ดูท่าทีอาการของนายทักษิณ ชินวัตร ในทริปเชียงใหม่ล่าสุด
ไม่มีอาการของผู้ป่วยวิกฤตที่ไม่อาจรักษาให้หายได้เหลืออยู่ !!!
เดินเหินได้ปกติ
ขึ้นเครื่องบิน ขึ้นรถยนต์ ขึ้นรถรางที่อุทยานราชพฤกษ์ พบปะทักทายผู้คน ฯลฯ เหมือนคนปกติ
เรียกว่า เกือบจะหายป่วยแล้ว
ทักษิณคืนร่างแล้ว !!!
1. ทักษิณไปเชียงใหม่วันแรก เคียงคู่ไปกับ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
มีทั้งอดีตนายกฯ สมชาย และเจ๊แดง มาต้อนรับ
บิ๊กธรรมนัส รมว.เกษตร, บิ๊กโจ๊ก ผู้มีคดีอื้อฉาว, อดีต สว.ก๊อง เพิ่งจะถูกสั่งฟ้องคดีช่วยเหลือสั่งไม่ฟ้องคดีบอส ฯลฯ ต่างก็มาต้อนรับขับสู้
ทักษิณตรงดิ่งเยี่ยมชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์
และตามโปรแกรมทริปนี้ ก็มีทั้งการไปจุดแลนด์มาร์คใหม่ ร้านอาหารเก่าแก่ชื่อดังที่นักท่องเที่ยวต้องมากิน ฯลฯ
จึงเหมือนทริปทัวร์เชียงใหม่แบบวีไอพีของนักโทษที่อยู่ระหว่างการ “พักโทษ”
มากกว่าเป็นการไปไหว้บรรพบุรุษและรักษาตัวด้วยแพทย์ทางเลือก อย่างที่มีข่าวว่าขออนุญาตกับกรมประพฤติไว้ก่อนหน้านี้
2. น่าสนใจว่า การเมืองหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร?
โดยเฉพาะหลังจากทักษิณพ้นจากการพักโทษ ได้รับอิสรเสรีภาพ
อำนาจที่แท้จริงของขั้วเพื่อไทย อยู่ในมือทักษิณ จะขับเคลื่อนการเมืองไปอย่างไร?
2.1 การเมืองไม่มีการพลิกขั้ว
ประเภทว่า เพื่อไทยหันไปจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล
หากทำเช่นนั้น ชัดเจนว่า ทักษิณและเพื่อไทยพลิกไปสมคบกับพรรคล้มล้างการปกครองฯ และเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ต่อสถาบันฯ
ต่อให้เป็นรัฐบาลได้ แต่จะเดินหน้านิรโทษกรรมคดี 112 หรือคดีของยิ่งลักษณ์
นั่นจะเกิดความชอบธรรมให้แก่การรัฐประหารทันที
2.2 ปรับ ครม. ปรับนโยบาย หรือเปลี่ยนตัวนายกฯ
สถานการณ์แบบนี้ มีโอกาสสูง
โดยเฉพาะหลังการอภิปรายของ สว. สส.
และเมื่อถึงทางตันของนโยบายหลัก อย่างกู้เงิน 5 แสนล้านมาแจกดิจิทัลวอลเล็ต เป็นต้น
2.3 อุ๊งอิ๊งจะยังไม่เป็นนายกฯ ?
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์สถานการณ์ ทิศทางและแนวโน้มการเมือง ระบุว่า
“...สถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ
ซึ่งดูแล้วก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อย เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงมากกว่า 1 ปัจจัยที่จะทำให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้อีกไม่นาน เฉพาะเรื่อง digital wallet เรื่องเดียวก็หากยังดึงดันต่อไปก็รอดยากแล้ว
สังเกตปฏิกิริยาของพรรคร่วมรัฐบาลก็พอจะรู้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามคุณอนุทิน ชาญวีรกูลว่า จะสนับสนุนให้กู้เงินตามนโยบาย digital wallet หรือไม่ คุณอนุทินตอบว่า “หากไม่ผิดกฎหมายก็จะสนับสนุน” ขณะนี้ ป.ป.ช.กล้าแสดงความเห็นแล้วว่า ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤตแต่อย่างใด
หากประเทศกำลังประสบภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างหนักหนาสาหัส เหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงใช้เงินถึง 138 ล้านบาท ปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล เห็นว่าแค่พรมอย่างเดียวต้องใช้เงินเกือบ 10 ล้านบาท นี่เป็นคำถามของคนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่คนของพรรคเพื่อไทย บางคนถึงกับบอกว่า ปรับปรุงทำเนียบฯ ไว้รับนายกรัฐมนตรีคนใหม่กระมัง
จะว่าไป คุณเศรษฐาเองที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เกิดจากการเจรจาต่อรองกันจนถึงชั่วโมงสุดท้ายก่อนการลงคะแนนในรัฐสภา คุณเศรษฐาจะอยู่เป็นนายกรัฐมนตรีได้นานแค่ไหนจึงน่าจะอยู่ที่การเจรจาต่อรองเช่นกัน
หากคุณเศรษฐามีอันต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่จะมาแทนก็ไม่น่าจะใช่คุณแพทองธาร ชินวัตร
เนื่องจากการเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่อะไรก็เกิดขึ้นได้เช่นนี้มีความเสี่ยงเกินไปต่ออนาคตทางการเมืองของทายาทคนสำคัญของคุณทักษิณ
เหตุผลอีกประการ คือ อาจจะต้องถึงคิวอีกฝ่ายบ้างที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
จะเป็นคุณอนุทิน ชาญวีรกูล คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หรือพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เป็นไปได้
เพราะทั้งสามเป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
จริงๆ อยากให้ประเทศเราได้นายกรัฐมนตรีหน้าใหม่ที่ไม่ใช่คนหน้าเดิมที่เห็นกันอยู่ที่เป็นคนเก่งจริงดีจริง และทำเพื่อประเทศชาติอย่างแทัจริง
นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
อย่าลืมว่า ก่อนถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมาตรา 272 วรรคสอง ยังเปิดช่องให้สามารถเสนอบุคคลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ โดยต้องมีสมาชิกรัฐสภาสภาจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อตามที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมรัฐสภา และรัฐสภาต้องมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภา จึงจะยกเว้นได้
การได้นายกรัฐมนตรีที่ไม่ใช่นักการเมือง โดยไม่ได้ทำรัฐประหาร เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2523 เมื่อพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นประกาศลาออกกลางสภาฯ และหัวหน้าพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล โดยมีพรรคชาติไทยเป็นแกนนำ พร้อมใจกันเสนอชื่อ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งในเวลานั้นรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้คนนอกเป็นรัฐมนตรีได้ แต่รัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่ได้เปิดช่องให้ทำได้แบบนั้น ปัจจุบันหากพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลทุกพรรคร่วมมือกันเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง เรื่องนี้จะเป็นไปได้แน่นอน
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองล่าสุด กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากกรณีล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 ความจริงตามกฎหมาย ต่อให้ไม่มีคนไปยื่น กกต.ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ กกต.ก็ต้องยื่นเองเพราะ มาตรา 92 ระบุว่า “เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใด กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคการเมืองนั้น”
ซึ่งการกระทำการล้มล้างการปกครองฯ และการกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็น 2 ข้อใน 4 ข้อที่เป็นเหตุที่ต้องยุบพรรค และกรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าเข้าข่ายว่าเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ไม่ยื่นก็คงไม่ได้
ไม่น่าเชื่อว่าพรรคก้าวไกลถึงกับบากหน้าพยายามยื่นญัตติด่วนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ
ไม่ทราบจะศึกษาอะไร เพราะได้กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองอยู่แล้วว่าให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค หรือจะต้องการจะตอบโต้ศาลรัฐธรรมนูญหรือต้องการแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
นี่หรือคือพรรคการเมืองที่คุยว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลจะเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมี
ช่วงนี้คงเป็นช่วงของการเก็บกวาดบ้านเมืองให้สะอาดเรียบร้อย ใครที่คิดร้ายต่อบ้านเมือง ต่อสถาบันหลักของชาติจะต้องรับกรรมที่ก่อไว้ไปเรื่อยๆ จนครบทุกคน
ลูกบ้านที่ทำอะไรที่เป็นการละเมิด หมิ่นแคลน ไม่เคารพเกรงใจเจ้าของบ้าน ก็จะต้องรับผลกรรมที่ตัวเองก่อขึ้น นี่ไม่ใช่เรื่องของความไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด
หวังว่า จากวันนี้เป็นต้นไป ประเทศเราจะมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นเรื่อยๆ
และในที่สุด ไม่ทราบอีกนานเท่าใด เราจะมีนายกรัฐมนตรีที่ดี มีคณะรัฐมนตรีที่ดี ที่ไม่ได้มาจากการคำนวณโควตาว่ากลุ่มใด พรรคใดจะได้ตำแหน่งกี่ตำแหน่ง กระทรวงใดบ้าง เกรด A หรือไม่ โดยไม่คำนึงความรู้สามารถและความเหมาะสม
เป็นนายกรัฐมนตรีที่มองถึงประโยชน์ของชาติมากกว่าประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง สร้างโอกาสให้ประชาชนทุกคนที่มีชีวิตที่ดีได้ แม้จะไม่เท่าเทียมกันเสียทีเดียว
เราจะมีวันนี้กันหรือไม่ อยู่ที่พวกเรากันเองทั้งสิ้น” - รศ.หริรักษ์กล่าว
สุดท้าย ขอให้จับตาการเมืองปี’67 พวกป่วนเมือง บั่นเซาะทำลายสถาบัน จะเดินหน้าเข้าคุกระนาว
ส่วนการเมือง โฉมหน้ารัฐบาลจะพลิกผันไปทางไหน ขึ้นอยู่กับอำนาจต่อรองของแต่ละฝ่ายในขั้วรัฐบาลปัจจุบัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี