วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เมื่อวานนี้ 21 กุมภาพันธ์ 2567, ผู้ทรงอำนาจระดับซูเปอร์นายกรัฐมนตรีของสองประเทศ คือไทยและกัมพูชา ได้พบกันอย่างเอิกเกริกชื่นมื่น ณ ทำเนียบเรือนจำชั่วคราว“จันทร์ส่องหล้า” ซึ่งเวลานี้ได้กลับมาเป็นศูนย์กลางอำนาจรัฐของไทยอีกครั้งหลังจาก“นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร” ได้รับการพักโทษ
ไม่มีใครรู้ว่าความบ้านความเมืองจากการพบปะของ“นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร” กับ “จอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน”ประธานคณะองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาในครั้งนี้ ได้มีการเจรจาหรือตกลงผลประโยชน์ของชาติกับผลประโยชน์ส่วนตนร่วมกันในหัวข้อใดบ้าง หลังจาก“เศรษฐา ทวีสิน”นายกรัฐมนตรีของไทย และ“ฮุน มาเนต”นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาได้พบกันอย่างเป็นทางการไปแล้วก่อนหน้านี้
การพบปะของผู้ทรงอำนาจทั้งสองประเทศ ใช้เวลาร่วมสามชั่วโมง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของตำรวจไทย ที่เหมือนกับการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้นำระดับประเทศ ไม่ใช่ฐานะนักโทษเด็ดขาดชายที่อยู่ระหว่างพักโทษ แม้จะไม่มีใครรู้ว่ามีการเจรจาความลับเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ของชาติและผลประโยชน์ส่วนตนอะไรกันบ้างจากการเยี่ยมเยือนของ“สมเด็จฮุน เซน”ครั้งนี้ แต่อย่างน้อยก็ยังมีภาพที่บุคคลทั้งสองนั่งถ่ายรูปคู่กันแพร่ออกมาให้คนทั่วไปได้รับรู้ โดยมี“แพทองธาร ชินวัตร”นั่งอยู่ด้วย พร้อมกับเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า“ทักษิณ ชินวัตร”ไม่ได้ป่วยถึงขั้นวิกฤตอย่างที่เป็นข่าว
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาที่มาที่ไประหว่าง“ทักษิณ ชินวัตร”กับ“สมเด็จฮุน เซน” และการเมืองของไทยระหว่างไทยกับกัมพูชา ก็จะเห็นว่าการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของ
สองประเทศ เป็นไปในวันเวลาเดียวกันอย่างช่างบังเอิญ
วันที่ 22 สิงหาคม 2566 รัฐสภาไทยมีมติโหวตเห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน วัย 62 ปี อดีตนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย พร้อมกับวันเดียวกันนั้น“ทักษิณ ชินวัตร”นักโทษหนีคดีทุจริตโกงบ้านกินเมืองและเป็น“เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง”ที่หลบไปอยู่ในต่างประเทศนานกว่า 15 ปีได้เดินทางกลับเข้ามารับโทษทัณฑ์ในแผ่นดินถิ่นเกิด
ขณะที่ในประเทศกัมพูชา “ฮุน มาเนต” วัย 46 ปี บุตรชายคนโตของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเคยศึกษาที่โรงเรียนนายร้อย จปร.ของไทย 2 ปีก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อและจบจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้าปฏิญาณตนเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 เช่นกัน โดยสืบทอดตำแหน่งต่อจากบิดาที่ครองอำนาจทางการเมืองกัมพูชาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมายาวนานถึง 38 ปี (พ.ศ.2528-2566) จนได้รับการบันทึกว่าเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียาวนานที่สุดของโลกคนหนึ่งด้วย
ดังนั้น ไม่ว่าจะเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันทั้งสองประเทศ และการพบปะกันของผู้ทรงอำนาจทั้งสองประเทศในครั้งนี้ จึงน่าจะมีนัยสำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่การเยี่ยมเยือนเพื่อแสดงความยินดีกรณีที่“ทักษิณ ชินวัตร”ได้รับการพักโทษเท่านั้น
นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร นั้น มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับสมเด็จฮุน เซน มาอย่างยาวนาน แม้กระทั่งในช่วงที่ทักษิณเป็นสัมภเวสีอยู่ในต่างประเทศระหว่างหนีคดีทุจริต ก็สมเด็จฮุน เซน ผู้นี้ที่เป็นมหามิตรอันเหนียวแน่นของทักษิณ ซึ่งทักษิณสามารถบินเข้าออกประเทศกัมพูชาแบบฉวัดเฉวียน ชนิดเย้ยตำรวจไทยและตบหน้ารัฐบาลไทยได้อยู่ตลอดเวลา
“ตระกูลฮุน”ของสมเด็จฮุน เซน ครองอำนาจในกัมพูชาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และมีฐานทางธุรกิจที่มั่นคงแข็งแรง ขณะที่วันนี้“ตระกูลชินวัตร” ได้กลับมาผงาดอีกครั้งหลังจากอำนาจถูกเปลี่ยนมือไปร่วม 20 ปี ซึ่งเมื่อ“เกลอ”ทั้งสองที่มี“ดีเอ็นเอ”เดียวกันได้กลับมาสานสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง ย่อมหมิ่นเหม่ในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ระหว่างผลประโยชน์ของชาติกับผลประโยชน์ส่วนตน
ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง เป็นห่วงเรื่องปัญหาเขตแดนทางทะเลที่มีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะในเขตอ่าวไทยที่รัฐบาลกัมพูชาได้วางเส้นแบ่งอาณาเขตลากจากเกาะกง ประเทศกัมพูชาผ่ากลางเกาะกูด จังหวัดตราด ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังเป็นปัญหาคาราคาซังที่ไม่สามารถตกลงกันได้
ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ผู้ทรงอำนาจของทั้งสองประเทศได้มีการหารือแบบซับซ้อนซ่อนเงื่อนกันบ้างหรือไม่ ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล

สหรัฐฯพบเอกสารคาดเอี่ยวคดีเอปสตีน เพิ่มอีกกว่า 1 ล้านฉบับ
เช็คที่นี่!‘พรรคประชาธิปัตย์’เคาะส่งผู้สมัครสส. 14 จังหวัดภาคใต้ ครบ 59 เขต
สังเวยหมอกหนา! หนุ่มพะเยาขี่ จยย. ‘ฝ่าทัศนวิสัยแย่’ แหกโค้งเสียชีวิต
เกทับ! ‘ปชน.’ตีปี๊บยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร แลกหมัดเปิดรับทหารอาสา‘ภท.’
คริสต์มาสเดือด! ฝรั่งเมาชนไหล่ ‘ตะบันหมัดกลางหาด’ รถล้มระเนระนาด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี