ขีด “เส้นใต้บรรทัด” ไว้ใต้คำกล่าวของ “นายภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่กล่าวถึงการไปตรวจโกดังข้าวที่จังหวัดสุรินทร์ พร้อมทั้ง “กินข้าวโชว์” จนถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอย่างหนัก ว่า
“ขอเน้นย้ำว่าเรื่องนี้ตนได้พิสูจน์ ก่อนที่จะนำเข้ามาปล่อยประมูล โดยโปร่งใส กว้างขวาง เพราะตนไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกระบวนการข้างในไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
มีสื่อมวลชนเข้าไปทุกสำนัก
ส่วนที่นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี ที่ออกมากล่าวหาว่ามีการสลับข้าว ไม่ใช่ข้าวในโครงการรับจำนำข้าว ว่า นายภูมิธรรม กล่าวว่า มีตราพบทั้งหมด ไม่มีอะไรต้องปิดบัง อยากให้คนวิจารณ์วิจารณ์ในหลักข้อเท็จจริง ไม่ใช่คิดไปเองหรือสร้างนิยายในอากาศ มันไม่เป็นประโยชน์ เพราะข้าวเป็นสินทรัพย์ของประเทศไทย สามารถสร้างรายได้ส่งออกจำนวนมาก อย่ามาด้อยค่าเขาโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง เพราะจะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ ก่อนจะย้ำว่าตนพร้อมพิสูจน์ความจริง”
นายภูมิธรรม กล่าวต่อได้ว่า ตามขั้นตอนของการประมูลข้าว ผู้ซื้อจะต้องมาตรวจสอบคุณภาพข้าว ซึ่งเขายอมรับได้ ตนไม่ได้ย้อมแมวขาย เพราะเขาจะเอาไปขายในตลาดแอฟริกาไม่จำเป็นจะต้องเป็นข้าวใหม่ ก่อนจะย้อนถามว่าคนที่จะมาซื้อ เขาจะยอมซื้อข้าวเน่าหรือ ธุรกิจเขาเป็นหมื่นๆ ล้าน เขาจะมายอมให้ธุรกิจเขาพังได้อย่างไร
“ที่ออกมาพูดไม่มีความรู้ เท่ากับว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จเข้าไปในคอมพิวเตอร์ ผิดกฎหมาย แต่ผมคิดว่าเจตนาไม่มีอะไร ผมจึงไม่ได้ฟ้อง แต่ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วยังไม่หยุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คงต้องไปจัดการให้มันเหมาะสมนี่ไม่ใช่คำขู่ แต่อย่าด้อยค่าข้าวของประเทศเลย ผมไม่คิดว่าจะต้องมาฟอกข้าวเน่าข้าวเสีย เพื่อมาขายให้ได้ราคาดีถ้ามันเน่าจริงก็ต้องขายตามสภาพ จะขายเป็นปุ๋ยหรืออุตสาหกรรม ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริง ซึ่งมันพิสูจน์ได้ไม่มีอะไรต้องปิดบัง”
นายภูมิธรรม ยังกล่าวต่อด้วยว่า เมื่อมีการประมูลต้องให้ผู้ที่ส่งออกเขามาพูดเองว่าจะเอาหรือไม่เอา หรือจะเอาไปทำอะไร ส่วนสารอะลูมิเนียมฟอสไฟด์ เป็นสารที่เขาใช้รมข้าวไม่ใช่สารที่จะเอามาพูดกันให้เลอะเทอะ เป็นสารที่ยอมรับกันทั่วโลก ใครๆ ก็ใช้ไม่มีผลต่อชีวิตของผู้คน ส่วนสารอะฟลาท็อกซิน ที่เกาะติดอยู่กับรำข้าวและข้าวเปลือก หรือข้าวสาร จะต้องผ่านกระบวนการขัดสีและปรับคุณภาพข้าว ซึ่งก็จะหลุดออกไปเอง
“เราขายข้าวให้ได้ราคาดีเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรมันไม่ดีเหรอ ที่มาพูดกันเรื่อยเปื่อยใช้จินตนาการทั้งนั้นไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามเป็นการทำลายข้าวไทย คุณสะใจเหรอครับ เป็นการด้อยค่า คุณหมอวรงค์อยากทำแบบนี้เหรอครับ หรืออีกหลายๆ คน อยากทำแบบนี้เหรอครับมาจูงมือผมแล้วไปพิสูจน์ ถ้าไม่ใช่แล้วสามารถเข้าสู่กระบวนการได้ คุณต้องรับผิดชอบมากกว่านี้ ฉะนั้นผมอยากให้ยุติได้แล้ว กระบวนการหลังจากนี้ไป ผมจะประกาศให้มีการประมูล และให้เข้าสู่กระบวนการจะไม่เกี่ยวกับผมแล้วผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแต่ผมไปกินข้าวมาแล้ว ทั้งหมดอยู่ในสายตาของสื่อ ที่ทานน้อยเพราะมีโรคประจำตัว แต่ก็กินข้าวอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยทั้ง 2 จาน จะพิสูจน์อะไรอีก ยังมีปัญหาอะไรอีก ยังทำลายประเทศไทยไม่พอหรือ”
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า การส่งเข้าตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะเป็นกระบวนการที่จะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วในการประมูล แต่ถ้ามีปัญหามากจริงๆ คนก็ไม่ขัดข้อง หรือใครก็สามารถไปยื่นกับหน่วยงานต่างๆ ให้เข้าสู่กระบวนการที่มีมาตรฐานไม่ใช่นายโน่นนายนี่ มันไม่ใช่หน้าที่ ถ้ามีหน้าที่จริงคือไปยื่นกระทรวง ตนจะไปดำเนินการให้ จะพาเขาไปเกาะเจาะข้าวในโกดัง ที่มีคนกล่าวหาว่าสร้าง Story เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการ
“ตนพร้อมทั้งหมด แต่ขอให้พูดกันตรงๆ อย่าเอาไปพูดเรื่อยเปื่อย พูดกันจนตอนนี้ศักดิ์ศรีข้าวไทยจะไม่เหลืออยู่แล้ว อยากจะให้ปิดเรื่องนี้สักทีตนมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก ตนต้องการที่จะปิดตำนานเรื่องนี้ ให้ไปในสิ่งที่ควรจะเป็น ใช้สมองคิดบ้างเปล่าครับ ที่พูดออกมา”
เมื่อถามว่าตอนนี้มันเริ่มมีการลือในโซเชียลว่ามีข้าวเอาไปให้บริษัทนั้นบริษัทนี้แจกพนักงาน นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ข้าวที่เอาออกมาจากโกดังมีเพียง 2 ถุง ที่เอาไปให้คุณกิตติและคุณสรยุทธ ที่เป็นสื่อจะได้ทานแล้วเข้าใจ ไม่ใช่ไปฟังจากคนอื่น ข้าวเป็นข้าวหลวงหากจะนำออกมาต้องมีกระบวนการ ความจริงแล้ว เอาออกมาก็ถือผิดกฎหมายทั้งนั้นแต่ตนไปกับเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงสามารถนำออกมาได้ เพื่อให้มีการพิสูจน์ทราบ แต่คนอื่นๆ ที่ไปเอาข้าวตรงนั้นตรงนี้เอามาจากไหนก็ไม่รู้ จึงขอให้มาขออย่างเป็นทางการ ตนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
นายภูมิธรรม ยังทิ้งท้ายได้ว่าตนไม่ได้โมโห แต่พูดจากอารมณ์และใจจริง ของมันขึ้น ตนรู้สึกมันน่าเบื่อหน่าย แทนที่จะมาช่วยกันให้มันขายได้ราคา ถ้าพิสูจน์ได้ว่ามันไม่เน่ามันจะไปกระทบกระเทือนใคร อยากรู้แค่นี้ หมอวรงค์หรือใครก็ตาม ออกมาปกป้องสิ่งที่เคยทำผิดไว้หรือเปล่าตนไม่ทราบ ตอนนี้ตนได้ให้ กรมการคลังสินค้า เตรียมการเปิดประมูลข้าวแล้ว ซึ่งเป็นการเปิดทั่วไปทั้งหมด ถ้าไม่มีคนมาประมูลเลยจริงๆ ค่อยมาว่ากัน หรือจะมาขอซื้อกันในราคา 5 บาท ตนก็โอเค ยินดีขายในราคา 5 บาท แต่ถ้าขายในราคา 10 กว่าบาทขึ้นไปหรือเป็นราคาที่ไม่ใช่ข้าวเน่าจะเป็นอย่างไร อย่าไปคิดว่าเขาจะเอาไปหลอกขายรัฐบาลแอฟริกา เพราะแอฟริกามีอะไรที่เจริญมากกว่าประเทศที่เจริญแล้ว หรือประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างไทย ไม่มีใครยอมจ่ายเงินแพงเพื่อซื้อข้าวเน่า
1) นายภูมิธรรมอยู่ในสภาพ “เมาหมัด” ยังไม่สร่าง และสร้างกลไกป้องกันตนเอง ด้วยการ “โยนบาป”ไปยังคนที่วิพากษ์วิจารณ์หรือต้องการตรวจสอบ ซึ่งอาจเรียกได้ว่า เป็นรัฐมนตรีและรองนายกฯ ที่ “ตกมาตรฐาน”ไม่ผ่าน QC
2) นายภูมิธรรมต้องเข้าใจเรื่องนี้นานแล้วว่าตนเลือกใช้วิธีการนำเสนอสู่สังคมที่ “ผิด” ผมจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ ว่า เวลาตรวจหายาเสพติด ตำรวจต้องใช้ “สุนัข K9” ซึ่งผ่านการฝึก การอบรม ให้ตรวจหายาเสพติดมาแล้ว จึงอยู่ในสภาพ “เครื่องมือมาตรฐาน” หากประชาชนอ่านข่าวแล้วพบว่า มีการใช้ “หมาพูเดิ้ลบ้านจันทร์ส่องหล้า” ที่ไม่เคยถูกฝึกอะไรมาเลย นอกจากเห่ากระโชก ปกป้องนาย ปกป้องอาณาเขต คอยเลียหน้าเลียตาประจบเอาใจ “ความน่าเชื่อถือ” ในการตรวจหายาเสพติดนั้น จะเป็นที่ต้องสงสัยและถูกวิพากษ์วิจารณ์ไหมครับ? ผิดหรือครับที่ประชาชน นักวิชาการและสื่อมวลชนเขาจะสงสัย เกิดคำถาม เกิดการวิพากษ์วิจารณ์
3) ฉันใดก็ฉันนั้น คุณภูมิธรรมไม่ใช่ “เครื่องมือตรวจคุณภาพข้าว” ปลัด ผู้ว่าราชการจังหวัด และสื่อ ที่หอบหิ้วกันไป “กินข้าวโชว์” ก็เช่นเดียวกัน ทั้งหมดล้วนไม่ใช่ “เครื่องมือมาตรฐาน” ในการตรวจสอบคุณภาพข้าว แล้วเหตุผลใด จึงเลือกใช้ “การทำโชว์” หุงข้าวกิน เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สติปัญญามีเท่านี้เองหรือครับ มั่นใจในตัวเองถึงขนาดคิดว่า เอาตัวเองมากินโชว์แล้วคนจะมั่นใจตามไปด้วยเลยหรือครับ
4) การกินข้าวโชว์ มันไม่ได้สื่ออะไร เพราะมันบอกอะไรไม่ได้ นอกจาก “มีคนกินให้ดูว่ะ” ยิ่งคนกินเป็นคนใกล้ชิดคนที่ทำให้เกิด “ข้าวกองเก็บ 10 ปี” ในโกดังแบบนี้
ด้วยแล้ว คุณภูมิธรรมไม่คิดบ้างหรือครับว่า นอกจากตัวเองจะไม่ใช่เครื่องมือการตรวจคุณภาพข้าวที่ได้มาตรฐานแล้ว ในทางการเมือง คุณยังน่าสงสัยมากกว่าน่าไว้ใจเสียอีก
5) กินข้าวโชว์คนละคำสองคำ คนละจานสองจานมันไม่ได้บอกอะไร เพราะสิ่งที่คนเขาห่วงและวิตกกังวลคือ “มีอะไรในข้าวกองเก็บนาน 10 ปี” พวกนี้บ้าง เขาจึงพูดถึงการรมยารักษาสภาพข้าว ความชื้น เชื้อรา อะฟลาท็อกซิน และสารพิษอื่นๆ ที่จะเป็นพิษในระยะยาวต่อร่างกายของผู้บริโภค ซึ่งการสร้างความเชื่อมั่นหรือความกระจ่างในเรื่องนี้ มันต้องตรวจด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์/การแพทย์
6) ถ้าเรามีรัฐมนตรีที่สติสัมปชัญญะครบถ้วนดี ปัญญาดี เข้าใจสถานการณ์ดี ต้องรู้และเลือกวิธีสร้างความเชื่อมั่นต่อข้าวลอตนี้ ได้ดีกว่านี้แน่นอนครับ
7) ข้าวกองเก็บ 10 ปี ชุดนี้ ผู้ซื้อไม่ใช่ประชาชนที่ซื้อไปหุงกิน แต่เป็นผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ ซึ่งส่วนมากนำไปจำหน่ายในต่างประเทศ วิธีการพิสูจน์เพื่อ “เปิดประมูล” ยิ่งไม่ใช่หุงและกินโชว์ คนเหล่านี้ ผู้ประกอบการเหล่านี้ นักธุรกิจเหล่านี้ เขามี “มาตรฐานการประเมินสภาพข้าว” ของเขาอยู่แล้ว มาตรฐานเหล่านั้นต่างหากที่รัฐมนตรีต้องทำเป็นสิ่งแรก และต้องสื่อสารกับสังคมให้กระจ่างชัด แต่เมื่อเลือกใช้การหุงและกินโชว์ สังคมย่อมมีสิทธิงุนงงสงสัยใช่ไหมครับ ท่านรัฐมนตรี ว่าท่านทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร หรือทำเพื่อใคร
8) ไม่มีคนพูดคนไหนไม่รักชาติและมุ่งจะทำลายข้าวไทย เขามุ่งปกป้องกันทั้งนั้น โดยเฉพาะปกป้องตัวเขา ปกป้องทหารที่อาจจะได้กินข้าวจากโกดังนี้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกปากพูด พอ “สารตั้งต้น” ที่ท่านนำเสนอสู่สังคม มัน “ต้องสงสัย” เสียแล้ว การจะทำให้สังคมหยุดวิพากษ์วิจารณ์จึงต้องทำให้ “สิ้นสงสัย”
9) เมื่อสังคมกังวลกับเรื่อง “สารพิษ” ท่านก็ต้องให้ความกระจ่างเรื่อง “สารพิษตกค้าง” ว่ามีหรือไม่มี มีในระดับใด น่ากังวลหรือโปรดสบายใจ ไม่ใช่โยนการพิสูจน์ไปให้คนอื่น ในทำนองว่า ติดต่อมาสิ มาขอตัวอย่างข้าวสิไปให้หน่วยงานต่างๆ ตรวจสิ ไม่ใช่ตรวจโดยนายคนนั้น อาจารย์คนนี้ ฟังแล้วก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆ แล้วคิดอยู่ในใจว่า“อะไรของมึงวะ” เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการ กำกับหน่วยงานมากมาย ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจที่มีมาตรฐานได้ แต่ไม่เสือกทำ ไปโยนให้คนอื่นทำ แล้วมาพูดฉอดๆๆๆๆ ว่าจินตนาการกันไปเรื่อยเปื่อย
ไม่รู้ตัวบ้างเลยเหรอ ว่า ใครเป็นคนจุดจินตนาการนั้นขึ้นมา
ไม่มีสติปัญญาจะคิดออกเลยเหรอ ว่า ตนเองดับจินตนาการนั้นได้ ด้วยการตรวจสอบให้ข้อเท็จจริงที่กระจ่างชัด
ทั้งหมดทั้งปวงที่พูดมา ตั้งอยู่บนความรู้สึกที่ว่า เสียดายเงินภาษีที่ต้องเอามาจ่ายให้แก่คนจำพวกนี้ และอยากไปไหว้พระ 7 วัด 7 วา เพื่อขอต่อพระว่า หารัฐมนตรี
ที่มีสติปัญญาดีๆ กว่านี้ มาให้ลูกช้างบ้างได้ไหม
สาธุ!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี