วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 เวลาช่วงบ่าย กกต. ได้ประกาศรับรองผลการเลือก สว. ครบทั้ง 200 คน รวมทั้งบัญชีสำรองอีก 100 คนพร้อมกันทั้งนี้โดยมีการประสานงานแจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเพื่อเตรียมรับการรายงานตัวในช่วงเช้าของวันเดียวกัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวหลายกระแสไปในทางเดียวกันว่า กกต. จะยังไม่รับรองผลการเลือก สว. โดยจะทำการสืบสวนสอบสวนพิจารณาเรื่องร้องเรียนทั้งหลายก่อน ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ
สถานการณ์พลิกผันเช่นนี้ไม่มีใครทราบว่าเกิดจากเหตุใด เพราะไม่มีการแถลงถึงต้นเหตุที่ไปที่มา แต่ก็มีคนบางพวกคาดหมายว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจาก สว. ชุด คสช. ประชุมกันล่าสุดและลงมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาการเลือก สว. ชุดนี้ ในท่ามกลางเสียงคัดค้านของว่าที่ สว. รุ่นใหม่ และผู้ที่หมั่นไส้บางจำพวก
ก็เป็นที่เข้าใจกันดีว่า การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าวนั้น แม้จะขึ้นชื่อว่าเพื่อการศึกษา แต่นัยที่แท้จริงก็คือเพื่อตรวจสอบจับผิดการจัดการเลือก สว. นั่นเอง ว่าได้เป็นไปโดยสุจริต โดยเที่ยงธรรม และโดยรวดเร็วหรือไม่
ซึ่งสอดคล้องกับการรายงานข่าวของสื่อมวลชนอย่างหนาหูถึงการจัดระบบอย่างเป็นล่ำเป็นสันในการเลือกครั้งนี้ มีการจัดตั้งบุคลากรเข้าไปสมัครรับเลือก มีการจัดบล็อกโหวตจึงเป็นผลให้ผู้สมัครรับเลือกที่มีข่าวคราวว่าใกล้ชิดกับกลุ่มการเมืองเขากระโดงได้รับเลือกเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดคนขับรถของอดีตนักการเมืองใหญ่ก็ได้รับเลือกและทำให้จังหวัดบุรีรัมย์ซึ่งเป็นจังหวัดไม่ใหญ่มากมี สว. มากกว่ากรุงเทพมหานครถึงสองเท่า และมากกว่าหลายจังหวัดหลายเท่า
ที่สำคัญคือมีหลักฐานเกี่ยวกับการจัดทำโพยที่กำหนดนัดหมายให้มีการเลือกผู้สมัครบางหมายเลขที่อยู่ในเครือข่ายการจัดตั้ง นอกจากนั้นยังมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขนผู้สมัครไปประชุมพบปะกัน กระทั่งไปประชุมเพื่อแจกจ่ายเงินกัน และยังมีข้อเท็จจริงว่ามีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก จึงมีการร้องเรียนกันถึง 600 คดี
ในบรรดาการร้องเรียนดังกล่าวนั้นจำแนกได้เป็นสองประเภท คือ ประเภทที่จะส่งผลให้การเลือกเป็นโมฆะทั้งประเทศ โดยต้องจัดเลือกกันใหม่ทั้งประเทศ และประเภทที่ส่งผลเฉพาะตัวให้ต้องเพิกถอนการเลือกของผู้สมัครคนใดคนหนึ่งหรือหลายคน
เมื่อมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกทั้งสองประเภทนี้กฎหมายบัญญัติให้ กกต. ต้องทำการสืบสวนสอบสวนและมีคำสั่งโดยเร็ว นั่นคือถ้าเป็นประเภทที่การเลือกเป็นโมฆะก็ต้องสั่งให้เลือกใหม่ทั้งประเทศโดยเร็วที่สุด ถ้าเป็นประเภทเฉพาะตัวก็แจกใบแดงเฉพาะตัวที่จะมีผลให้ต้องเลือกเฉพาะตัวกันใหม่ แต่โดยรวมก็คือเป็นหน้าที่ของ กกต. ต้องสืบสวนและมีคำสั่งโดยเร็ว
การละเว้นหรือการไม่ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนหรือมีคำสั่งโดยเร็วเป็นความผิดตามกฎหมาย และยังเป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วย แต่ละกระทงหรือกรรมความผิดจะมีโทษจำคุกถึง 10 ปี
ปรากฏว่า กกต. ยังไม่ได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการร้องเรียนเลยแม้แต่เรื่องเดียว และจู่ๆ ก็ประกาศรับรองผลการเลือกทั้ง 200 คน ซึ่งหมายความว่า กกต. ได้รับรองผลการเลือกประเภทแรกคือการเลือกทั้งประเทศว่าชอบด้วยกฎหมาย และยังรับรองผลการเลือก ประเภทที่สอง คือทุกคนได้รับเลือก โดยสุจริต โดยเที่ยงธรรม เพียงแต่อ้างว่าจะมีการสืบสวนสอบสวนและสอยทีหลัง ซึ่งไม่เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ
ดังนั้นการประกาศรับรองผลดังกล่าวจึงเท่ากับเป็นการลุยไฟ และทำให้เกิดความห่วงใยว่าอนาคตของ กกต. ชุดนี้ชะดีชะร้ายอาจตามรอยสามหนาห้าห่วง คืออดีต กกต. รุ่นพี่ที่ถูกศาลจำคุกร้ายแรง เพราะเหตุจัดการเลือกตั้งโดยไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม และเนื่องจากมีคดีร้องเรียนจำนวนมาก ก็อาจถูกกล่าวหาหลายบทหลายกระทง แม้นพลาดพลั้งขึ้นมาก็จะต้องโทษสถานหนักอาจต้องตายในคุก
ผลของการรับรองผลการเลือกสว.ทำให้ สว.สาย คสช. สิ้นสุดลง การตั้งคณะกรรมาธิการก็ต้องค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น ซึ่งคงสมใจคนบางพวกที่อยากให้ สว.สาย คสช. หมดบทบาทโดยเร็วที่สุด เพราะถือว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่ตัวแทนของปวงชน แต่เป็นกาฝากของโรคแทรกซ้อนในระบอบเผด็จการ ที่มีผลงานประการใดก็รู้กันทั่วไป ไม่จำเป็นต้องกล่าวอีก
นับจากนี้ไป สว. ชุดใหม่ก็จะเข้ารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการวุฒิสภา และเมื่อครบถ้วนแล้วและอยู่ในสมัยเปิดประชุมก็จะมีการเรียกประชุม สว. ชุดนี้เป็นครั้งแรกซึ่งน่าจะไม่เกินปลายเดือนกรกฎาคมนี้ เว้นแต่จะมีคำสั่งต้องห้ามตามคำสั่งศาลอันเกิดจากการถูกฟ้องคดี
ถ้าข่าวคราวเรื่องความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่าง สว. จำนวนมากในชุดนี้กับกลุ่มการเมืองเขากระโดงเป็นความจริง ก็หมายความว่าฐานะและพลังทางการเมืองของกลุ่มการเมืองเขากระโดงก็จะพุ่งทะยานขึ้นอยู่ในระดับทัดเทียมกันกับพรรคเพื่อไทย และจะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของพรรคเพื่อไทยในทันที
จะมีบทบาทในการให้ความเห็นชอบข้าราชการระดับสูงในการเข้าดำรงตำแหน่ง รวมทั้งในการเลือกกรรมการองค์กรอิสระเกือบทั้งหมด รวมทั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วย
ข่าวคราวการวิ่งเต้นคณะ คสช. เพื่อเป็นกรรมการองค์กรอิสระ และการวางคนของตัวเองเข้าไปคุมองค์กรอิสระเคยมีมาแล้วอย่างไรก็อาจมีขึ้นใหม่อย่างนั้นก็ได้ และอาจจะมีอานุภาพมากกว่าเก่าก็ได้ใครจะไปรู้

‘กรมการแพทย์’ชู 3 เทคโนโลยีการรักษาฟื้นฟู‘กะโหลกเทียม แขนขาเทียมและตาปลอม’
ช็อกกันทั้งซอย กล้องหน้ารถจับภาพ ชายป่วยซึมเศร้าโดดตึก3ชั้นสาหัส
วางขายแล้ว! จาก‘ข้าวดอ’สู่‘ข้าวเม่า’ ขนมโบราณ ฝีมือชาวนาอำนาจเจริญ
ประเทศแรกในเอเชีย! ‘ฟีฟ่า’เลือก‘ไทย’ เจ้าภาพฟุตบอลหญิง รายการ FIFA Series 2026tm
‘สืบยโสธร’รวบเครือข่ายโจรกรรมรถ จยย.ข้ามชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี