เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ นักโทษเด็ดขาดชาย “ทักษิณ ชินวัตร”ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการคัดเลือก สว.ที่ นายสมชายวงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ไม่ได้รับการคัดเลือก ว่า
ตรงนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญที่ว่ามันสอนให้รู้ว่า การปฏิวัติทุกครั้งเกิดจากการไม่ไว้ใจประชาชน คือเมื่อประชาชนเลือกรัฐบาลมาแล้วไม่ไว้ใจ ก็เกิดการปฏิวัติ เมื่อเกิดการปฏิวัติก็เกิดกติกาที่ส่วนกลางพยายามจะควบคุมให้ประชาชนทำโน่นทำนี่ตามที่ต้องการ สุดท้ายก็กลับไปที่ว่าวันนี้ต้องไว้ใจประชาชน ต้องเชื่อใจประชาชน ว่าเขาจะเลือกรัฐบาล เลือกกติกา เลือกคนมากำหนดกติกาของเขาได้วันนี้กติกาที่เกิดขึ้นรูปแบบเป็นไปตามกติกาที่เกิดขึ้นหลังคณะปฏิวัติทำ
เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าสายพรรคภูมิใจไทย ได้ สว.มาเยอะ นายทักษิณกล่าวว่า “ก็นี่ไงครับ เป็นเรื่องของกติกาที่ถูกเซตหลังปฏิวัติ แล้วไปคิดว่ากติกาที่ตัวเองคิดนั้น
ดีที่สุด เก่งที่สุด แต่ผลสุดท้ายคือการไม่ไว้ใจประชาชน ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย ฉะนั้น ต้องกลับไปไว้ใจประชาชน”
เมื่อถามว่า ต้องกลับไปเลือกตั้ง สว.ใช่หรือไม่นายทักษิณกล่าวว่า วิธีการที่ประชาชนเป็นคนตัดสินใจชีวิตของเขาเอง หรือตัดสินใจเลือกคนที่จะมาทำงานให้เขาจะดีที่สุด แต่หากส่วนกลางมากำหนดว่ากติกาเป็นแบบนี้ ผลสุดท้ายก็ต้องมีคนไปทำหน้าที่เลือกแทนประชาชน ซึ่งการเลือกแทนประชาชน สว.ชุดปัจจุบันก็มีคนเลือกแทนประชาชน สว.ชุดนี้ก็มีการเลือกแทนประชาชน คล้ายๆ แบบนี้ ฉะนั้นวันนี้ขอให้กลับไปที่เบสิกพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มันต้องไว้ใจประชาชน อย่าไปดูถูกประชาชน เขาคิดของเขาเองได้ เพราะการตัดสินใจของประชากรหมู่มากจะถูกต้องที่สุด
เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับการเลือก สว.จะส่งผลกับการเมืองต่อไปอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไร การเมืองก็คือการเมือง การเมืองเป็นสิ่งที่ต้องประคับประคองไป เพื่อทำงานให้ประชาชนได้เท่านั้นเอง เมื่อถามย้ำว่าจะส่งผลอะไรกับรัฐบาลหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่มี คุยกันรู้เรื่อง ทุกคนที่ทำงานด้วยกันคุยกันรู้เรื่อง ตนเชื่อว่านายกฯ คุยกับพรรคร่วมได้ทุกคน
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่านายทักษิณ หมดมนต์ขลังไปแล้ว นายทักษิณกล่าวว่า มนต์ขลังของตนไม่มีเลย วันนี้อายุ 75 ปี ก็คนแก่คนหนึ่ง ไม่มีมนต์ขลังอะไร
1) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท - คุยการเมือง” ระบุว่า ทักษิณ : รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง อ้าง “สมชาย” พลาด สว.จากผลรัฐประหาร ความว่า...
“ผมเห็นการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าการคัดเลือก สว.ที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้รับการคัดเลือกนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญมันสอนให้รู้ว่าการปฏิวัติทุกครั้งเกิดจากการไม่ไว้ใจประชาชน คือเมื่อประชาชนเลือกรัฐบาลมาแล้วไม่ไว้ใจ ก็เกิดการปฏิวัติ เมื่อเกิดการปฏิวัติก็เกิดกติกาที่ส่วนกลางพยายามจะควบคุมให้ประชาชนทำโน่นทำนี่ตามที่ต้องการ
...ผมเห็นว่าคุณทักษิณพยายามอ้างเหตุการรัฐประหารขึ้นมาสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองตลอดเวลา ผมคนหนึ่งที่ไม่สนับสนุนการรัฐประหาร แต่อยากให้กลับไปดูต้นเหตุของการรัฐประหารว่า เกิดขึ้นจากความผิดพลาดและความล้มเหลวของรัฐบาลทักษิณ 4 ข้อคือ 1.สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน 2.แทรกแซงองค์กรอิสระ 3. มีผลประโยชน์ทับซ้อนและทุจริตคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย 4.จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง
...ส่วนรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ที่ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง เพื่อล้างผิดให้กับคนโกง จนเป็นที่มาของการชุมนุมขับไล่รัฐบาล และเกิดรัฐประหารในที่สุด
...เมื่อคุณทักษิณพูดถึงกติกาที่คณะรัฐประหารเขียนขึ้นมานั้น คือรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่เมื่อมีการลงประชามติ เสียงส่วนใหญ่มีมติยอมรับ ผมก็เคารพเสียงข้างมากตามแนวทางระบอบประชาธิปไตย และทุกคนก็ได้รับผลพวงจากการรัฐประหารเช่นกันหมดทัั้งประเทศ
...การที่คุณสมชายพลาดตำแหน่งสว. ไปนั้นเป็นการแข่งขันภายใต้กติกาเดียวกัน กับผู้สมัครสว. คนอื่นๆทุกคน เพียงแต่กลุ่มคนบางกลุ่มสามารถใช้เงื่อนไขของกฎหมาย และมีความฉลาดแกมโกงได้มากกว่าคนอื่น จึงทำให้คุณสมชาย พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งคุณทักษิณควรกลับมาทบทวนแนวทางการทำงานการเมืองของกลุ่มตัวเองว่า พลาดท่าเสียทีให้กับกลุ่มการเมืองสีน้ำเงิน ในเกมเลือกตั้งสว. ครั้งนี้หรือไม่ อย่าให้เหมือนกับสุภาษิตโบราณที่บอกว่า “รำไม่ดีโทษปีโทษกลอง”
...ถ้าหากคุณทักษิณยังย้ำคิดย้ำทำแบบเดิมๆ การเมืองแบบเดิมๆ ก็จะหวนกลับมาอีก วนเวียนเป็นวงจรอุบาทว์ไม่มีวันจบสิ้น ขอให้ยอมรับความจริง และถ้าหากเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นผลไม้พิษ ต้องมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง อย่าปากว่า
ตาขยิบเหมือนกับแกนนำรัฐบาลชุดนี้” นายเทพไทกล่าว
2) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ ระบุถึงคำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ตำหนิกติกาเลือก สว. จนทำให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตกรอบ สว.ประเทศ ว่าเป็นกติกาของ “รัฐประหาร” ออกแบบมาโดยไม่ไว้ใจประชาชน เอาแต่ยึดมั่นสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว
“ผมเชื่อว่า การที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้เพียง 4 คะแนนนั้น คงมีสัญญาณอะไรบางอย่างออกมาให้ตัดไฟแต่ต้นลม จึงจำเป็นต้องสละนายสมชาย ดังนั้น คนการเมืองจึงต้องควานหาสัญญาณนั้น คืออะไร และต้องการอะไรกันแน่”นายจตุพรตั้งข้อสังเกต
ส่วนกรณีที่นายทักษิณพูดถึงกติกาเลือกตั้ง สว. ว่ามาจากการรัฐประหารนั้น นายจตุพร กล่าวว่า
“ทักษิณต้องเลือกยึดถือความเชื่อทางการเมืองก่อน ถ้าเลือกฝ่ายประชาธิปไตย ก็ควรบอกหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่เป็นลูกสาวตัวเอง อย่าไปยอมรับเสียง สว.เก่า 152 คนที่แต่งตั้งจากกลุ่ม รปห.มาโหวตให้คนของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ อีกอย่างเพื่อไทยต้องไม่ไปจับมือกับฝ่าย รปห.ตั้งรัฐบาล จนตระบัดสัตย์ต่อประชาชน ดังนั้น ถ้าตัวเองเป็นนักประชาธิปไตยรังเกียจการ รปห.จริง การเป็นรัฐบาลที่เกิดจากผลพวงรัฐประหารต้องไม่รับด้วยเช่นกัน”
“วันนี้มาพูดเรื่องกติกาเลือก สว.มาจากรัฐประหารก็พูดได้มีน้ำหนัก แต่พรรคที่ลูกสาวตัวเองเป็นหัวหน้ายังไปรับมรดกบาปของ รัฐประหารเสียเอง และ สว. 152 เสียงที่มาโหวตนายกฯ ให้นั้นก็เป็นผลไม้พิษจากต้นไม้พิษดังนั้น ถ้าเลือกเป็นนักประชาธิปไตยต้องมีจุดยืนของนักประชาธิปไตยด้วย”
นายจตุพรกล่าวว่า คำพูดของทักษิณ แสดงถึงการจะเอาแต่ผลประโยชน์อย่างเดียว เมื่อได้ประโยชน์ จากกติกาของเผด็จการก็เอา หากไม่ได้ประโยชน์กลับตำหนิเป็นผลไม้พิษหรือกติกาที่มาจาก “รัฐประหาร” ทั้งที่รู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองอยู่แล้วว่า สว.มาจาก รธน.’60 ที่ รัฐประหารเขียนขึ้น และ สว. 152 คนก็เป็นคนของรัฐประหาร พรรคการเมืองที่เพื่อไทยประกาศไม่จับมือ แต่ยังไปจับมือตั้งรัฐบาลด้วย ก็รู้เห็นเช่นกันว่า เป็นพรรคหนุนรัฐประหาร สืบทอดอำนาจ
“วันนี้มาแหกปากทำไมว่า กติกาเขียนมาโดยคณะปฏิวัติ แล้ว 152 เสียงที่โหวตให้พรรคเพื่อไทยก็มาจากรัฐประหาร คุณจะเอาอย่างไง ถ้าต้องการประชาธิปไตย คุณต้องเป็นนักประชาธิปไตย ต้องไม่ยอมรับเสียงจาก สว.เหล่านั้น แต่ถ้าได้ประโยชน์เอา เสียประโยชน์ไม่เอารัฐประหาร แล้วคุณจะเอาอย่างไงกัน”
นายจตุพร กล่าวว่า การเมืองเมืองเดินมาถึงจุดนี้ย่อมเห็นร่องรอยชัดเจน ยิ่งเมื่อการเลือก สว.มีอาการรวนกันมากขึ้น เสียงที่รวมกันเป็นก้อนใหญ่มีกว่า 150 เสียงจาก 200 คน ดังนั้น เมื่อนักการเมืองเลือกเดินเส้นทางนี้ก็ต้องยอมรับ จะไปรังเกียจ สว.ที่ผ่านเลือกตั้งไม่ได้ เพราะคนเท่ากัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อสภาพ สว.เป็นเช่นนี้แล้วการแก้ไข รธน.คงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป อีกอย่างการนิรโทษกรรมย่อมเห็นปลายทางว่า รวมคดี ม.112 ด้วยเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญคือ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเพื่อหยุดยั้งสิ่งชั่วร้ายกำลังจะเกิดทั้งการขายคอนโดฯให้ต่างชาติครอบครองจาก 49% เป็น 75% และอยู่นาน 99 ปีแล้วมีบ่อนกาสิโน และมีแลนด์บริดจ์ สิ่งเหล่านี้เป็นความเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย
“ความอดทนของประชาชนนั้น ต้องรอให้ผ่านเดือนมหามงคล ก.ค.นี้ไปก่อน แล้วค่อยคิดอ่านกัน โดยแต่ละฝ่ายได้เห็นสถานการณ์บ้านเมืองที่เละฟอนเฟะแทบทุกองค์กร จนทำให้เกิดความสูญเสียความเป็นชาติ นอกจากนี้ยังมีหลากหลายเรื่องราวที่ประเทศต้องแบกรับ”
นายจตุพร หวังว่า ส.ค.นี้จะเป็นเดือนเริ่มนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เพราะประชาชนมีความคิดความตื่นตัวมากขึ้นและส่งเสียงในลักษณะเดียวกัน โดยมีเป้าหมายเดียวกันที่จะเอาประเทศไทยต้องมาก่อน อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนั้น คงไม่ใช่เรื่องการชุมนุมทางการเมืองเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ประชาชนต้องคิดร่วมมือกันจะหยุดความเสียหายของบ้านเมืองได้อย่างไร
อีกทั้งกล่าวว่า ความนิยมในตัวทักษิณ ที่มีมากในอดีตได้เหลือน้อยลงในปัจจุบัน และชี้ได้ว่าเมื่อเวลาเปลี่ยนสถานการณ์เปลี่ยน และทักษิณ ไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาลการเมืองไทยอีกแล้ว ดังนั้น ผลเลือกตั้งจะทำลายความเชื่อทุกอย่างทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยลง และหวังว่าการออกมาเลือกตั้งของชาวปทุมธานีจะเป็นสัญญาณนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่อย่างแท้จริง
“ผลการเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานีวันที่ 30 มิ.ย.นี้จะเป็นดัชนีชี้ถึงอนาคตการเมืองเป็นอย่างดี เพราะจุดยืนทางการเมืองจะเป็นหลักในการชี้ขาดผลเลือกตั้งจึงชวนประชาชนปทุมธานีออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อร่วมกันกำหนดอนาคตในพื้นที่จังหวัดของตัวเอง”
3) นายกล้านรงค์ จันทิก สว.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา ทำหนังสือ เรื่อง “ข้อเสนอแนะเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีมีเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภาไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม” ถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยระบุว่า ตามที่ กกต. ได้จัดการเลือก สว. ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. พ.ศ. 2561 ในระดับอำเภอ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ระดับจังหวัด เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.และระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. และปรากฏต่อสื่อสาธารณะ ข้อวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับกรณีต่างๆ ที่เป็นเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภาว่ามิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เช่น ข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดตั้งเพื่อลงสมัครโดยกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครไม่ตรงตามกลุ่ม 20 กลุ่ม การจ้างวานผู้มาลงสมัครเพื่อประโยชน์ในการเลือกผู้สมัครบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ปรากฏการณ์ของจำนวนผู้ไม่ลงคะแนนให้ตนเองเป็นจำนวนมาก กรณีมีบุคคลจำนวนหนึ่ง ที่ได้รับคะแนนสูงผิดปกติ รวมทั้งมีการรวมกลุ่มและพบปะของผู้สมัครในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น
ในการนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้ติดตามพัฒนาการในเรื่องดังกล่าวและมีความห่วงกังวลต่อเหตุอันควรสงสัยข้างต้นอย่างมาก และมีความเห็นว่าถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงก็จะเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา 107 ที่ประสงค์ให้การเลือกดังกล่าวเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งมีผลให้ประชาชนขาดความไม่เชื่อมั่นในการจัดการเลือก สว. ของ กกต. ผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สว.และวุฒิสภา
ดังนั้น คณะกรรมาธิการฯ จึงมีความเห็นว่ากกต.ควรพิจารณาใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.พ.ศ. 2561 มาตรา 59ซึ่งกำหนดว่า “ก่อนประกาศผลการเลือก หากมีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งระงับ ยับยั้ง แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกการเลือกและสั่งให้ดำเนินการเลือกใหม่ หรือนับคะแนนใหม่...” อย่างจริงจัง เพื่อให้สังคมมีความมั่นใจในการดำเนินการของกกต. ที่จะให้การเลือกสว.ครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมตามเจตนารมณ์ชองรัฐธรรมนูญ จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาตามที่เห็นสมควรต่อไป และขอให้กำลังใจ กกต.ในการปฏิบัติหน้าที่มาพร้อมนี้ด้วย
สรุป : ทักษิณ เป็นคนอย่างที่จตุพรว่าจริงๆ อะไรได้ประโยชน์ก็รับ พอเสียประโยชน์ก็โทษรัฐประหาร แต่ก็น่าแปลกใจว่า คนแบบนี้ กลับยังมีที่อยู่ที่ยืนในสังคมได้ ใครเอามันมา ช่วยเอามันออกไป หรือเอาไปใส่กรงขังไว้ที่ไหนก็ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้ออกมาเพ่นพ่าน โน้มน้าวผู้คนให้เสียหลักการอย่างที่เป็นอยู่นี้ !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี