ที่ผ่านมา ขบวนการสามนิ้ว พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และแนวร่วม พยายามชูหนังสือ “ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ” และ “ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี” ของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เสมือนคัมภีร์เบิกเนตร
ทั้งโพสต์ปั่นกระแส แนะนำให้เยาวชนอ่าน นำเนื้อหามาขยายความต่อโดยอ้างว่ามีฐานทางวิชาการจากหนังสือเล่มนี้
ซึ่งเป็นผลงานของนายณัฐพล ใจจริง
ครั้น ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการชำแหละ เปิดโปง จับเท็จผลงานที่อ้างวิชาการดังกล่าวแบบถึงแก่น เผยให้เห็นว่าเนื้อหาที่นำเสนอนั้นเต็มไปด้วย
ข้อบกพร่องทางวิชาการ ไร้หลักฐานรองรับ หรืออ้างแบบมั่วๆ ก็มี
ปรากฏว่า นายณัฐพลก็ฟ้องร้องดำเนินคดี ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร เรียกค่าเสียหายหาว่าหมิ่นประมาทตนเอง และเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท
ล่าสุด เมื่อวานนี้ ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง ศ.ดร.ไชยันต์ไม่ผิด
1. เมื่อวานนี้ ดร.ไชยันต์ (จำเลย) เดินทางมาฟังคำพิพากษา ขณะที่ฝ่ายโจทก์มอบอำนาจให้เสมียนทนายความมาฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่า
โจทก์จัดทำวิทยานิพนธ์และผลงานโดยใช้เสรีภาพทางวิชาการ ดังนั้น จำเลยในฐานะประชาชนทั่วไปย่อมมีเสรีภาพในการเห็นต่างจากเนื้อหาหรือข้อความในผลงาน
ของโจทก์เช่นเดียวกัน
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยเป็นหัวหน้าโครงการงานวิจัยและดำเนินการวิจัยผลงานต่างๆ ของนักวิชาการ จนตรวจพบจุดบกพร่องในวิทยานิพนธ์ของโจทก์และจำเลยแจ้งไปยังบัณฑิตวิทยาลัยจนมีคำสั่งระงับเผยแพร่วิทยานิพนธ์ฉบับดังกล่าวแล้วตั้งแต่ปี 2562 แต่โจทก์กลับนำเนื้อหาที่มีจุดบกพร่อง ดังกล่าวไปพัฒนาเขียนเป็นหนังสือและมีการตีพิมพ์เผยแพร่สู่สาธารณชน
จำเลยในฐานะประชาชนทั่วไป ย่อมมีสิทธิตรวจสอบว่าเนื้อหาในบทความ หรืองานเขียนดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ แม้ไม่มีหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบวิทยานิพนธ์ของโจทก์หรือแม้แต่จำเลยไม่ได้รับผลกระทบจากเนื้อหาในวิทยานิพนธ์หรือบทความและหนังสือของโจทก์ก็ตาม
ยิ่งกว่านั้น ในฐานะที่จำเลยเป็นนักวิชาการซึ่งมีประสบการณ์และความรู้ความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษา เมื่อจำเลยตรวจสอบแหล่งอ้างอิงโดยมีศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ จันทรวงศ์ มาเบิกความสนับสนุนว่าจำเลยได้ทำการตรวจสอบตามหลักวิชาการแล้ว ปรากฏว่าไม่มีข้อความที่โจทก์เขียนจากแหล่งอ้างอิง
อีกทั้งมี แต่การตีความข้อความเห็นโดยไม่มีข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง อันมีลักษณะที่จำเลยเห็นว่าเป็นการบิดเบือน
จำเลยย่อมมีสิทธิทางวิชาการ หรือโต้แย้งและนำเสนอต่อสาธารณชนได้ไม่ว่ารูปแบบใด เช่น สื่อออนไลน์เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น เฟซบุ๊ก และให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบข้อความอีกด้าน
อีกทั้ง เพื่อความเป็นธรรมต่อบุคคลที่โจทก์กล่าวถึงในผลงาน โดยเฉพาะผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและไม่มีโอกาส โต้แย้งหรือให้ข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อความเป็นธรรมต่อสถาบันฯ ซึ่งโจทก์เขียนถึงโดยไม่ปรากฏแหล่งอ้างอิง
การโพสต์ข้อความของจำเลยตามฟ้อง นับว่าจำเลยได้กระทำหน้าที่ของบุคคลในฐานะปวงชนชาวไทยในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 50 (1) รวมทั้งนับได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ปรากฏตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1)(3)
จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามฟ้อง ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้น ข้อเท็จจริงอื่นนอกจากนี้ไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษายกฟ้อง
2.ศ.ดร.ไชยันต์ ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำพิพากษา ระบุว่า ตนพูดความจริง มีหลักฐานรองรับทุกเรื่อง ส่วนสิ่งที่โจทก์เขียนมามีลักษณะบิดเบือนและไม่มีหลักฐานรองรับ เมื่อตนเองตรวจพบข้อบกพร่องโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในอดีต แต่ต่อให้ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ อย่างน้อยก็ต้องให้มีความถูกต้องทางวิชาการ การอ้างอิงจะต้องมีหลักฐาน ไม่กุเรื่องขึ้นมา
“ความเสียหายที่เกิดขึ้นแน่นอน คือ ความเข้าใจผิดว่ารัชกาลที่ผ่านมาสนับสนุนรัฐประหาร มีความกระตือรือร้นลงนามให้กับคณะรัฐประหาร ที่มีจอมพล ป. พิบูลสงคราม อยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็จะทำให้เยาวชนที่มาอ่านหนังสือที่ตีพิมพ์ช่วงปี 2556 และ 2563 เข้าใจผิดได้ ทั้งหมดนี้อาจมาจากนักวิชาการบางท่านที่เขียนอะไรบิดเบือน โดยอ้างเชิงอรรถ (footnote) อย่างดี เป็นภาษาอังกฤษ จากหอจดหมาย หรือ รายงานสถานทูตอเมริกา เป็นต้น แต่เมื่อเราอ่านแล้วไปตรวจสอบก็พบว่าไม่เป็นความจริงตามนั้น ปัจจุบันตนเองยังเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ อยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมานานตั้งแต่ปี 2535 นับเป็นร้อยๆ เล่ม และตนเองค่อนข้างมีความเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายทางวิชาการ”
3. สังคมไทยต้องไม่ยอมรับ การอ้าง “เสรีภาพทางวิชาการ” เพื่อการโกหก บิดเบือน โจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์
ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร ตีแผ่ข้อมูลที่ตรวจสอบพบมากมายหลายประเด็น อาทิ
1.การกล่าวว่า สมเด็จย่าทรงอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4754306784622195
2.การกล่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่เก้าทรงทราบแผนการรัฐประหาร 2490 ล่วงหน้า 2 เดือน https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4754320144620859
3.การกล่าวว่า กรมขุนชัยนาทนเรนทร ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รับรองรัฐประหารอย่างแข็งขันและรวดเร็ว https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4549205991798943 และhttps://www.facebook.com/chaiyanสา.chaiyaporn/posts/4551549161564626
4. การกล่าวว่า กรมขุนชัยนาทฯ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์รับรองรัฐประหารแต่เพียงผู้เดียว https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4634878403231701
5. กรมขุนชัยนาทฯ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เข้าประทับเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีของของ จอมพล ป. ในปี พ.ศ. 2493 https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4062196647166549
6. กรมขุนชัยนาทฯผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ทรงไม่พอใจกับการขับไล่ ควง อภัยวงศ์ ลงจากอำนาจ และค้านการแต่งตั้งจอมพล ป. เป็นนายกรัฐมนตรีแทน https://
www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4656286887757519 และ https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4112982145421332
7. กรมขุนชัยนาทนเรนทร ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ทรงมีความคิดที่จะกำจัด จอมพล ป. https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4691508317568709
8. ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะตั้งให้พระองค์เจ้าธานี พระยาศรีธรรมาธิเบศ และหลวงสินาดโยธารักษ์เป็นนายกรัฐมนตรีแทนจอมพล ป.
ในปี พ.ศ. 2494 รวมถึงการอ้างถึง หม่อมเจ้านักขัตรมงคลว่า ทรงมีบทบาทในการให้คำแนะนำในหลวงให้มีท่าทีไม่พอใจรัฐบาล https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4523325177720358
9. แผนการเสด็จเยือนชนบทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีจุดประสงค์เพื่อท้าทายอำนาจรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4713470282039179
10. คำกล่าวอ้าง “ของพูนศุข พนมยงค์ ในหนังสือพิมพ์ Observer ปี 2500 เกี่ยวกับประเด็น “กรณีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8” ที่ปรากฏในวิทยานิพนธ์ของณัฐพล ใจจริง และบทความของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล https://m.facebook.com/100001287626532/posts/4629874763732065/
ทั้งหมดนี้ ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร ได้ทำการตรวจสอบ โดยค้นคว้าไปถึงตัวเอกสารที่ถูกแอบอ้าง ก่อนจะชี้ชัดว่า มีการอ้างเท็จ อ้างมั่ว หรือตีความบิดเบือนอย่างไรบ้าง
ภายใต้เสื้อคลุม “วิชาการ” แทบไม่น่าเชื่อว่า วิทยานิพนธ์ และหนังสือเหล่านี้ จะกล้าอ้างลอยๆ ยกเมฆ มากมายขนาดนี้
และไม่น่าเชื่อว่า “แกนนำและแนวร่วมม็อบสามนิ้ว” ที่อ้างตัวเป็นคนหัวก้าวหน้า ยังอุตส่าห์ไปหลงเชื่อ นำไปอ้างอิง อวดคนอื่นว่าเบิกเนตร แล้วต่อยอดไปสู่วาทกรรมชิงชังสถาบันพระมหากษัตริย์ต่างๆ นานา
หยุดอ้าง “เสรีภาพทางวิชาการ” เพื่อการโกหก บิดเบือน โจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์
4. น่าสนใจต่อไปอีกว่า คดีที่ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ตัวแทนของราชสกุลรังสิต เป็นโจทก์ฟ้องนายณัฐพล ใจจริง และพวก กรณีเกี่ยวกับหนังสือพวกนี้ด้วย
ซึ่งนายณัฐพลยังไปพูดในเวทีต่างๆ แล้วพาดพิง เกิดความเสียหายต่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ในขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ เพราะทำให้คนเข้าใจผิดว่า ทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ เป็นข้อมูลที่ฝ่าฝืนความจริง เสียหายต่อชื่อเสียงของต้นราชสกุลรังสิต
คดีนี้ อยู่ในชั้นพิจารณาของศาล
ฝ่ายนายณัฐพล ใจจริง เป็นจำเลยบ้าง
สุดท้าย ผลจะออกมาเป็นอย่างไร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี