วันจ่ายตรุษจีนปีมังกรทองตามแม่บ้านไปซื้อของเซ่นไหว้ในตลาดพบว่าปีนี้ คนไทยเชื้อสายจีนซื้อของเซ่นไหว้ อาทิ ขนมเทียน ขนมเข่ง เส้นหมี่ หมู เห็ด เป็ด ไก่ ธูปเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง เงินกงเต๊ก ประทัด และอื่นๆ ยกเว้น เงินกงเต๊กดิจิตทัล วอลเล็ต ที่ลูกหลานไม่ได้เผาส่งไปให้เพราะเหตุว่าสวรรค์ยังไม่วิกฤต และลูกหลานไม่ต้องการสร้างหนี้ล่วงหน้าให้อาก๋งอาหม่า ส่วนเครื่องเซ่นไหว้ เป็นมงคล มีการจับจ่ายกันคึกคักกว่าปีกลายมาก พ่อค้าแม่ค้าบอกว่า ตรุษจีนปีนี้เซ็งลี้ฮ้อ ตามคติคนไทยเชื้อสายจีนที่พูด แต่สิ่งมงคล ความเจริญความก้าวหน้าในเทศกาลปีใหม่จีน ดังที่คนไทยเชื้อสายจีนพูดตอนเผากระดาษเงิน กระดาษทอง เผาเงินกงเต๊กให้บรรพบุรุษว่า “รวยๆ เฮงๆ โชคดีๆ เซ๊งลี้ฮ้อ”
ขอบคุณผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยที่พูดถึงการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีมังกรแต่ในแง่บวกเพื่อกลบเกลื่อนคำพูดไม่เป็นมงคลของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่พร่ำเพ้อว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤตถึงขั้นต้องปั๊มหัวใจด้วยอัดฉีดเงินลงไปถึง 500,000 ล้านบาท และ เงินที่รัฐบาลมีแผนการกู้มาห้าแสนล้านบาทนั้น จะแจกจ่ายให้ประชาชนคนละ 10,000 บาท ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชน 50 ล้านคน ได้ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา
ส่วนนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวต่างประเทศ รอยเตอร์ส ระบุว่า เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว เพียงแต่ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ที่ต่ำกว่าคาดการณ์ แต่ก็ไม่ได้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤต
คำสัมภาษณ์ของผู้ว่าการแบงก์ชาติ สอดคล้องกับสภาพัฒน์ คาดการณ์ สำหรับทิศทางเศรษฐกิจปีมะโรง งูใหญ่ 2567 นี้ ซึ่งคาดว่า เศรษฐกิจไทย น่าจะมีการขยายตัวราว 3.0-3.5% ภาวะเงินเฟ้อ 1.0-2.0% อัตราดอกเบี้ยราว 2-2.5% และค่าเงินบาทน่าจะอยู่ราว 33-35 บาทต่อ ดอลลาร์สหรัฐซึ่งกระเตื้องขึ้นจากปี 2566 ที่การขยายตัวเศรษฐกิจทั้งปีอยู่ที่ 2.4-2.6%
และคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในแง่บวกของสภาพัฒน์และผู้ว่าการแบงก์ชาติ ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่คาดการว่าตรุษจีนปีนี้เซ็งลี้ฮ้อว่า ตรุษจีนปีมังกร 2567 เงินสะพัดกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท “ททท.” คาดว่าต่างชาติเที่ยวไทยเฉียด 1 ล้านคน ส่วนไทยเที่ยวไทยกว่า 2 ล้านคนต่อครั้ง
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงฯคาดการณ์ช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2567 ระหว่างวันที่ 8 - 16 ก.พ. จะมีนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนจาก 3 ตลาดได้แก่จีน ฮ่องกง และไต้หวัน เดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน195,825 คน เพิ่มขึ้น 137% มีรายได้รวม 11,404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157% จากเทศกาลตรุษจีนปี 2566 เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากบรรยากาศการท่องเที่ยวที่มาตรการยกเว้นวีซ่า (วีซ่าฟรี) ของรัฐบาลไทย และ จำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น เมื่อนำรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนรวมกับนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ มารวมกันเฉียดหนึ่งล้านคนประกอบกับนักท่องเที่ยวไทยกว่า 2 ล้านคน/ครั้งในระหว่างตรุษจีน คาดว่าในเทศกาลตรุษจีนปีมังกรจะดันค่าใช้จ่ายพุ่งขึ้นเป็น 5.8 หมื่นล้านบาท
น.ส.สุดาวรรณ รมว.การท่องเที่ยวฯ ชี้ว่าเทรนด์ 3 ตลาด “จีน-ฮ่องกง-ไต้หวัน” ฮิตพักโรงแรมหรู จึงดันค่าใช้จ่ายพุ่งเป็น 5.8 หมื่นบาทหากมองรายได้จากการท่องเที่ยวปีมังกรทอง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดว่าตลอดปี 2567 นี้ จำนวนที่ต่างชาติคาดว่าจะสูงถึง 40 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 2.5 ล้านล้านบาท เมื่อรวมกับรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศ จะสามารถสร้างเม็ดเงินได้สูงถึง 3.5 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นกว่า 60%จากปี 2566 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวน 28.09 ล้านคน
พิเคราะห์จากแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนสูงขึ้นอย่างมีนัยจากที่ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนลงนามในข้อตกลงฟรีวีซ่า นักท่องเที่ยวจีน-ไทย 30 วันกับรัฐบาลไทย อาจผลักดันให้นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเคยมากเป็นอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวประเทศไทยได้กลับมาเป็นอันดับหนึ่งอีกครั้งในปีมังกรทอง
จึงสรุปตามคติความเชื่อของคนไทยเชื้อสายจีนทั่วไปว่า ตรุษจีนปีมังกรทองนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง รวยๆๆ เฮงๆๆ เซ็งลี้ฮ้อกันถ้วนหน้า
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี