วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
บนโลกนี้ ยังมีหลายๆ พื้นที่ ที่มีความขัดแย้ง มีความไม่สงบ ไม่ว่าจะเป็นภายใน หรือภายนอกประเทศ โดยพื้นที่ขัดแย้งที่มีแรงงานไทยไปทำงานหาเลี้ยงชีพอยู่นั้น ก็พอจะระบุได้ดังนี้
1.ประเทศเกาหลีใต้ : ปัญหาคาบสมุทรเกาหลี (Korean Peninsula) ที่มีการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงระหว่างเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้
2.เกาะไต้หวัน : ปัญหาจีนแผ่นดินใหญ่ กับเอกราชของจีนเกาะไต้หวัน
3.เขตปกครองพิเศษฮ่องกง : การเข้ามาครอบงำ ครอบครองฮ่องกงมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ โดยรัฐบาลจีนที่ปักกิ่ง
4.ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง : ที่มีกรณีสงครามสู้รบระหว่างอิสราเอล กับฝ่ายปาเลสไตน์อาหรับ ระหว่างโลกอาหรับมุสลิม กับอิสราเอล รวมทั้งโลกมุสลิม กับอิสราเอล ไปจนถึงการขัดแย้งระหว่างฝ่ายมุสลิมชีอะห์ กับมุสลิมสุหนี่ และการเรียกร้องเรื่องสิทธิเสรีภาพระหว่างประชาชนพลเมือง กับฝ่ายผู้ปกครองที่เป็นเผด็จการ ซึ่งมีผลต่อความปลอดภัยของแรงงานไทย และแรงงานต่างด้าวต่างๆ ส่งผลให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองและการสู้รบ ก็จำเป็นต้องมีการขนย้ายคนไทยกลับสู่มาตุภูมิ เช่น ในกรณี การประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพที่เรียกว่าอาหรับสปริง เมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้วที่รัฐบาลไทยต้องนำนักศึกษาไทยมุสลิมประมาณ 2,000 คน กลับจากประเทศอียิปต์ และการนำแรงงานไทยเกือบ 10,000 คนที่ประเทศลิเบีย ออกมาอย่างสัมฤทธิผล และบัดนี้การนำแรงงานไทยออกจากอิสราเอลประมาณ 7,000 คน กลับสู่มาตุภูมิด้วยความเรียบร้อยอย่างเป็นที่น่าชื่นชม
ท่ามกลางความไม่แน่นอนดังกล่าว ก็เป็นการสมควรที่รัฐบาลไทยภายใต้การนำพาของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน พึงจะต้องทบทวนนโยบายและมาตรการการจัดส่ง และการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับแรงงานไทย โดยในลำดับแรกควรจะต้องให้แรงงานไทยได้ตระหนักถึงสถานการณ์ที่ล่อแหลมในประเทศที่จะไปทำงาน และการเจรจากับประเทศเจ้าภาพผู้รับแรงงานไทยเข้าไปทำงานให้เป็นกิจจะลักษณะ ตกลงกันในเรื่องการวางมาตรการร่วมมือ และแบ่งปันความรับผิดชอบเป็นสำคัญ
ในกรณีของเกาหลีใต้ แม้ว่าแรงงานไทยนั้นเป็นแรงงานส่วนใหญ่ในภาคการเกษตร และกิจการภาคเอกชนระดับกลาง เล็กและย่อย (Small and Medium size Enterprises-SMEs) ถือว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้อย่างยิ่ง แต่ก็ยังมีปัญหาว่า มีแรงงานไทยถึงประมาณ 100,000 คน ยังต้องอยู่กันแบบลักลอบผิดกฎหมาย ที่เรียกกันว่า แรงงานผีน้อย ไม่มีสิทธิ์พื้นฐาน และสวัสดิการที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ
ในกรณีของแรงงานไทยที่ไต้หวัน ก็มีความหมิ่นเหม่ต่อกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่จะทำการปิดล้อมเกาะไต้หวัน (Blockade) และการใช้กำลังโจมตีเกาะไต้หวันโดยฝ่ายจีนแผ่นดินใหญ่ ที่อาจเกิดได้ทุกเมื่อ
ในกรณีฮ่องกง ซึ่งก็เริ่มตกอยู่ในระบอบการเมืองการปกครองแบบคอมมิวนิสต์โดยจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้นเป็นลำดับ ก็จะส่งผลให้แรงงานต่างด้าวจะตกอยู่ในสถานะของความไม่มั่นคงและความไม่แน่นอนว่า รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่จะยังคงเห็นด้วยกับการให้มีแรงงานต่างด้าวอยู่ในฮ่องกงอีกต่อไปหรือไม่
ในกรณีตะวันออกกลาง ชาวโลกก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่อิสราเอล โดยอิสราเอลได้ทำการครอบงำ ดินแดนภายใต้การปกครองตนเองของฝ่ายปาเลสไตน์ ทั้งที่เขตเวสต์แบงก์ และเขตกาซา อย่างเป็นที่ประจักษ์แล้ว อีกทั้งชาวโลกก็ได้ประจักษ์ถึงขบวนการหัวรุนแรงต่างๆ ของชาวอาหรับมุสลิมในการที่จะล้มล้างรัฐบาลต่างๆ คู่ขนานกับการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของชาวอาหรับในแต่ละประเทศของตนในตะวันออกกลาง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะมีผลกระทบต่อแรงงานไทยอย่างแน่นอน
ฉะนั้นรัฐบาลไทยจะต้องเตรียมตัวเตรียมการปกป้อง และดูแลความทุกข์สุขของแรงงานไทย ทั้งในขณะที่กำลังทำงานหาเลี้ยงชีพอยู่ และต้องเตรียมแผนการอพยพขนย้ายกลับสู่ประเทศไทยล่วงหน้า เผื่อไว้เมื่อมีเหตุการณ์รุนแรง โดยเฉพาะภายในประเทศอาหรับที่มีความขัดแย้งเป็นทุนเดิมอยู่
อันดับแรก รัฐบาลไทยก็ต้องรีบเร่งเจรจากับประเทศเจ้าภาพเสียแต่บัดนี้ เพื่อป้องกันไว้ดีกว่าจะมาแก้ไขแบบกะทันหัน แก้แบบขาดการวางแผนและการเตรียมการต่างๆ
ฉะนั้น รัฐบาลไทยก็ต้องเปิดการเจรจากับประเทศต่างๆ เช่น
1.กับเกาหลีใต้ ในการแปลงสภาพแรงงานผีน้อย ให้เป็นแรงงานที่ถูกกฎหมาย และการร่วมกันวางแผนอพยพ ไปจนถึงเงินชดเชย และที่ต้องหยุดทำงาน และการเสียโอกาสที่จะไม่ได้ทำงานอีก ทั้งที่ได้ลงทุนในเรื่องค่าเดินทางและการเสียค่าป่วยการให้กับบริษัทนายหน้าต่างๆ เป็นต้น
2.ในกรณีไต้หวัน ก็ต้องมีข้อตกลงระหว่างรัฐต่อรัฐ ในการดูแลโดยทั่วไป และการจัดวางระบบดูแลและอพยพเมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน
3.ในกรณีฮ่องกง ฝ่ายรัฐบาลไทยก็ต้องเริ่มปรึกษาหารือกับทั้งรัฐบาลจีนที่ปักกิ่ง และฝ่ายคณะผู้ปกครองฮ่องกง เกี่ยวกับอนาคตของแรงงานไทยว่า จะให้คงอยู่ต่อไป
หรือไม่อย่างไร
4.กับประเทศในตะวันออกกลาง ก็ต้องเจรจา ให้มีข้อตกลงระหว่างรัฐกับรัฐในการดูแลต่างๆ เพื่อให้เกิดความถูกต้องยุติธรรม รวมทั้งการมีการจัดทำแผนสำรองเพื่อการอพยพกลับสู่ประเทศไทย
5.ในกรณีอิสราเอล ซึ่งไทยกับอิสราเอลก็มีข้อตกลงระหว่างรัฐกับรัฐแล้ว ก็น่าจะมีการทบทวนมาตรการร่วมมือในการดูแลความปลอดภัยของแรงงานไทย เช่น การให้ได้ไปทำงานในเขตที่ปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการเข้าไปทำงานในบริเวณที่หมิ่นเหม่ เช่น ในบริเวณที่ใกล้กับเขตแดนอิสราเอล กับฝ่ายปาเลสไตน์ ทั้งที่เขตเวสต์แบงก์และเขตกาซา ในช่วง 4-5 สัปดาห์ของประสบการณ์ที่ได้รับก็น่าจะนำมาทบทวน ปรับปรุง จัดทำเป็นแนวทาง (คู่มือ) ในการวางมาตรการดูแลต่างๆ ได้
ในมุมกว้างรัฐบาลไทยก็ต้องทบทวนเรื่องการส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศว่า มีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด และทำไมฝ่ายรัฐบาลไทยจึงไม่คิดที่จะสร้างงานที่ประเทศไทย เพื่อลดการพึ่งพาตลาดแรงงานต่างประเทศ ในเมื่อประเทศไทยก็มีนโยบายที่จะพัฒนาเศรษฐกิจที่จะต้องใช้แรงงานที่มีฝีมือและมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่ อีกทั้งไทยเราก็มีเขตนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเขตพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor-ECC) และประเทศไทยยังมุ่งไปในทิศทางของเศรษฐกิจแบบ 4.0 เศรษฐกิจแบบ BCG ทั้งนี้ในแง่ศักดิ์ศรีของประเทศแล้วก็ถึงเวลาที่ไทยเราจะต้องพัฒนาให้แรงงานไร้ฝีมือต่างๆ เป็นแรงงานที่มีฝีมือ และคนไทยก็จะต้องไม่เป็นผู้รับใช้ หรือผู้ให้บริการตามบ้านช่องครัวเรือนของชาวต่างประเทศอีกต่อไป
อีกมุมหนึ่งรัฐบาลไทยก็ต้องเริ่มทบทวนคำว่า “แรงงาน”ว่ายังจะเหมาะสมอีกหรือไม่ หรือจะเปลี่ยนแปลงชื่อของกระทรวงแรงงาน ให้เป็นกระทรวงกำลังคน (Manpower) ซึ่ง ณ ที่นี้ก็หมายถึงผู้นำไทยทั้งภาคการเมือง ข้าราชการประจำ และภาคเอกชนคงจะต้องมีวิสัยทัศน์ เพื่อให้กำลังพลของไทยไปกันได้กับโลกสมัยใหม่แห่งองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และห่วงโซ่การผลิตต่างๆ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com

เปิดใจ! อาสากู้ภัยนำข้าวแจกชาวบ้าน ถูกน้ำพัดหาย ยันไม่ท้อ กลับมาช่วยต่อ ส่งข้าวกล่องใหม่ 200 ชุด
'HP'เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่6,000ตำแหน่งทั่วโลก หวังลดค่าใช้จ่ายรับยุคของAI
โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ 'เขมวันต์ สงคราม' เป็นพลเรือเอก และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
หมอสมเกียรติ คลินิกดังกระบี่ เปิดคลินิกรักษาฟรี2วัน ส่งต่อทุกบาทช่วยน้ำท่วม
‘อนุทิน’เยี่ยมศูนย์ อพยพ ม.อ.หาดใหญ่ สั่งเร่งระดมช่วยคนติดค้าง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี