วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เมื่อวันพุธที่ 24 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 14.00 น. หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 คดีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่าเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทไอทีวีในวันสมัครรับเลือกตั้ง แต่ไม่พ้นสมาชิกภาพ สส. เนื่องจากบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ไม่ได้ประกอบกิจการหรือมีรายได้จากกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนวิทยุโทรทัศน์
ความครั้งนั้นเป็นคุณแก่ “พิธาคิโอ/พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”ไม่เข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบกับมาตรา 98 (3)
เหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงอื้ออึงของกลุ่มผู้สนับสนุน “พิธาคิโอ/พิธา ลิ้มเจรญรัตน์” (ด้อมส้ม)พร้อมเสียงสำรอกสำรากแห่งความไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจเกี่ยวกับเก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่ยังเชื่อยังงมงายว่าหลังการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งสมควรเป็นนายกรัฐมนตรีตามฉันทานุมัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 52 ล้านเสียง แต่เลือก พิธาคิโอ/พิธาลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกลเพียง 14 ล้านเสียง
ทว่ากรรมไม่เคยหลอกลวงใคร ยังตามมาชี้เจตนาของผู้ก่อกรรมเสมอ ดังพุทธวจนที่ว่า “เจตนาหํ กมฺมํวทามิ เจตนานั่นแหละเป็นกรรม เมื่อมีเจตนาแล้ว บุคคลย่อมกระทำกรรมโดยทางกาย วาจา ใจ”
ภาษิตนี้เป็นหลักกฎหมายอาญามีไว้สำหรับพิจารณาพฤติการณ์ในการกระทำของจำเลยเพื่อกำหนดฐานความผิดของจำเลยโดยพิจารณาว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดหรือไม่ และยังใช้แยกเจตนายกเลิกออกจากเจตนาแก้ไข เพราะเจตนายกเลิกย่อมมีพฤติกรรมที่หนักกว่าเจตนาแก้ไข
ทั้งนี้ เนื่องจากเจตนาเป็นเรื่องที่อยู่ภายในจิตใจของผู้กระทำไม่มีใครหยั่งรู้ได้ ในการวินิจฉัยหรือพิสูจน์ว่าผู้กระทำมีเจตนายกเลิกหรือเพียงแต่มีเจตนาแก้ไขเท่านั้น
จึงต้องถือหลักว่า “การกระทำที่แสดงออกมาภายนอกเป็นเครื่องชี้ถึงสภาพจิตใจของผู้กระทำ”
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” นั่นเอง
ที่กล่าวมาทั้งหมดเพียงเพื่อจะตอกย้ำพฤติกรรมว่าที่สุดเจตนาประพฤติชั่วร้ายแรงก็ไม่พ้นคำวินิจฉัยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยมติเอกฉันท์ กรณีที่ “พรรคก้าวไกล” เคลื่อนไหวเรียกร้องกรณีแก้ไข/ยกเลิก ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นเกราะป้องกันการจาบจ้วงขู่อาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์พระมหากษัตริย์ รวมทั้งเรียกร้องให้นำบทบัญญัติดังกล่าวออกจากหมวด 2 ที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์
“ด้วยพฤติกรรมและท่าทีที่ผ่านมาของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล” ทั้งการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ทั้งการปราศรัยบนเวทีชุมนุมทางการเมืองต่างกรรมต่างวาระ ทั้งการอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของ “พิธาคิโอ/พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และสมาชิกพรรคก้าวไกล” โดยเฉพาะในประเด็นการจัดวางพระราชอำนาจและพระราชสถานะขององค์พระมหากษัตริย์ใหม่ ย่อมเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ศาลรัฐธรรมนูญจึงสั่งการ “เลิกการกระทำเลิกการแสดงความคิดเห็น เพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต” ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสอง
บทบัญญัติมาตรา 49 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 บัญญัติว่า “บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้
ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ หรือไม่ดำเนินการภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ผู้ร้องขอจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้
การดำเนินการตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการตามวรรคหนึ่ง
การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองจึงเป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
ฉะนั้นครั้งนี้มติเอกฉันท์ที่ไม่เป็นคุณแก่พิธาคิโอ/พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกลของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะยอมรับความจริงได้โดยดุษณีีหรือเคลื่อนไหวกล่าวอ้างว่าด้วย “นิติสงคราม” อีกครั้ง
ศาลรัฐธรรมนูญตอกย้ำอีกครั้งยกเลิก/แก้ไข มาตรา 112 เท่ากับล้มล้างการปกครอง หลังเคยบอกว่า “ปฏิรูปคือล้มล้าง”
จากนี้ต่อไปคือร้องยุบพรรคก้าวไกลโดยกกต.

เพื่อไทยฉะเชิงเทรา ดันลูกชาย ‘โจ๊ะ พันธุ์พงศ์’ ลงชิงพื้นที่เขต 2 ฉะเชิงเทรา
ภูมะเขือ-ห้วยตามาเรีย ยังปะทะต่อเนื่อง ทบ.รับแม้ควบคุมพื้นที่ได้หลายจุด แต่ยังมีความเสี่ยง
เผ็ดซี๊ดมาก! ใบเตย อาร์สยาม แปลงโฉมเป็นซานตี้สุดแซ่บ
สะเทือน Scambodia! ทบ.ตัดวงจรแก๊งคอลฯ ตึกหลังคาฟ้า ลวงเหยื่อสูญ 25 ล้าน
ทอ ยันชัด การโจมตีเชิงลึกในพระตะบอง เพื่อปกป้องชีวิตคนไทย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี