นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกพรรคก้าวไกลขับออกจากพรรค เคยแถลงข่าวส่งสัญญาณสู่สังคมว่า
1.กระบวนการสอบของก้าวไกล มี “ความไม่ใส่ใจ” หรือ “ไม่ให้ความสำคัญ” กับตน อาทิ กรรมการบางคนมาฟังข้อมูลของตนตอนห้านาทีสุดท้าย จนมีคำถามเรื่องความยุติธรรม รวมถึงกรรมการวินัยทำไมมีแต่ สส. ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่ “การเมือง” มาร่วมวินิจฉัย
2.มี “การเมืองภายในพรรค” เริ่มต้นในจังหวัดปราจีนบุรี ที่ตลอดเวลาหาเสียงเลือกตั้ง เพจ “พรรคก้าวไกลปราจีนบุรี” ไม่มีรูปของตนเลย แม้กระทั่งวันที่ตนชนะเลือกตั้ง ก็ไม่มีการแสดงความยินดีใดๆ
3.คนของพรรคก้าวไกลในจังหวัดปราจีนบุรี เคยให้สัมภาษณ์กับเพจฝ่ายตรงข้าม และเป็นคนพา “คู่กรณี”ของตน ไปร้องเรียนตามที่ต่างๆ รวมถึงที่พรรคด้วย ในกรณี sexual harassment
4.คนคนนั้นเป็นผู้ช่วย สส. และมีบางคนออกมาให้สัมภาษณ์ชี้นำกระบวนการสอบ ก่อนผลการสอบจะออกมาถึงสองครั้ง
5.มีเรื่องการหาผลประโยชน์ในท้องที่ ที่ตนขัดขวาง จึงน่าจะเป็นที่มาของการ “เล่นงาน” ตนในครั้งนี้
ต่อมาวุฒิพงศ์ หรือ “แจ้” ออกมาแถลงข่าวระบุว่า
1) มีความไม่ชอบมาพากลในการขับตัวเองออกจากพรรคก้าวไกล โดยได้นำภาพหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า มีความพยายามทำให้ตนอยู่ในพื้นที่ไม่ได้ หลังจากไปเจอและสืบทราบว่า “ผู้ช่วย ส.” ท่านหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ช่วย สส.กรรมการบริหารพรรค เกี่ยวพันกับการเอื้อรับผลประโยชน์จากโรงงานกำจัดขยะในพื้นที่ปราจีนบุรีหลายล้านบาท พร้อมโชว์แชทไลน์หลักฐานและคลิปเสียงการซื้อขายที่ดินดังกล่าว โดยตนเคยนำหลักฐานส่วนนี้ยื่นกับพรรคก้าวไกลให้ตรวจสอบการทุจริต แต่กลับถูกเพิกเฉย เนื่องจากมีกรรมการบริหารพรรคท่านหนึ่ง เข้ามาชงเรื่องเอง ทำเอง ตรวจสอบเอง และสรุปเองว่า ไม่มีความผิดตนจึงมั่นใจว่า การถูกขับออกของตน เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน
2) “แจ้” เปิดภาพความเชื่อมโยงระหว่างผู้เสียหายที่ร้องสอบพฤติกรรมของตนกับ “ผู้ช่วย ส.” ว่า“สนิทสนมกัน” และ “ผู้ช่วย ส.” คนนี้ก็เป็นคนพาผู้เสียหายคนดังกล่าวเข้ามาร้องเรียนตนถึงพรรค รวมถึงเดินสายให้สัมภาษณ์สื่อ ที่อยู่ตรงข้ามพรรคก้าวไกล โดยอ้างว่าเป็นชาวบ้าน เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ ก่อนจะนำไปสู่การขับตนออกจากพรรค โดยใช้เวลาแค่ 22 วัน ตนจึงไม่แน่ใจว่า ไปเหยียบเท้ากรรมการบริหารพรรคคนไหนหรือไม่ เพราะกรรมการบริหารพรรคท่านนี้ก็พยายามเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบเรื่องคุกคามทางเพศของตน
3) แจ้บอกว่า “อย่าปฏิเสธว่าไม่เคยคุยกันเลย อะไรที่เก็บไว้ซุกไว้ ก็เอาออกมาคุยกันเยอะๆ ปัญหาจะได้ไม่เกิด”โดยยืนยันว่า เรื่องทุจริตที่ตนออกมาแถลงกับสื่อครั้งนี้ ตนมีพยานหลักฐานทุกอย่าง ขาดเพียงสลิปโอนเงินแต่ไม่ขอลงในรายละเอียด และตอนนี้ยังไม่ได้มีการตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีกับ “ผู้ช่วย ส.” เพราะอยากให้เห็นกระบวนการของพรรคก้าวไกลมากกว่า
4) เมื่อถามว่า “ผู้ช่วย ส.” ได้มีการฟ้องหมิ่นประมาทตนเอง ความคืบหน้าเป็นอย่างไร นายวุฒิพงศ์ หรือ “แจ้” ตอบว่า ตนไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะเขาไปแจ้งความไว้ตามสถานีตำรวจ และข้อมูลไม่เป็นจริง
5) เรื่องนี้ร้อนถึง นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องออกมาชี้แจงหลายประเด็นคือ
5.1.กรรมการบริหารพรรคได้รับทราบข้อมูลที่นายวุฒิพงศ์ถูกร้องเรียนในช่วงระหว่างที่กำลังแก้ข้อกล่าวหากรณีคุกคามทางเพศ ซึ่งนายวุฒิพงศ์พยายามนำประเด็นนี้มาโต้แย้ง และนำข้อมูลมาให้ว่า การร้องเรียนมีแรงจูงใจจากผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งพรรคไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ และต้องมีพิจารณาแยกจากกัน เนื่องจากข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการกล่าวหาคุกคามทางเพศต่อให้การเรียกรับผลประโยชน์เป็นเรื่องจริง ก็ไม่เกี่ยวกัน ไม่มีผลต่อการพิจารณาเรื่องการคุกคามทางเพศ
5.2.ตนและผู้บริหารพรรคได้แจ้งกับกรรมการวินัยไปหลายสัปดาห์แล้วว่า เมื่อพิจารณาเรื่องการคุกคามทางเพศเสร็จ จะต้องมีการพิจารณาในข้อกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ของพรรคเรียกรับผลประโยชน์จากบ่อขยะต่อเลย โดยพรรคได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ แต่เนื่องจากผู้ที่ถูกกล่าวหาบวชอยู่จึงต้องรอให้สึกออกมาก่อน แล้วค่อยเข้าสู่กระบวนการสอบข้อเท็จจริง
5.3.ขอยืนยันว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาว่าทุจริต เป็นผู้ช่วยใกล้ชิดกับกรรมการบริหารพรรค ไม่ส่งผลต่อการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะ “น.ส.เบญจา แสงจันทร์” สส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรค ที่ถูกกล่าวถึง ไม่ได้มีส่วนโหวตในขั้นตอนของกรรมการวินัย เมื่อผลสอบของกรรมการวินัยส่งมาถึงกรรมการบริหารพรรค น.ส.เบญจา ของดออกเสียง เพราะรู้ว่าตนเองเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาร่วมในกรณีนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม กรรมบริหารที่เหลือลงเสียงเป็นเอกฉันท์ และเห็นว่านายวุฒิพงศ์มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง
6) ต่อข้อถามที่ว่า แม้ น.ส.เบญจา ไม่ได้ร่วมโหวต แต่อาจจะมีการล็อบบี้คนอื่นให้โหวตขับนายวุฒิพงศ์ออกจากพรรค นายชัยธวัช ชี้แจงว่า น.ส.เบญจา กับ “ผู้ช่วย ส.” นั้น ไม่มีความสัมพันธ์ส่วนบุคคลเลย เพราะพรรคเป็นคนเสนอชื่อ “ผู้ช่วย ส.” ให้ น.ส.เบญจาตั้ง โดยพรรคเห็นว่าเป็นคณะทำงานในจังหวัดปราจีนบุรี และเมื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน น.ส.เบญจาได้นำรายชื่อออกจากการเป็นผู้ช่วย สส.แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดอคติในการตรวจสอบ
7) นายชัยธวัชบอกต่อไปว่า ส่วนที่พรรคก้าวไกลต้องทำต่อไป คือ การสอบสวนว่า มีการรับผลประโยชน์จริงหรือไม่
“ต้องเรียนอย่างนี้นะครับ ข้อเท็จจริงที่ สส. ปราจีนบุรี นำมากล่าวหา ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณเบญจาเลยเป็นเพียงการกล่าวหาว่าบุคคลที่เป็นทีมงานของพรรคในจังหวัดปราจีนบุรี มีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่ารับผลประโยชน์จากบ่อขยะ ทั้ง 2 กรณี จะต้องพิจารณาแยกกัน เรื่องคุกคามทางเพศก็เป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องทุจริตบ่อขยะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากบุคคลที่ถูกกล่าวหารับผลประโยชน์จากบ่อขยะจริง ก็ไม่สามารถลบเรื่องคุกคามทางเพศให้หายไป”
8) ส่วนประเด็นที่ “กรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร” แถลงกับสื่อว่า จะเชิญนายวุฒิพงศ์ เข้าไปให้ข้อมูล เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ นายชัยธวัช กล่าวทันทีว่า “ก็ดีเลยครับ” พร้อมกล่าวต่อว่า ตนก็อยากให้จริงจัง เพราะเครือข่ายผลประโยชน์ในการหากินกับบ่อขยะ รวมถึงขยะในอุตสาหกรรม มลพิษต่างๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออก เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล และนักการเมืองบ้านใหญ่เต็มไปหมด ตนยินดีด้วยซ้ำ หากทาง กมธ. มาช่วยสอบสวน ถ้าคนของพรรคก้าวไกลผิดจริง ตนยิ่งขอบคุณ และอย่าหยุดแค่นั้น ต้องสอบไปดูว่านักการเมืองบ้านใหญ่ มีใครที่เกี่ยวข้องกับบริษัทพวกนี้ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ชาวปราจีนบุรี เขต 2 เลือกคนของพรรคก้าวไกลหรือไม่
“ผมต้องยอมรับว่าคุณแจ้ เป็น สส.คนหนึ่ง ที่ทำงานเรื่องมลพิษอย่างแข็งขัน แต่เราต้องแยกออกจากกัน แม้คุณแจ้จะต่อสู้อย่างเต็มที่เรื่องสิ่งแวดล้อมให้กับชาวบ้าน มันไม่ได้ไปลบล้างอีกเรื่องหนึ่ง จนส่วนที่กระทำผิดจะต้องไม่ได้รับโทษ ผมมองว่าต้องแยกออกจากกัน”
9) ชัยธวัชยังปฏิเสธว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้ใช้วิธีพวกลากมากไป ตามที่แจ้กล่าวหา
“กรณีของนายวุฒิพงศ์ สส. และกรรมการบริหารพรรค พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่เป็นข้อยุติ ซึ่งในการประชุมก่อนหน้านี้ แม้ว่า สส.ในพรรค เห็นว่าทั้ง 2 กรณีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ และผิดวินัยขั้นร้ายแรงของพรรคจริง เพียงแต่มีการพิจารณาว่าทั้ง 2 เรื่องมีข้อเท็จจริงต่างกันว่า กรณีที่ 1 ชัดเจนว่าเขาใช้สถานะว่าที่ สส. รวมถึง สส. ในเวลาต่อมาในการกระทำผิด จึงเป็นเหตุให้ สส.เห็นว่า ควรจะลงโทษตามสัดส่วนของการกระทำผิด
10) ส่วนที่สังคมตั้งคำถามว่า จะดำเนินคดีอาญาหรือไม่ ชัยธวัชกล่าวว่า ไม่ใช่ผู้เสียหายทุกคนจะพร้อมตลอดเวลาในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม บางคนต้องการเวลากว่าที่จะพร้อม เขาต้องไปเล่าเรื่องซ้ำ ถูกกระทำชำเราซ้ำแต่เมื่อไหร่ที่ผู้เสียหายพร้อม ซึ่งตอนนี้มีอย่างน้อย 1 รายที่มีความประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย พรรคก็เตรียมนัดผู้เชี่ยวชาญคดีการคุกคามทางเพศ เพื่อให้การช่วยเหลือ
11) เมื่อถามว่า พรรคจะกู้ภาพลักษณ์อย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า เมื่อบุคคลในองค์กรมีปัญหา สิ่งที่ต้องยืนยันคือต้องดำเนินการตรวจสอบและลงโทษ อย่างตรงไปตรงมา ไม่ปกปิด หากผิดร้ายแรงก็ดำเนินการขั้นเด็ดขาด เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องทำให้สังคมเห็น ไม่ใช่ว่าไปช่วยกันปกปิด เพราะกลัวองค์กรเสียชื่อเสียง ไม่ใช่วัฒนธรรมของพรรคก้าวไกล แน่นอนว่ากระบวนการตรวจสอบก็ต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งกำลังพูดคุยกันอยู่ นอกจากนี้จะต้องมีมาตรการป้องกันที่ชัดเจนกว่านี้ รวมถึงมีการตรวจสอบเรื่องพวกนี้ เมื่อมีการร้องเรียน เรื่องคุกคามทางเพศ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“กรณีคุณแจ้ หากมีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาจริงๆ อาจจะผิดมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ” นายชัยธวัช กล่าว
สรุป : แจ้กำลัง “ดิ้นเฮือกสุดท้าย” ใช้เรื่อง “ทุจริต” ขึ้นสู้ แต่ชัยธวัชก็แก้ถูกจุด ว่า เฮ้ย! คนละเรื่องกันนะเว้ย!! คุกคามทางเพศก็เรื่องหนึ่ง ทุจริตก็เรื่องหนึ่ง ไม่เอามาหักลบกลบหนี้กัน และเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบทั้งสองเรื่อง
ทางเดียวที่ “แจ้” จะต้องทำอย่างไม่รีรอและไม่ลีลา คือ เอาพยานหลักฐานทั้งหมดที่บอกว่า “ขาดเพียงสลิปโอนเงิน” เท่านั้นมาแสดง อย่างเลวที่สุด คือ มอบให้แก่กรรมาธิการอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ ไม่ต้องไปลีลาว่า รอดูการตรวจสอบของพรรคก้าวไกล
ถ้าคุณเอาจริงเอาจังกับการ “ปราบโกง” และ “ปกป้องชาวบ้าน” จากมลพิษ แยกสองเรื่องนี้ออกจากกัน แล้วพิสูจน์ให้กระจ่างทั้ง 2 เรื่อง คือ เรื่องคุกคามทางเพศ และเรื่องการรับผลประโยชน์ของนักการเมือง
อย่าทำให้เป็นแค่ “เกมการเมือง” เพราะนั่นจะเป็นการฝังกลบ “ศพการเมือง” ที่ชื่อ “วุฒิพงศ์ ทองเหลา”มากกว่า !!
อย่าลืมว่า ผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่เรียกว่า “กองเชียร์” นั้น คุณสู้พรรคก้าวไกลไม่ได้
แต่สิ่งที่คุณจะสู้ได้ คือ “ความจริง” !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี