การอยู่ร่วมกันของประเทศต่างๆ บนโลกใบนี้ หากสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ไม่มีการรุกรานซึ่งกันและกัน ย่อมจะเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน แต่จากการที่บางประเทศมีกองกำลังทหารตลอดจนสรรพาวุธจำนวนมาก จึงต้องการที่จะแสดงพลังในลักษณะของประเทศมหาอำนาจ มีการรุกรานประเทศอื่นที่มีกำลังน้อยกว่า โดยเหตุการณ์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ครั้งโบราณกาล จนกระทั่งมีการใช้คำว่านักล่าอาณานิคม ซึ่งแม้แต่ชาติไทยของเราก็เกือบจะต้องตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศที่เป็นนักล่าอาณานิคมทั้งหลาย ตั้งแต่สมัยอยุธยามาจนกระทั่งถึงรัตนโกสินทร์
การทูต คือการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง และหากการทูตนั้นอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกันก็ย่อมจะเกิดประโยชน์ ทั้งในเรื่องของสันติสุข ตลอดจนการค้าขายระหว่างกัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญแต่ก็มีความละเอียดอ่อน
สมัยอาณาจักรสุโขทัยน่าจะเป็นยุคแรกๆ ที่ชาติไทยของเรา เริ่มมีการทูตกับต่างชาติเกิดขึ้น โดยเริ่มจากประเทศจีนซึ่งก็ดำรงมาอย่างยาวนาน และพอมาถึงอาณาจักรอยุธยา การทูตและการติดต่อค้าขายก็มีกับหลายชาติโดยส่วนใหญ่เกิดจากชาติต่างๆ ส่งคนเข้ามาทำการค้าขาย และเชื่อมสัมพันธไมตรีกับชาติไทย อาทิ โปรตุเกส ฝรั่งเศส อังกฤษ ฮอลันดา เป็นต้น
การทูตของไทยครั้งสำคัญที่ถูกกล่าวถึงมากในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งในยุคนั้นมีต่างชาติเข้ามาค้าขายกับไทยอยู่หลายชาติด้วยกัน และมีชาวต่างชาติเข้ามารับราชการจนมีตำแหน่งในระดับสูง เช่น เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ซึ่งเป็นชาวกรีกแต่มารับราชการในราชสำนัก จนเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นอย่างมาก และน่าจะมีส่วนในการช่วยสร้างสัมพันธภาพระหว่างไทยกับฝรั่งเศสด้วย
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงขึ้นครองราชย์เมื่อปีพุทธศักราช ๒๑๙๙ พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถทั้งด้านการรบและการค้าขายกับต่างประเทศ รัชสมัยของพระองค์ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ แห่งประเทศฝรั่งเศส ซึ่งในยุคนั้นต้องถือว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีอำนาจบารมีเป็นที่ เลื่องลือ การสร้างสัมพันธไมตรีเป็นไปด้วยดี กระทั่งสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ยอมให้มีการตั้งค่ายและกองทหารของฝรั่งเศสที่เมืองบางกอก ทั้งนี้เพื่อเป็นการ ถ่วงดุลอำนาจกับประเทศฮอลันดา ซึ่งขณะนั้นมีแนวโน้มในการสร้างอิทธิพล จนถึงอาจจะรุกรานไทย
เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ได้มีพระราชสาส์นมาให้กรุงศรีอยุธยาส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรี จึงเป็นเรื่องที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงยอมรับข้อเสนอเป็นอย่างดี มีการจัดคณะราชทูตเพื่อส่งไปเจริญสัมพันธไมตรีด้วย โดยมอบหมายให้เจ้าพระยาโกษาธิบดี(ปาน)ซึ่งในขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นออกพระวิสุทธสุนทรเป็นหัวหน้าคณะราชทูตไป โดยอาศัยเรือของฝรั่งเศสที่เดินทางมาค้าขายกับกรุงศรีอยุธยา
คณะราชทูตของไทยจำนวน ๔๐ คน ออกเดินทางจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๒๒๙ ไปถึงฝรั่งเศสและได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ เมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ ๒๒๒๙ ณ พระราชวังแวร์ซาย
หลังจากการเข้าเฝ้าฯถวายพระราชสาส์นเรียบร้อยแล้ว พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ก็ได้มีพระราชสาส์นถึงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กล่าวถึงเจ้าพระยาโกษาธิบดี(ปาน) ว่า
“ราชทูตของพระองค์นี้ รู้สึกว่าเป็นคนรอบคอบ รู้จักปฏิบัติราชกิจของพระองค์ถี่ถ้วนดีมาก หากเราไม่ฉวยโอกาสนี้เพื่อเผยแพร่ความชอบแห่งราชทูตของพระองค์บ้าง ก็จะเป็นการอยุติธรรมไป เพราะราชทูตได้ปฏิบัติล้วนถูกใจเราทุกอย่าง โดยแต่น้ำคำที่พูดออกมาทีไร แต่ละคำๆ ก็ดูน่าปลื้มใจ และน่าเชื่อถือทุกคำ”
ความสำเร็จจากการทูตดังกล่าว ทำให้ท่านได้ฉายาว่าราชทูตลิ้นทองหรือนักการทูตลิ้นทอง ซึ่งในเรื่องของบุคลิกลักษณะของออกพระวิสุทธสุนทรนั้น ได้เคยมีชาวต่างชาติที่มาอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ได้กล่าวไว้ว่า “เขาเป็นคนน่ามอง และมีวิสัยทัศน์ดียิ่งกว่าคนใดๆ ที่ข้าพเจ้าเคยพบในหมู่มนุษย์ชนชาติ ผิวคล้ำนี้... เขายังเข้าใจรวดเร็วและมีอากัปกิริยากระตือรือร้น ซึ่งเป็นเหตุให้เขาได้รับการตั้งให้เป็นทูตไปฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่ปีก่อน”
ออกพระวิสุทธสุนทรรับราชการต่อมาจนถึงสมัยสมเด็จพระเพทราชา ที่ทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในปีพ.ศ.๒๒๓๑ และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาโกษาธิบดีว่าการคลัง แต่ภายหลังกลับปรากฏว่าได้ถูกลงอาญาบ่อยครั้ง ด้วยมีเหตุที่ทำให้พระเพทราชาทรงกริ้วมาก และใช้พระแสงตัดปลายจมูก ของเจ้าพระยาโกษาธิบดีด้วยข้อหาว่าจงรักภักดีต่อฝรั่งเศสมากเกินไป จนถึงบั้นปลายของชีวิต ได้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย
ถึงอย่างไรก็ต้องยอมรับว่า ออกพระวิสุทธสุนทร ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะราชทูตจากกรุงศรีอยุธยา ในการไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศฝรั่งเศส ได้เป็นอย่างดียิ่ง ได้รับการยอมรับในการปฏิบัติหน้าที่ทั้งจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและจากพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ แห่งฝรั่งเศส นับเป็นภารกิจที่ควรได้รับการยกย่องและบันทึกไว้
มีการกล่าวกันว่า เจ้าพระยาโกษาธิบดีเป็นต้นตระกูลของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 1ของราชวงศ์จักรีที่ปกครองกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเป็นบิดาของเจ้าพระยาวรวงศาธิราชผู้ที่เคยเข้ารับราชการกับพระเจ้าเสือ และเป็นปู่ของพระยาราชนิกุลซึ่งเป็นบิดาของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระราชบิดาของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ต้นราชสกุลนรินทรางกูร
การทูตที่ดีนั้น จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่นอกจากจะเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างชาติต่างๆ แล้ว เรื่องของเศรษฐกิจการค้าก็เป็นเรื่องที่ผูกโยงอยู่กับการทูตที่ดีด้วย
ประเทศไทยในปัจจุบันนี้น่าจะนับได้ว่าเป็นประเทศเกษตร อุตสาหกรรม การค้าขายสินค้าที่ผลิตได้เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศจึงมีความสำคัญมาก ตลอดจนการที่จะให้ต่างชาติ เข้ามาค้าขาย หรือลงทุนในโครงการใหญ่ๆ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นเดียวกัน เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างเศรษฐกิจของชาติให้ดีขึ้นยังมีผลต่อรายได้ของประชากรด้วย
การเดินทางออกนอกประเทศของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาล ตลอดจน พ่อค้ารายใหญ่ที่ได้มีโอกาสติดตามไปด้วยนั้น ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและหากเรื่องของการเดินทางไปนั้น ได้ก่อให้เกิดผลดีทั้งในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและเศรษฐกิจต่อชาติจริง ก็เป็นเรื่องที่ควรจะได้รับการชื่นชมและสนับสนุนจากประชาชนคนไทย เพราะการเดินทางไปแต่ละครั้งต้องมีการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมหาศาล ในขณะที่รัฐบาลยังคงพูดอยู่ว่าประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ โดยยกประเด็นเฉพาะความยากจนของประชาชนระดับที่มีรายได้น้อยเท่านั้นมาเป็นข้อกล่าวอ้าง ทำให้เกิดความขัดแย้งแม้แต่กับธนาคารแห่งประเทศไทยและนักวิชาการตลอดจนผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐศาสตร์ จำนวนมาก
ถึงแม้ว่าหลังจากกลับจากการเดินทางไปต่างประเทศแล้วทุกครั้งจะได้มีการแถลงข่าวว่าได้ไปพบกับใครบ้าง ทั้งระดับผู้นำของประเทศและพ่อค้าพาณิชย์ทั้งหลาย รวมทั้งการเสนอโครงการใหญ่ๆ ให้ต่างชาติได้เข้ามาลงทุน เช่นโครงการ Land Bridge และอื่นๆ แต่จนกระทั่งถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นรูปธรรมที่ชัดเจน ของสิ่งที่รัฐบาลได้เคยรายงานไว้ ทำให้เริ่มเกิดกระแสวิจารณ์จำนวนไม่น้อยจากหลายภาคส่วน ถึงความสิ้นเปลืองและความไม่คุ้มค่าในการทูตที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ การยอมรับรัฐบาลชุดนี้ลดน้อยลงไปได้จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องรีบเร่งดำเนินการในสิ่งที่พูดไว้ให้เห็นผลอย่างชัดเจน
ปิยะ เนตรวิเชียร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี