ทุกวันนี้สินค้าอุตสาหกรรมไทยแท้ๆ ที่ผลิตโดยคนไทย หาได้ยากมากขึ้นเป็นลำดับ แต่ที่เห็นชัดๆ ก็คือโรงงานอุตสาหกรรมของคนไทยทยอยปิดตัวลงเรื่อยๆ โดยเมื่ออ้างอิงข้อมูลจาก KKP Research พบข้อมูลน่าสนใจว่า ภาคการผลิตในอุตสาหกรรมไทยยุคปัจจุบันอยู่ในสภาวะอ่อนแอค่อนข้างมาก ซึ่งเห็นได้ชัดจากทั้งดัชนีการผลิตที่ปรับตัวลงติดต่อกันเกินกว่า 1 ปี และยังพบด้วยว่ามีโรงงานปิดตัวเพิ่มขึ้นรวมถึงมีหนี้เสียในภาคการผลิตที่กำลังเร่งตัวอย่างมีนัยสำคัญ แม้รัฐบาลจะอ้างว่ามีโรงงานเปิดตัวมากกว่าโรงงานที่ปิดตัว แต่ต้องบอกว่าเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่น่าจะตรงประเด็นมากนัก เพราะเป็นการเปรียบเทียบกันในภาคการผลิตที่ต่างกัน ทั้งนี้พบว่ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตเครื่องหนังผลิตยาง โรงงานอุตสาหกรรมด้านการเกษตร อุตสาหกรรมไม้ และการผลิตเครื่องจักร ถือได้เป็นกลุ่มที่ปิดตัวมากที่สุด
เมื่อย้อนไปดูสถิติการปิดโรงงานตั้งแต่ปี 2564 พบว่าในปีนั้นปิดโรงงานเฉลี่ยเดือนละ 57 แห่ง ต่อมาในปี 2565 ปิดโรงงานเฉลี่ยเดือนละ 83 แห่ง และต่อมาในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ก็พบอัตราการปิดตัวของโรงงานในแต่ละเดือนเพิ่มมากขึ้นคือ 159 แห่งต่อเดือน
เมื่อนับรวมจำนวนโรงงานที่ปิดตัวตั้งแต่ปี 2566 ถึงช่วงไตรมาสที่หนึ่งของปี 2567 พบว่าโรงงานปิดตัวไปแล้วมากกว่า 1,700 แห่ง ส่งผลให้คนงานตกงานแล้วรวม 42,000 ตำแหน่ง
ถามว่าทำไมโรงงานปิดตัวมาก ตอบสั้นๆ ตรงประเด็นว่าเพราะสินค้าที่โรงงานผลิตออกมาไม่เป็นที่ต้องการของตลาด หรืออาจเพราะว่าผลิตแล้วขายด้วยราคาที่แพงกว่าสินค้าชนิดเดียวกันที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน
อันที่จริงยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้โรงงานของไทยต้องปิดตัวลง เช่น การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในการผลิตที่โรงงานไทยปรับตัวไม่ทัน และปัญหาการเงินของโรงงาน แต่ในที่นี้จะขอเน้นถึงปัญหาที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดปัญหาหนึ่งคือการถูกสินค้าราคาถูกกว่าที่ผลิตจากจีนเข้ามาโจมตี
ดังจะเห็นได้ชัดเจนด้วยว่าไทยขาดดุลการค้าให้จีนอย่างต่อเนื่องมานับสิบปีแล้ว โดยพบว่ายานยนต์ไฟฟ้าจากจีนเข้ามาอยู่ในตลาดไทยจำนวนมาก และก็ยังมีสินค้าอุปโภค-บริโภคอื่นๆ จากจีนไหลบ่าเข้ามาท่วมตลาดสินค้าไทย เพราะสินค้าจีนมีราคาถูกและต่ำกว่าสินค้าไทยอย่างเห็นได้ชัด แม้จะยังมีปัญหาด้านคุณภาพสินค้าก็ตาม แต่ผู้ซื้อชาวไทยจำนวนไม่น้อยไม่ตระหนักในเรื่องคุณภาพสินค้ามากเท่าไรนัก เพราะเน้นที่ราคาถูกเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนขอกระโดดไปที่ประเด็น TEMU บุกเข้ามาในตลาดไทย ต้องย้ำว่าการเข้ามาของTEMU นั้นจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตสินค้าและผู้ขายสินค้าของไทยอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย แล้วก็ต้องไม่ลืมว่า TEMU เข้าไปเขย่าตลาดสินค้าในอเมริกาอย่างรุนแรงและเกิดผลสะเทือนด้านลบอย่างหนักมาแล้ว เพราะฉะนั้น จึงเกิดคำถามตามมาว่า แล้วไทยจะรอดจากปัญหาการถูกสินค้าจีนโจมตีและรุกรานหรือไม่
คำถามตามมาคือ เมื่อทุนจากจีนไหลบ่าเข้าท่วมประเทศไทย แล้วรัฐบาลไทยได้ตั้งมาตรการเพื่อป้องกันความเสียหายใหญ่หลวงที่จะเกิดกับธุรกิจไทยไว้แล้วหรือยัง หากจะตอบโดยอาศัยคำพูดของ ภาวุธ พงษ์วิทยาภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง Pay Solutions และ Creden.co ก็จะพบว่า “ผลการกระทบจากการบุกเข้ามาไทยของ TEMU จะทำให้เศรษฐกิจไทยล้มเป็นโดมิโน่ แต่วันนี้ยังไม่เห็นภาครัฐ (บาล) ของไทยออกมาพูดถึงเรื่องนี้เลย มีแต่เอกชนไทยที่ร้องปาวๆ ว่าถูกสินค้าจีนโจมตี จนธุรกิจจะไปต่อไม่ไหวแล้ว”
ภาวุธบอกด้วยว่าผู้ค้าขายคนไทยต้องจ่ายภาษีสารพัดชนิด ต้องขออนุญาตเพื่อให้ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม และต้องขออนุญาตให้ได้ อย. สำหรับสินค้าจำพวกยาและสิ่งที่ถูกกำหนดว่าต้องมีมาตรฐาน อย. แต่สำหรับสินค้าจีนที่ถูกขายใน online platform ต่างๆ จนกระทั่งการเข้ามาของ TEMU กลับไม่ต้องเสียภาษี และไม่มีต้นทุนการค้าเหมือนที่คนค้าขายของไทยต้องเสียให้รัฐบาล เมื่อเป็นแบบนี้ก็ทำให้แข่งขันกันไม่ได้ เมื่อสู้ไม่ได้ก็ต้องปิดโรงงาน ทำให้คนงานไทยตกงาน และความเสียหายรุนแรงก็จะเกิดกับเศรษฐกิจไทย เงินตราของไทยก็จะถูกกระชากออกจากประเทศไทยไปสู่ประเทศจีนจนหมดในที่สุด
TEMU น่ากลัวแค่ไหน บอกได้คำเดียวว่าน่ากลัวมาก เขาขยายไปในอเมริกา แล้วเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อเมริกาแล้ว TEMU น่ากลัวมากจริงๆ เขาต่างจาก platform E-commerce อื่นๆ เพราะเขามีบริษัทแม่ที่ชื่อ Pinduoduo (ปิงตั๋วตั๋ว) อยู่ในจีน เขามีจุดเด่นการตลาดคือขายสินค้าถูกมากๆๆ โดยสินค้าที่ขายคือสินค้าจีน 100 เปอร์เซ็นต์ และที่สำคัญคือพ่อค้าแม่ค้าคนไทยไม่สามารถเข้าไปขายของใน TEMU ได้ในขณะนี้ แต่ในอนาคตยังไม่แน่ใจว่าจะเข้าไปได้หรือไม่ข้อเท็จจริงคือ TEMU ไม่ได้เปิดบริษัทในประเทศไทย จึงไม่มีสถานะนิติบุคคลในไทย ซึ่งหมายความว่าเงินของคนไทยที่สั่งซื้อสินค้าจากเขาทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์จะไหลออกจากไทยไปทั้งหมด รัฐบาลไทยไม่ได้ภาษีจากการซื้อขายของของเขาแม้แต่บาทเดียว
ปิงตั๋วตั๋วใช้กลยุทธ์เชื่อมต่อโดยตรงกับโรงงานผู้ผลิตในจีน แล้วใช้หลักการค้าว่า ถ้าหากใครซื้อสินค้าจำนวนมากๆ จะยิ่งได้ส่วนลดมากขึ้น เมื่อเขาติดต่อโดยตรงกับโรงงานผลิตสินค้าในจีนแล้ว ก็เท่ากับเขาตัดผู้ค้าคนกลางออกไปได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ สินค้าของเขาจึงมีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับผู้ค้ารายอื่นๆ แต่เขาขายสินค้าไม่มียี่ห้อ เมื่อไม่มียี่ห้อก็ทำให้ราคาถูก เพราะไม่มีค่าการตลาด นี่เป็นจุดขาย และทำให้สินค้ามีราคาถูก แต่ต้องย้ำว่าสินค้ามาจากโรงงานจีนทั้งหมด เพราะเขาติดต่อกับผู้ผลิตในจีนโดยตรง แล้วใช้วิธี direct to consumer
แต่คนไทยทั่วไปอาจจะมองว่าไม่มีอะไรเสียหาย เพราะได้สินค้าราคาถูกมาก แต่ต้องเตือนให้ระวังเศรษฐกิจไทยจะพินาศในที่สุด เพราะเงินที่ซื้อของไม่ได้อยู่ในระบบเศรษฐกิจของไทย เนื่องจากเงินทั้งหมดจะไหลไปที่จีนโดยตรง ย้ำว่าเงินที่ซื้อของจะไหลไปจีนทันที เงินไม่ได้อยู่ในประเทศไทย เงินไทยไหลไปที่จีน เมื่อเงินไม่อยู่ในมือคนไทย แล้วสังคมไทยจะได้อะไร เมื่อเงินไทยถูกดึงไปอยู่ในต่างประเทศ ก็เท่ากับไทยขาดดุลการค้าไปเรื่อยๆ
อย่าลืมว่าก่อน TEMU เข้ามาในไทย เงินของคนไทยก็ถูกดึงออกจากระบบเศรษฐกิจไทยมานานหลายปีแล้ว เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยชอบซื้อของผ่านระบบออนไลน์ แล้วยิ่งปัจจุบันยิ่งซื้อผ่านออนไลน์มากขึ้นเพราะอาจจะเห็นว่าได้สินค้าราคาถูก ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อตามร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าใดๆ
ขอย้ำอีกครั้งว่า การขายสินค้าตรงแบบนี้ สินค้าไม่ผ่านระบบการตรวจสอบคุณภาพสินค้า ไม่ผ่านระบบมาตรฐานอุตสาหกรรม และไม่ผ่านมือพ่อค้าคนไทย ไม่ต้องเสียภาษีให้ไทย นี่คือสิ่งที่คนไทยต้องสำเหนียกไว้ และนี่คือสิ่งที่รัฐบาลไทยต้องสำเหนียกไว้ให้มาก
คนไทยหลายคนอาจไม่รู้ว่าปัจจุบันจีนมีปัญหาเศรษฐกิจค่อนข้างมาก แต่ในเมื่อผู้ผลิตสินค้าของจีนผลิตของได้มาก แต่กำลังซื้อในประเทศน้อยลง และไม่สามารถส่งของไปยังประเทศในยุโรปได้มากเหมือนเดิม เขาจึงต้องส่งออกไปประเทศอื่นๆ โดยผ่านการขายในระบบออนไลน์ หรือ online cross border แถมผู้ผลิตสินค้าจีนยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนในการส่งสินค้าออกไปยังต่างประเทศ เรื่องเหล่านี้ประเทศในยุโรปตะวันตกรู้ดีและตื่นตัวมาก จึงป้องกันสินค้าจากจีนทุกหนทาง แต่สำหรับรัฐบาลไทยยังอ่อนด้อยกับการรับรู้และแก้ปัญหานี้อย่างมากที่สุด จึงปล่อยให้สินค้าจีนไหลทะลักเข้ามาท่วมตลาดไทย และยังไม่เคยปกป้อง
ผู้ค้าคนไทย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่าในที่สุดแล้วระบบเศรษฐกิจไทยจะพังพินาศ ผู้ประกอบการคนไทยจะไปไม่รอด เมื่อผู้ประกอบการไทยล้มหายตายจากจนหมด ก็หมายความว่าในภาคการผลิตต้องตกงาน คำถามคือแล้วเศรษฐกิจไทยจะไปรอดได้อย่างไร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี