การขอพระราชทานอภัยโทษ ต่างกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรม
การพระราชทานอภัยโทษ เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์พสกนิกรผู้จงรักภักดีล้วนเชื่อมั่นในพระบรมราชวินิจฉัย
ส่วนการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เป็นการกระทำโดยนักการเมืองซึ่งไม่มีใครคัดค้านการนิรโทษกรรม หากนิรโทษกรรมเฉพาะการแสดงออกทางการเมืองที่ออกมาชุมนุม แล้วผิดกฎหมายเล็กน้อยๆ ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ไม่รวมถึงการเผาทำลายทรัพย์สินราชการ ฆาตกรรม ทำร้ายร่างกายกันรุนแรง หรือการจาบจ้วงใส่ร้ายบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความเท็จ ม.112 ฯลฯ
1. กฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้มีการใช้บังคับมาแต่เก่าก่อนทุกยุคทุกสมัย ทุกรัฐบาล
ผู้ชุมนุมเกือบทั้งหมด ผู้ปราศรัยทางการเมือง นักเขียน บรรณาธิการสื่อมวลชน ฯลฯ ส่วนมากไม่ได้ถูกดำเนินคดีด้วยความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ม.112
มีแค่ไม่กี่คนที่มีพฤติกรรมจงใจกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว
ไม่มีเหตุจำเป็นอันใด ที่จะต้องไปนิรโทษกรรมให้กับคนที่จงใจกระทำผิดกฎหมาย ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
หากต้องการได้รับการลดหย่อนโทษหรืออภัยโทษ ก็มีกระบวนการยุติธรรมตามปกติอยู่แล้ว
2. นักการเมืองจะอาศัยอำนาจหน้าที่ความเป็น สส. ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ม.112 เท่ากับว่า นักการเมืองคิดกันเองว่าจะล้างผิดให้คนจาบจ้วงดูหมิ่นองค์พระประมุขของประเทศ โดยที่คนเหล่านั้น ยังไม่เคยสำนึกผิดเลย และยังพร้อมจะกระทำผิดซ้ำซากต่อไป
นักการเมืองพวกนี้ ต้องเรียกว่า นักการเมืองสามานย์
ในกมลสันดาน คือ เอาแต่จะหาเสียง ช่วยเหลือพวกพ้องทางการเมืองของตนเอง
3. กลุ่มคนที่พยายามอ้างว่า ม.112 ไม่ชอบธรรม บังคับใช้ไม่ถูกต้อง ล้วนแต่หดหัวอยู่ในกระดอง
ไม่มีแม้แต่คนเดียว พร้อมจะดีเบทกับ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์เพื่อถกแถลงด้วยข้อมูลความจริง เนื่องจาก ดร.อานนท์เคยเป็นพยานในคดี 112 หลายคดี ได้รับรู้ข้อมูลความจริงแต่ละคดี ว่ามันไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งอะไรเลย มีแต่คนเหล่านั้นกระทำผิดจริงๆ พยานหลักฐานมัดแน่นหนา และศาลก็มีคำพิพากษาแต่ละคดี ตามพฤติการณ์แห่งความผิดของแต่ละคน
บางคดี ศาลยกฟ้อง
บางคดี ศาลลงโทษจำคุก แต่รอลงอาญา
บางคดี ศาลลงโทษจำคุก ไม่รอลงอาญา เพราะพฤติการณ์อุกอาจทำซ้ำซาก ไม่สำนึก ฯลฯ
4. กฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ศาลรัฐธรรมนูญ เคยมีคำวินิจฉัยชี้ขาด ว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 บัญญัติอยู่ในภาคความผิดลักษณะที่ 1 ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวด 1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
เป็นมาตรการของรัฐที่มีขึ้นเพื่อคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์จากหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ซึ่งการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ เพราะพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่รัฐธรรมนูญบัญญัติรับรองและคุ้มครองไว้ และเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศไทย
ดังนั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จึงเป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ที่มีความหมายเช่นเดียวกับการเป็นกฎหมายที่มีขึ้นเพื่อการรักษาความมั่นคงของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 45 วรรคสอง ที่เป็นเงื่อนไขแห่งการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 วรรคหนึ่ง
อัตราโทษตามที่ประมวลกฎหมายอาญา 112 กำหนดไว้ก็เป็นการกำหนดเท่าที่จำเป็นเพื่อให้รัฐธรรมนูญมาตรา 8 ที่รับรองสถานะของพระมหากษัตริย์มีผลใช้ได้อย่างสมบูรณ์ในทางปฏิบัติ และเป็นการจำแนกการกระทำความผิดที่เหมาะสมและได้สัดส่วนกับสถานะของบุคคลที่ประมวลกฎหมายอาญาได้กำหนดไว้ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ใช้เป็นทางการทั่วไป ไม่ได้มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง
และไม่ได้กระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 วรรคหนึ่ง แต่ประการใด เพราะบุคคลทุกคนยังมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นภายในขอบเขตที่ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นี้
5. คนบางจำพวกที่อวดอ้างสร้างภาพว่าตนเป็นพวกหัวก้าวหน้า มีความรู้ดี แต่สุดท้ายกลวงโบ๋เบ๋
น่าเสียดายที่ด้อมส้มมักหลงเชื่อคนพวกนี้แบบไม่ลืมหูลืมตา
แถมยังพาลไปบูลลี่ ด้อยค่า บุคคลหรือสื่อที่นำเสนอข้อมูลความจริงตามคำยุยงปลุกปั่นของพวกศาสนาหัวกลวงเหล่านั้นด้วย
ยกตัวอย่าง กรณีคลิปที่มีการอ้างว่าคดีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ไม่ถูกดำเนินคดี ม.112 แต่มีคุณลุงที่ดูข่าวช่องท็อปนิวส์ยืนยันว่ามีกรณีถูกดำเนินคดี ม.112 จริงๆ ปรากฏว่า นางสาวพรรณิการ์ได้นำกองเชียร์สามนิ้วรุมโห่ บูลลี่คุณลุงท่านนั้น เพื่อบูลลี่ว่าดูข้อมูลจากท็อปนิวส์ !!!
ทั้งๆ ที่ ความจริง เป็นไปตามที่คุณลุงท่านนั้นกล่าว และเป็นไปตามที่ท็อปนิวส์นำเสนอ!!!
ยกตัวอย่าง
5.1 คดี 112 ไรเดอร์เผาพระบรมฉายาลักษณ์ นายสิทธิโชค เศรษฐเศวตนำของเหลวคล้ายว่าเป็นน้ำมันไปฉีดพ่นใส่กองเพลิงที่ลุกไหม้อยู่บริเวณฐานพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และพระบรมราชินี บริเวณเกาะกลางถนนราชดำเนินนอก ระหว่างม็อบสามนิ้ว เมื่อ 18 กรกฎา 2564
ศาลวินิจฉัยว่า พระบรมฉายาลักษณ์มีค่าเท่าตัวบุคคล มีไว้กราบไหว้และเป็นที่เคารพสักการะ ต้องเก็บรักษาและดูแลไม่ให้เสื่อมเสียเกียรติ ไม่ควรแสดงเสรีภาพที่เป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด
พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี และจำคุกอีก 6 เดือน ในฐานความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้ 1ใน 3 คงเหลือโทษจำคุกรวม 2 ปี 4 เดือน
5.2 คดี 112 ของ “โชติช่วง” (นามสมมุติ) อดีตไรเดอร์ อายุ 29 ปีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ซึ่งติดตั้งอยู่ที่สวนหย่อมใต้ทางต่างระดับบางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2564
คดีนี้จำเลยรับว่าเป็นผู้เผาพระบรมฉายาลักษณ์ดังกล่าวจริง แต่อ้างว่าตนอยู่ในสภาพมึนเมา ไม่มีสติ และไม่ได้มีเจตนาทางการเมืองแต่อย่างใด
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานโจทก์ทุกปากเบิกความตรงกันว่า ในขณะเกิดเหตุประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10เป็นสัญลักษณ์มีค่าเท่ากับพระมหากษัตริย์ ประดิษฐานไว้ให้ประชาชนเคารพสักการะ แสดงความจงรักภักดี พระบรมฉายาลักษณ์ที่เกิดเหตุตั้งอยู่ตรงข้ามห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีประชาชนผ่านไปมาจำนวนมาก แสดงว่าการเผาพระบรมฉายาลักษณ์ดังกล่าวต้องการให้ประชาชนที่ผ่านไปมาพบเห็น พระบรมฉายาลักษณ์สูง 4.5 เมตร รอยไหม้ของพระบรมฉายาลักษณ์อยู่ด้านบน แสดงว่าจำเลยต้องใช้ความพยายามปีนโครงเหล็กขึ้นไปด้านบนเพื่อวางเพลิงเผาทรัพย์ และให้ประชาชนเห็นได้ ในโทรศัพท์มือถือของจำเลยมีภาพถ่ายเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง จึงเชื่อว่า จำเลยมีแนวคิดต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ มีเจตนาวางเพลิงเผาทรัพย์ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เกิดความเสื่อมเสีย พยานโจทก์ไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัย มีน้ำหนักรับฟังได้
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ ตามมาตรา 217 และฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามมาตรา 358 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 112 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 3 ปี
5.3 นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายคดี รวมถึงคดีแอมมี่ ที่เผาพระบรมฉายาลักษณ์หน้าเรือนจำ ก็โดนคดี 112 ด้วย อีกไม่นานคงจะมีการอ่านคำพิพากษาว่า มีความผิดหรือไม่?
จะเห็นว่า ถ้าเผาพระบรมฉายาลักษณ์ โดยมีเจตนาแสดงออกให้คนเห็นถึงการลบหลู่ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ นั่นคือเจตนาว่าทำผิด ม. 112จึงถูกดำเนินคดี 112
มันต่างกับการเผาโดยไม่มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่น แต่มีคนบางจำพวกพยายามแกล้งโง่ ตะแบงโกหกตัวเอง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี