อง- ปดิพัทธ์ สันติภาดา จะถูกขับออกจากพรรค เพื่อรักษาเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เอาไว้ และตัดเงื่อนไข ที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะเป็น “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร” ออกไป แล้วหลังจากนี้พิธาจะไปไหน ไปทำอะไร
ทั้งหมดนี้ คือการ “บริหารการเมือง” และ “บริหารคอนเทนต์” เพื่อดึงพื้นที่ข่าวออกจากคนอื่นๆ ให้ไปหมุนรอบพรรคก้าวไกลแทน
ประเด็นเหล่านี้ ทำให้ทุกสำนักข่าวและด้อมส้ม ตลอดจนสลิ่ม เสื้อแดง นักวิเคราะห์ และสภากาแฟ ต้องคอยตามข่าว หยิบมาคุย มาเผยแพร่ มาชื่นชมมาตั้งคำถาม หรือแม้แต่มาสาปส่ง
จะอย่างไรก็เถอะ พื้นที่ข่าวจะถูกยึดโดยพรรคก้าวไกลไปจนกว่าจะมี “หัวหน้าพรรค” คนใหม่ และตามด้วยกระบวนการจับ “ปดิพัทธ์” ออกจากพรรค
ศิริกัญญา ตันสกุล, ชัยธวัช ตุลาธน จะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่เหรอ คนไหนดีล่ะ การถกเถียงจะเกิดขึ้น เป็นการสร้างตัวละครหรือดารานำขึ้นในพื้นที่สื่อ ต่อจากพิธา ซึ่งติดลมไปนานแล้ว และยังตามมาด้วยอีเวนต์ระดมพล “ก้าวต่อไป...ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” ซึ่งเป็นการกำหนดโจทย์และสถานการณ์การเลือกตั้งครั้งหน้า ให้สมาชิกและผู้สนับสนุนมี “ภารกิจ” ร่วมกันมีเป้าหมายร่วมกัน ครั้งนี้เราแพ้ ครั้งหน้าเราจะชนะชนะแบบ “ทั้งแผ่นดิน” ด้วย!!
นี่คือการบริบทการเมืองและบริหารคอนเมนต์ที่ชาญฉลาดมาก
1) เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า แม้วันนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พรรคก้าวไกลต้องเดินหน้าสู่การทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนในฐานะ “ฝ่ายค้าน” ที่มีเสียงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 แต่ในเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้ “ผู้นำฝ่ายค้าน” จำเป็นต้องเป็น สส. ที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคของพรรคฝ่ายค้านอันดับ 1 และปัจจุบันผมยังอยู่ภายใต้คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ผมจึงยังไม่สามารถเข้าไปทำงานในสภาผู้แทนราษฎร และไม่สามารถจะดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านได้ในระยะเวลาอันใกล้
ขณะเดียวกัน ผมได้หารือกับคณะกรรมการบริหารและ สส. ของพรรคก้าวไกลแล้วเห็นว่า บทบาท “ผู้นำฝ่ายค้าน” มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อระบบรัฐสภา และสมควรเป็นบทบาทที่รับผิดชอบโดยหัวหน้าพรรคของพรรคฝ่ายค้านหลักในสภาฯ ซึ่งตอนนี้คือ พรรคก้าวไกล “ผู้นำฝ่ายค้าน” จะเปรียบเสมือนหัวเรือที่กำกับทิศทางการทำหน้าที่ในสภาฯ ของฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลและผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงที่ยังตกหล่นจากนโยบายของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ณ ขณะนี้ เพื่อเปิดทางให้พรรคเลือก สส. ที่สามารถทำหน้าที่ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ในสภาฯ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนที่ผม
ผมขอยืนยันกับทุกท่านว่า ไม่ว่าสถานะของผมจะเป็นอย่างไร ผมไม่ได้หายไปไหน แต่จะยังคงทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกลและพี่น้องประชาชนอย่างสุดกำลังและสุดความสามารถเพื่อขับเคลื่อนวาระการเปลี่ยนแปลงที่เราปรารถนาร่วมกัน แล้วในวันที่ 24 กันยายนนี้ ผมขอเชิญสมาชิกพรรคก้าวไกลมาพบกันอีกครั้งครับในงาน “ก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 เขตดินแดง กรุงเทพฯ
2) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า
“พิธา ลาออกจากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งทั้งชุด ประชุมสมาชิกพรรค เลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารใหม่ ภายใน 60 วัน แต่ยังมีกรรมการบริหารรักษาการอยู่
ที่ประชุมร่วม สส. กับ กรรมการบริหารพรรค ลงมติไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ลงมติขับ หมออ๋อง ออกจากพรรค เนื่องจากขัดมติที่ขอให้ลาออกจากรองประธานสภาหมออ๋อง หาพรรคใหม่ ใน 30 วัน เช่น ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเป็นธรรม ทำให้ยังคงมีสมาชิกภาพเป็น สส. และคงตำแหน่งรองประธานสภาได้ ก้าวไกลเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา
สรุป ได้ทั้ง รองประธานสภา และผู้นำฝ่ายค้านในสภา จำนวน สส. ฝ่ายค้านเท่าเดิม พรรคเป็นธรรม มี สส.เพิ่มขึ้นอีกคน ใครวางแผนให้เนอะ มือยิ่งกว่าชั้นเซียนเหยียบเมฆ”
2) ต่อมา ที่สโมสรราชพฤกษ์ นายพิธาให้สัมภาษณ์ว่า การเห็นส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว เป็นสำนึกของนักการเมือง ในบริบทการเมืองปัจจุบัน ฝ่ายค้านต้องทำงานได้อย่าง มีประสิทธิภาพทั้ง มหภาคและจุลภาค ในทางมหภาคผู้นำฝ่ายค้านก็จำเป็นที่จะต้องเป็นเรือหลักในนำทิศทางการอภิปรายงบประมาณ อภิปรายแนะนำรัฐบาล อภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือแม้แต่เรื่องจุลภาคอย่างเรื่องการแต่งตั้งวิปฝ่ายค้าน ตามข้อบังคับก็เป็นหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านนี่เป็นเรื่องส่วนรวม
“ไม่ต้องห่วงผม ห่วงประชาชน ห่วงบ้านเมือง ห่วงประเทศดีกว่า ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว ผมยังยืนยันคำเดิมผมไม่ยึดติดกับหัวโขน ยึดติดกับตำแหน่งและเชื่อว่าปัจจุบัน ผมสามารถทำงานได้แม้ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรเลย”นายพิธากล่าวและว่า ตนมีกำหนดการเดินทางไปทั่วประเทศ ทั้งจังหวัด รวมถึงจะมีการเดินทางไปต่างประเทศ ที่จะไปบรรยายในมหาวิทยาลัยต่างๆ
นายพิธากล่าวว่า ตนยังเป็นรักษาการหัวหน้าพรรค จนถึงวันที่ 23 กันยายน ที่จะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ ส่วนคนที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทนนั้น มี 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือขึ้นอยู่กับการประชุมวิสามัญพรรค และอีกประเด็นคือขึ้นอยู่กับคนที่ถูกเสนอชื่อจะยอมเป็นหรือไม่ ส่วนตัวมองว่ามีคนที่เหมาะสมตั้ง 4-5 คน ที่พร้อมจะเป็นหัวหน้าพรรคแทนตนเองได้ โดยยอมรับว่า นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล เป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่เตรียมจะขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากพรรคก้าวไกล เพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ไว้ และได้ตำแหน่ง
ผู้นำฝ่ายค้านด้วย นายพิธากล่าวว่า ต้องรอหลังการประชุมวิสามัญของพรรคเพราะเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะต้องหารือกับนายปดิพัทธ์ แล้วต้องฟังความคิดเห็นจากนายปดิพัทธ์ด้วย
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญคืนสถานะ สส.ให้แล้ว จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต และก็ไม่ใช่เรื่องของตนคนเดียว เป็นเรื่องของข้อบังคับพรรคและสมาชิกพรรค
3) นายชัยธวัช ตุลาธน รักษาการเลขาธิการพรรคก้าวไกล ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ถามว่า ยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกล คือมีทั้งตำแหน่งรองประธานสภาและผู้นำฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ อย่างไรก็ตาม หลังจากประชุมในวันที่ 23 กันยายน จะมีความชัดเจนในเรื่องต่างๆ มากขึ้น
เมื่อถามว่า หลังจากนี้นายพิธาจะมีตำแหน่งอะไรในพรรคก.ก.หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า รอให้มีกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก่อน หลังจากนั้น คงมีการจัดวางว่านายพิธาจะอยู่ในตำแหน่งอะไร อย่างไรก็ตาม นายพิธาก็ยังเป็นส่วนหนึ่งและเป็นผู้นำของพรรคอยู่แล้ว แม้จะไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคก็ตาม ส่วนโอกาสที่นายพิธาจะได้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่นั้น คิดว่าทุกองคาพยพในพรรคยอมรับในความเป็นผู้นำของนายพิธาอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่าทันทีที่นายพิธาพ้นข้อสงสัยเรื่องคดีหุ้นไอทีวีก็พร้อมกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคใช่หรือไม่นายธวัชกล่าวว่า “ก็เป็นไปได้ครับ”
เมื่อถามว่า การลาออกของนายพิธาหมายความว่า พรรคก้าวไกลจะไม่ยอมเสียตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า เป็นข้อเสนอของนายพิธาเอง
ที่คิดว่าพรรคก้าวไกลควรทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์ ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านควรมาจากพรรคหลักของฝ่ายค้าน จึงเป็นเหตุผลให้นายพิธาสละตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ณ ขณะนี้ ซึ่งกรรมการบริหารพรรคได้หารือกัน รวมถึงพูดคุยในที่ประชุมสส.แล้ว จนได้ข้อยุติ
เมื่อถามว่า เป็นเกมบีบพรรคก้าวไกล หรือไม่นายชัยธวัช กล่าวว่า ใช่ จริงๆ เรื่องนี้มีการตีความกันเยอะแม้กระทั่งภายในพรรคเองก็ยังมีความเห็นว่า ยังสามารถเสนอชื่อนายพิธาเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าปัญหานี้ใครจะตีความ ซึ่งนายพิธาจึงตัดสินใจลาออกเพื่อให้เกิดความชัดเจนโดยไม่ต้องตีความกัน คิดว่าทุกคนเอาเป้าหมายส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
ทั้งนี้ นายชัยธวัช ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “ไม่เสียขวัญ” พร้อมกล่าวติดตลกว่า “รอเป็นนายกฯ ทีเดียว”
4) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกลได้มีการประชุมเพื่อหาทางออกเรื่องผู้นำฝ่ายค้านหลายครั้ง โดย สส.ส่วนใหญ่ มีความเห็นว่าพรรคก้าวไกลควรรับตำแหน่งนี้ รายชื่อตัวเต็งที่จะได้รับการเสนอชื่อในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนต่อไป มีการเสนอชื่อทั้ง นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ที่มีบทบาทอย่างมากในการทำงานให้กับพรรค รวมทั้งในการเจรจาประสานงานตั้งรัฐบาลและการเจรจาขอเสียงสนับสนุนจาก สว.เพื่อโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ
ขณะเดียวกัน มีบางกลุ่มสนับสนุน นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ ที่มีบทบาทอย่างมากในการทำงานเวทีในสภาฯ ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล การนำเสนอกฎหมาย ให้ข้อเสนอแนะการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งด้านการตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ จากการเป็นกรรมาธิการฯพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีและมีแนวโน้มน่าจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แทน พร้อมทั้ง รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกด้วย
5) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ในฐานะ สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสข่าวการขับตนออกจากพรรคเพื่อรักษาเก้าอี้รองประธานสภาว่า เราจะคุยเรื่องนี้กับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เท่านั้น เท่าที่ทราบพรรคก้าวไกลจะมีการประชุมวิสามัญเร็วๆ นี้ หลังจากนั้นค่อยมาว่ากัน
6) ระหว่างสร้างคอนเทนต์ทางบวกอยู่นั้นคอนเทนต์ทางลบก็มี ได้แก่กรณี ลูกสาวของ สมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดเสื้อแดง และผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก สมบัติ ทองย้อย ว่า ไม่เป็นความจริงที่บอกว่า “ก้าวไกลช่วยประกันตัว”ถ้าไม่อยากอ่านเยอะข้ามไปข้อ 3 ได้เลยค่ะ
3.มีคนเสนอให้ลองติดต่อพรรคก้าวไกลไปเพราะทางพรรคชูเรื่อง 112 ซึ่งตอนนั้นณัฏติดต่อไปให้มาเป็นผู้กำกับดูแลคุณพ่อในการประกันตัว และใช่ค่ะ ทางพรรคติดต่อกลับมาว่าคนที่สามารถเป็นนายประกันให้ได้ต้องเป็นสส.เขตในบ้านณัฏ ตอนนั้นณัฏรอการตอบกลับจากสส.พรรคก้าวไกลเป็นอาทิตย์ซึ่งเมื่อเทียบกับคุณหมอทศพร ณัฏ ได้เอกสารจากคุณหมอทันทีที่ณัฏขอคุณหมอไป สุดท้ายณัฏได้รับการตอบกลับจากสส.ท่านนั้นซึ่งเป็นคำแจ้งมาจากทนายว่าอะไรรู้ไหมคะ“สส. ...ไม่สามารถเป็นผู้กำกับดูแลให้คุณสมบัติ ทองย้อยได้นะคะ” ตอนนั้นณัฏสงสัยและถามกลับไปว่าทำไม และคำตอบคือ “เนื่องจากภรรยาไม่อยากให้ข้องเกี่ยวกับเรื่อง 112 ค่ะ”
ณัฏเข้าใจพรรคเพื่อไทยได้ว่าที่พรรคไม่สามารถเป็นผู้กำกับดูแลช่วยเหลือกรณี 112 ได้เพราะทางพรรคชัดเจนแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่ณัฏพูดตรงๆ ว่าณัฏไม่เข้าใจว่าจริงๆ แล้วหลักการของพรรคก้าวไกลคืออะไร เพราะพรรคคุณชูเรื่อง 112 แต่พอขอความช่วยเหลือคุณกลับปฏิเสธและเหตุผลที่คุณปฏิเสธการช่วยเหลือมันยิ่งทำให้ณัฏไม่เข้าใจและหมดศรัทธาในพรรคก้าวไกลค่ะ พ่อณัฏเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนใจจากพรรคเพื่อไทย แต่บอกเลยว่าณัฏคือคนหนึ่งที่คายส้มจนหมดเปลือกอีกเรื่องหนึ่ง คือ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะยื่นเรื่องถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้เจ้าพนักงานเรียกให้นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกลนำใบ สด.43 มาแสดงความบริสุทธิ์เพื่อประกอบการตรวจสอบกับสารบบทะเบียน สด.43 ว่าถูกต้องตรงกัน หรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องตรงกัน หรือไม่ปรากฏในสารบบทะเบียนของทางการทหาร ขอให้ตรวจสอบต่อไปด้วยว่า มีการปลอมหรือใช้เอกสารราชการปลอมหรือไม่
เพราะจากพยานหลักฐานที่นายเรืองไกรรวบรวมมา “...มีเหตุอันควรตรวจสอบต่อไปว่า นายจิรัฏฐ์ทองสุวรรณ ที่มีชื่อเดิมว่า นวรินทร์ ทองสุวรรณ์ นั้น เป็นบุคคลเดียวกันที่อยู่ในคดีดำที่ 3162/55 คดีแดงที่ 3132/55 ชื่อผู้เสียหาย เจ้าพนักงาน ชื่อผู้ต้องหานายนวรินทร์ ทองสุวรรณ์ ข้อหาเป็นทหารไม่มาคัดเลือกหรือไม่ และตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า นายจิรัฏฐ์ทองสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เคยผ่านการเกณฑ์ทหารโดยชอบ หรือไม่ อย่างไร มีใบ สด. 43ที่ออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
สรุป : แม้จะมีบาดแผลเล็กน้อยระหว่างทาง แต่ทั้งพรรคก้าวไกลและด้อมส้ม ไม่มีทางให้ความสนใจกับบาดแผลเหล่านี้ พวกเขาจะถูกปลุกเร้าด้วยคอนเทนต์ใหญ่ “ก้าวต่อไป...ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” มากกว่า !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี