เป็นไปตามความคาดหมายของหลายฝ่ายว่าเมื่อ สปป.ลาวรับตำแหน่งประธานหมุนเวียนอาเซียนต่อจากอินโดนีเซีย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 วิกฤตการเมืองในสหภาพพม่า จะพัฒนาไปในทางบวก แหล่งข่าวด้านความมั่นคงและนักวิเคราะห์ชาวพม่า มีความเห็นตรงกันว่า ลาวมีท่าทีประนีประนอมเรื่องกิจการภายในพม่ามากกว่าประธานหมุนเวียนอาเซียนปี 2566 แหล่งด้านความมั่นคงกล่าวว่าอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนปีที่ผ่านมามีอคติกับพม่า จากกรณีปราบปรามโรฮีนจา ทำให้โรฮีนจาหนีออกจากพม่า ไปพึ่งพาประเทศมุสลิมหลายแสนคนและอินโดนีเซีย เป็นประเทศหนึ่งที่ต้องรับภาระเลี้ยงดูผู้อพยพโรฮีนจาหลายแสนคน
...“ที่สำคัญอินโดนีเซียเดินตามก้นอเมริกาวิกฤตการเมืองในสหภาพพม่าจึงเลวร้ายลงไประหว่างที่อินโดนีเซียเป็นประธานอาเซียน “นักวิเคราะห์การเมืองชาวพม่ากล่าวกับแนวหน้าว่า” เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าสหรัฐสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติพม่าหรือเอ็นยูจี ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาและกองกำลังพิทักษ์ประชาชน หรือ พีดีเอฟ ล้วนจัดตั้งขึ้นโดยซีไอเอ สมัยอินโดนีเซียและบรูไนเป็นประธานอาเซียน พลเอกมิน อ่อง หล่ายถูกแบนไม่ให้ร่วมกิจกรรมใดๆ ในนามอาเซียน”
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ลาวซึ่งมีชายแดนติดพม่าจึงมีท่าทีผ่อนปรนทั้งกับรัฐบาลทหารพม่าและกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหาร เมื่อรับตำแหน่งประธานอาเซียน สปป.ลาวจึงเดินหน้าเจรจาให้ทุกฝ่ายลดความรุนแรงลงในทันที เมื่อวันที่ 10 มกราคมนายอลุนแก้ว กิตติคุณ ทูตพิเศษอาเซียน เดินทางไปเยือนพม่า นอกจากปรึกษาหารือกับ พลเอกมินอ่อง หล่าย นายอลุนแก้วยังได้ประชุมหารือกับตัวแทนจาก 7 กลุ่มชาติพันธุ์ ในประเด็นการหยุดยิง
แหล่งข่าวในหน่วยงานมั่นคงไทยกล่าวว่าการพบปะระหว่างผู้แทนพิเศษอาเซียนและกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ถือครั้งแรกตั้งแต่ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลเอ็นแอลดี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ที่เคยลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลพม่าที่พบปะกับทูตพิเศษอาเซียนในกรุงเนปิดอว์ได้แก่ 1.พรรคปลดปล่อยอาระกัน (ALP) 2. สภาสันติภาพกะเหรี่ยง (KNLA-PC) 3. สหภาพประชาธิปไตยลาหู่ (LDU) 4. สันนิบาตปลดปล่อยแห่งชาติเปา (PNLO)5. กองทัพกะเหรี่ยงประชาธิปไตย (DKBA) 6. ผู้แทนจากพรรครัฐมอญใหม่ (NMSP) และ 7. สภาฟื้นฟูรัฐฉาน (RCSS)
ในบรรดาสิบกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ได้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2552 แต่ไม่ได้พบกับทูตพิเศษอาเซียน ได้แก่ สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNU) ที่ต่อสู้กับทหารพม่าหลังการรัฐประหาร แนวร่วมแห่งชาติ Chin (CNF) และแนวร่วมประชาธิปไตยนักศึกษาเมียนมา (ABSDF)
...“นับเป็นนิมิตหมายดีที่ทูตพิเศษอาเซียนพูดเรื่องหยุดยิงกับกลุ่มชาติพันธุ์ตั้งแต่พบกันครั้งแรกผมเชื่อว่า สปป.ลาว พยายามที่สุดเพื่อให้เกิดความสงบ”แหล่งข่าวกล่าว เขากล่าวด้วยว่า ประเทศไทยต้องระมัดระวังในประเด็นวิกฤตการเมืองพม่า เนื่องจากว่ามีมหาอำนาจสองขั้วเข้ามามีบทบาทสำคัญในวิกฤตการเมืองพม่าคือจีนกับสหรัฐอเมริกา ประเทศไทยต้องไม่ผลีผลามเข้าข้างจีนหรืออเมริกาจนออกนอกหน้า... “ที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับกองทัพพม่า ในเวลาเดียวกันเราก็ไม่ขัดขวางฝ่ายต่อต้านทุกฝ่ายที่ใช้ชายแดนไทยเป็นที่เคลื่อนไหวเงียบๆ ต้องยอมรับความจริงว่าเสบียงและปัจจัยต่างๆ ของฝ่ายต่อต้านส่งผ่านชายแดนไทยตั้งแต่แม่สายลงไปถึงระนอง” แหล่งข่าวกล่าว
จีนกับสหรัฐ มีบทบาทในพม่าต่างกันตรงที่ สหรัฐอ้างว่าช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านด้านมนุษยธรรมแต่เงินช่วยเหลือที่ส่งไปให้ฝ่ายต่อต้านส่วนใหญ่แปลงเป็นอาวุธและอุปกรณ์สงครามไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียมหรือโดรนทิ้งระเบิด ฯลฯ ส่วนจีนมีความสัมพันธ์กับรัฐบาลพม่าและกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหาร ปักกิ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลกลางพม่าเนื่องจากจีนลงทุนในพม่ามากมายมหาศาลทั้งภาคเอกชน วิสาหกิจของรัฐตลอดถึงโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) จีนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สร้างท่อส่งแก๊ส ท่อส่งน้ำมันจากท่าเรือน้ำลึกทะเลอันดามันผ่านประเทศพม่าไปมณฑลยูนนานทางใต้ของจีน และในเวลาเดียวกันปักกิ่งก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ใกล้ชายแดนจีน ส่วนหนึ่งความสัมพันธ์มาจากเชื้อสายเดียวกันไม่ว่าจะเป็น ว้า ปะโอโกก้าง ฯลฯ กลุ่มชาติพันธุ์อยู่ใกล้ชายแดนจึงเหมือนคนจีนแผ่นดินใหญ่ทุกประการ กลุ่มชาติพันธุ์เมื่อมีปัญหาแย้งกันเองภายในฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำก็มักหนีเข้าไปลี้ภัยในประเทศจีน
ในกรณีแนวร่วมกองกำลัง “แนวร่วมพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ” อันประกอบด้วยโกก้าง อาระกัน และปะลอง ที่เปิดปฏิบัติการ 2017 ทำสงครามกับทหารพม่าทางตอนเหนือของรัฐฉาน และสุดท้ายกองกำลังพันธมิตรฯ สามารถยึดครองเมืองเล่าก์ก่ายเขตปกครองพิเศษโกก้างได้ โลกภายนอกเข้าใจว่าฝ่ายต่อต้านได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ แต่ในความเป็นจริงโกก้างที่ลี้ภัยในประเทศจีนกลับมายึดคืนเขตปกครองพิเศษจากโกก้างที่แปรพักตร์ไปเข้าข้างรัฐบาลพม่า และเหตุปัจจัยที่เอาชนะโกก้างแปรพักตร์ได้
เพราะจีนไม่พอใจ ที่โกก้างแปรพักตร์ทำให้เมืองเล่าก์ก่าย กลายเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมข้ามชาติแหล่งค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด การพนันออนไลน์ ที่สำคัญแก๊งหลอกลวงหรือคอลเซ็นเตอร์ในเล่าก์ก่ายสร้างความวิบัติเสียหายให้คนจีนในแผ่นดินใหญ่หลายหมื่นล้านหยวนและทำคนจีนตายหลายคน จีนโกรธที่พม่าไม่จัดการขั้นเด็ดขาดกับอาชญากรรมข้ามชาติเลยหนุนหลังโกก้างที่ลี้ภัยในจีนให้กลับเข้ามากวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งเป็นคนจีนด้วยกันนั่นเอง จึงสรุปว่า สงครามทางเหนือรัฐฉานเป็นเรื่องคนจีนปราบจีนและแทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามต่อต้านการยึดอำนาจในพม่าเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยใดๆ ทั้งสิ้น
วันที่ 25 ธันวาคม หนึ่งอาทิตย์หลังจากปราบจีนอาชญากรรมข้ามชาติในเมืองเล่าก์ก่ายได้ระดับหนึ่ง ปักกิ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาลงนามกับรัฐบาลทหารพม่าในข้อตกลงที่เรียกว่า “ภาคขยายในข้อตกลงในความเข้าใจในการร่วมลงทุนสร้างท่าเรือน้ำลึกและสร้างระเบียงเศรษฐกิจพิเศษในรัฐยะไข่มูลค่า8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการเมกะโปรเจกท์ที่จีนตกลงกับรัฐบาลพม่าตั้งแต่ปี 2562 แต่เกิดโควิด-19 ระบาดใหญ่ต้องชะลอโครงการไว้ และในข้อตกลงภาคขยายบันทึกว่าโครงการลงทุนร่วมทุนจีน 70% พม่า 30% นี้ จะเริ่มดำเนินได้ในต้นปี 2568
จึงเห็นได้ว่า เป้าหมายในการสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าปักกิ่งกับวอชิงตันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จีนสนับสนุนให้ฝ่ายต่อต้าน
ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติเฉพาะจุดใดจุดหนึ่งเมื่อเสร็จภารกิจจีนก็ปล่อยให้กลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าจัดการหารายได้เลี้ยงตัวเอง กลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ใกล้ชายแดนจีนส่วนใหญ่มีรายได้จากเหมืองแร่ เหมืองพลอย เหมืองหยก ป่าไม้ เก็บภาษีจากการค้าฝิ่น ตลอดถึงการตั้งด่านรีดไถสินค้าผ่านชายแดน
ส่วน พีดีเอฟ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าที่อเมริกาหนุนหลังนั้น ปฏิบัติการในเมืองใหญ่ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของพม่า เช่น มัณฑะเลย์ ย่างกุ้ง
สะไกง์ รัฐชินชายแดนอินเดีย และรัฐกะเหรี่ยงชายแดนประเทศไทย ซึ่งเป็นเขตที่ทรัพยากรขาดแคลนป่าไม้ก็หมดไปนานแล้ว รายได้ส่วนใหญ่ของ พีดีเอฟ มาจากการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของสหรัฐและประเทศตะวันตก รายได้หลักของฝ่ายพีดีเอฟอีกทางคือเงินบริจาคโดยคนพม่าที่ทำมาหากินต่างประเทศรวมทั้งประเทศไทย
กล่าวโดยสรุปคือความเข้าใจที่ว่าปฏิบัติการ 2017 คือ ชัยชนะเหนือรัฐบาลทหาร พม่าต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า กลุ่มชาติพันธุ์นั้นรบกันเป็นหย่อมๆ จุดใดจุดหนึ่งมานานแล้ว และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์สู้รบกันเองเพราะแย่งชิงผลประโยชน์กันภายใน และในห้วงเจ็ดสิบปีที่ผ่านมามีแต่พม่าที่เป็นฝ่ายรุกรานกลุ่มชาติพันธุ์ อาจมีบ้างเป็นบางครั้งที่กลุ่มชาติพันธุ์ก่อกวนเมืองใหญ่แต่เป็นการทำสงครามจรยุทธ์เพื่อให้เป็นข่าวเท่านั้น
เมื่อ สปป.ลาว ซึ่งมีชายแดนติดกับพม่า และมีประวัติศาสตร์ร่วมกันมานานหลายร้อยปีลาวย่อมเข้าใจบริบทสังคมวัฒนธรรมตลอดถึงการเมืองในพม่าดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สปป.ลาวที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนย่อมเข้าใจลึกซึ้งว่าระหว่างมหาอำนาจแดนไกลกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ขับไล่จักรวรรดินิยมมาด้วยกันนั้นลาวจะเลือกฝ่ายไหน
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี