เรื่องไม่เป็นเรื่องของ สส. จำพวกไร้งานทำ หรือไม่มีสติปัญญาสร้างสรรค์งานที่ดี ก็คือชอบแส่และส่ายไปหาแสง เพราะคิดว่าการแส่ของตนเองนั้นจะทำให้ตนเองได้รับเสียงสนับสนุนทางการเมืองมากขึ้น ดังนั้น จึงเกิดปรากฏการณ์แส่ของ สส. จำพวกหิวแสง แต่ทว่าไร้สติ สิ้นปัญญา ด้วยการลากลิ้นของตนเองไปละลาบละล้วงเรื่องการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี
อันที่จริง การแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคีเกิดมานานแล้ว นานกว่าอายุของ สส. จอมแส่ และอาจจะมากกว่าพ่อแม่ของเหล่า สส. จอมแส่หลายรายด้วยซ่้ำไป ขอย้อนประวัติการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรฯ ให้ทราบโดยสังเขปดังนี้ การแข่งขันฟุตบอลเกมนี้เป็นการแข่งขันกันระหว่างโรงเรียนชายล้วนสี่แห่ง คือ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และโรงเรียนอัสสัมชัญ โดยเริ่มแข่งขันครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2507 (การแข่งขันครั้งแรกเกิดในช่วงวันที่ 16 ตุลาคม ถึง 18 พฤศจิกายน 2507) โดยเป็นความคิดริเริ่มของครูโปร่ง ส่งแสงเติม อาจารย์ใหญ่ของสวนกุหลาบฯ กับครูอารีย์ เสมประสาท อาจารย์ใหญ่ของกรุงเทพคริสเตียนฯ โดยครูทั้งสองท่านได้ไปหารือกับครูบุญอวบ บูรณบุตร อาจารย์ใหญ่ของเทพศิรินทร์ กับ ครูบรรณา ชโนดม อาจารย์ใหญ่ของอัสสัมชัญ เพื่อขอให้ร่วมกันจัดแข่งขันฟุตบอลของโรงเรียนทั้งสี่แห่ง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนและคณาจารย์ของทุกโรงเรียน ซึ่งก็ได้รับการตกลงและร่วมมือกันเป็นอย่างดี จึงเป็นจุดกำเนิดฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี ในยุคแรกนั้นจัดแข่งขันทุกปีแต่บางปีที่มีปัญหาและอุปสรรคก็งดการแข่งขันไปบ้าง จนกระท้่งปี 2530 จึงมีความคิดร่วมกันว่าให้จัดแข่งทุกๆ สองปี
กล่าวได้ว่า การแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรฯ เป็นเกมการแข่งขันที่ได้รับการกล่าวขวัญอย่างมากในหมู่สาธารณชนของไทย เพราะนอกจากเกมฟุตบอลจะสนุกสนานเร้าใจแล้ว ยังมีการแสดงอื่นๆ ประกอบการแข่งขันฟุตบอลด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการแปรอักษรของนักเรียนจากโรงเรียนทั้งสี่แห่งซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีสีสัน และมีเสน่ห์มากที่สุดในบรรดาการแปรอักษรในระหว่างการแข่งขันฟุตบอล ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าการแปรอักษรของฟุตบอลจตุรมิตรฯ มีเสน่ห์ไม่ด้อยไปกว่าการแปรอักษรในการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จากเกมการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี จึงกลายเป็นคำสั้นๆ ที่ติดปากนักเรียนของโรงเรียนทั้งสี่ไปโดยปริยายด้วยคำว่าจตุรมิตร และเมื่อได้ยินคำว่าจตุรมิตร ก็จะทำให้เข้าใจโดยพลันในระหว่างหมู่มวลนักเรียนสวนกุหลาบ เทพศิรินทร์ อัสสัมชัญ และกรุงเทพคริสเตียน ดังนั้นคำว่าจตุรมิตร จึงไม่ได้จำกัดวงแค่เพียงการแข่งขันฟุตบอลของโรงเรียนทั้งสี่แห่งเท่านั้น แต่เป็นความเหนียวแน่นกลมเกลียวแน่นแฟ้นอย่างยิ่งยวดระหว่างผองเพื่อนมวลมิตรของโรงเรียนชายล้วนที่มีความเก่าแก่มากเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย
การแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรฯ ดำเนินมาเป็นอย่างดีเป็นเวลาหลายทศวรรษ ถึงแม้จะเป็นเสมือนเรื่องภายในของโรงเรียนชายล้วนทั้งสี่แห่งก็ตาม แต่ทว่าก็เป็นที่สนอกสนใจของผู้คนทั่วไปในประเทศไทยอย่างมาก อาจเป็นเพราะโรงเรียนชายทั้งสี่นั้นมีความเป็นมาที่ยาวนาน มีเกียรติประวัติที่น่าสรรเสริญของสาธารณชน และมีผู้คนมากมายบนแผ่นดินไทยให้การยอมรับในเกียรติภูมิของโรงเรียนทั้งสี่แห่ง ดังนั้นทุกๆ ครั้งเมื่อมีการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรฯ ก็จึงได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไป แม้จะไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนทั้งสี่ก็ตาม แต่สาธารณชนก็ยินดีติดตามเกมการแข่งขัน และเฝ้าชมการแปรอักษรที่แสดงให้สังคมได้เห็นถึงความคิดดี ใฝ่ดี และจิตสำนึกดีๆ ที่โรงเรียนทั้งสี่ปลูกฝังให้กับลูกศิษย์ของตนเอง
เรื่องราวของจตุรมิตรฯ หรือฟุตบอลจตุรมิตรฯ ดำเนินมาจนถึงปีล่าสุดคือปี 2566 ก็นับได้ว่าเป็นปีที่สังคมกล่าวขานถึงเกมการแข่งขันของจตุรมิตรฯ อย่างมากอีกครั้ง โดยเฉพาะการแปรอักษรด้วยการอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 รวมถึงการอัญเชิญพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 10 รวมถึงพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ต้องยอมรับว่าฝีมือการแปรอักษรโดยแสดงเป็นภาพต่างๆ ของเหล่าจตุรมิตรนั้นมีความงดงามอย่างเกินจะบรรยายได้ และยังแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ และความสมัครสมานสามัคคีของเหล่าจตุรมิตรอย่างแน่นแฟ้น
เรื่องราวที่ดีๆ เหล่านี้ กลับกลายเป็นเรื่องที่สร้างความหนักศีรษะให้กับเหล่า สส. หิวแสงบางจำพวก เน้นว่าโดยเฉพาะ สส. ที่เพิ่งเกิดใหม่ จำพวกขนเพิ่งงอก แล้วอยากดังด้วยกรรมวิธีอุบาทว์ สส. ไร้เกียรติเหล่านั้นอ้างว่ามีการบีบบังคับให้นักเรียนของจตุรมิตรต้องขึ้นอัฒจรรย์เพื่อแปรอักษร ซึ่งก็ต้องบอกว่า เป็นความโง่และเขลาอย่างที่สุดของ สส. เพราะไม่เคยมีใครบีบบังคับให้นักเรียนของจตุรมิตรต้องทำในสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการกระทำ แต่นักเรียนของจตุรมิตรมีสติและมีปัญญามากพอที่จะไตร่ตรอง ใคร่ครวญได้ว่าสิ่งใดเหมาะและควรกระทำ ก็จะเต็มใจกระทำการนั้นๆ ด้วยความยินดีและปรีดา พร้อมกับภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกิจกรรมที่ทรงเกียรติของโรงเรียน
ขอย้ำยืนยัน และย้ำอย่างหนักแน่นว่า นักเรียนจตุรมิตรมีความคิด มีสติ มีปัญญา มีความรู้ว่าอะไรเหมาะ อะไรควร พวกเหล่าจตุรมิตรจึงตั้งอกตั้งใจทำสิ่งดีๆ เพื่อเชิดชูชื่อเสียง และเกียรติภูมิของโรงเรียน และของตนเองด้วยความเต็มใจยิ่ง ขอย้ำว่าเหล่าจตุมิตรคิดเป็น เพราะฉะนั้น สส. จำพวกหิวแสงจงอย่างได้บังอาจแสดงความโง่ของตนเอง แล้วเข้าไปก้าวก่ายการตัดสินใจด้วยสติปัญญาของเหล่าจตุรมิตร ขอย้ำว่าจตุรมิตรส่วนใหญ่มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองมากกว่า สส. จำพวกไร้สติ และสิ้นปัญญา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี