วันพฤหัสบดี ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / เส้นใต้บรรทัด
เส้นใต้บรรทัด

เส้นใต้บรรทัด

จิตกร บุษบา
วันอาทิตย์ ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
‘นักโทษเทวดา’ กำลังพาเข้าคุก

ดูทั้งหมด

  •  

เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ เริ่มสะบัดร้อนสะบัดหนาวกันแล้วครับ เมื่อกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชี้เบาะแสของการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง ในการดูแล “นักโทษเทวดา” ที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ด้วยวิธีพิเศษ

โดยเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 สิงหาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่ากสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 กรณีที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร (ผู้ถูกร้องที่ 1) อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องขัง เข้ารับการรักษาพยาบาลที่ โรงพยาบาลตำรวจ (ผู้ถูกร้องที่ 2) เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 และได้รับการรักษาที่ดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่นอาจเป็นการเลือกปฏิบัติ จึงขอให้ตรวจสอบ กสม.ตรวจสอบข้อเท็จจริง


1) นายวสันต์บอกว่า การที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ส่งตัวนายทักษิณออกไปรักษาภายนอกเรือนจำเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ต่อเนื่องวันที่ 23 สิงหาคม 2566 เป็นการดำเนินการภายใต้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในขณะนั้น อันถือเป็นการให้ความคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และสิทธิในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของผู้ต้องขังตามสมควรแล้ว

2) ส่วนกรณีโรงพยาบาลตำรวจรับตัวนายทักษิณไว้รักษาที่ห้องพิเศษชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา นั้น เห็นว่า การที่นายทักษิณเข้ารักษาตัวใน
โรงพยาบาลด้วยอาการวิกฤตซึ่งในช่วงแรกเข้าพักที่ชั้น 14 เนื่องจากโรงพยาบาลให้ข้อมูลว่าเป็นเพียงชั้นเดียวที่มีห้องว่าง หลังจากนั้นปรากฏว่า นายทักษิณยังพักที่ห้องพิเศษดังกล่าวมาโดยตลอด โดยโรงพยาบาลชี้แจงว่านายทักษิณมีภาวะวิกฤตสลับปกติ ซึ่งหากนายทักษิณป่วยจนอยู่ในระดับวิกฤตตามที่มีการชี้แจงจริง ก็ควรต้องได้รับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์อย่างใกล้ชิดและพักในห้องสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉิน แต่นายทักษิณกลับพักในห้องพิเศษซึ่งตามปกติควรมีไว้สำหรับผู้ป่วยที่พ้นจากภาวะวิกฤตและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้บ้างแล้ว อีกทั้งกรมราชทัณฑ์ก็ไม่สามารถทราบได้ว่ามีผู้ต้องขังป่วยคนใดบ้างที่เข้าพักรักษาตัวในห้องพิเศษเนื่องจากกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 ไม่ได้กำหนดให้เรือนจำที่ส่งตัวหรือสถานพยาบาลที่รับตัวผู้ต้องขังไว้ต้องรายงานให้ทราบทั้งที่กรณีดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากมีผลทำให้ผู้ต้องขังรายใดรายหนึ่งอาจได้รับสิทธิที่ดีกว่าผู้ต้องขังอื่นๆ ที่มีอาการป่วยเหมือนกัน โดยเฉพาะอดีตผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่อาจได้รับการดูแลแตกต่างหรือเป็นพิเศษมากกว่าผู้ต้องขังทั่วไป

3) นายวสันต์กล่าวอีกว่า การที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและโรงพยาบาลตำรวจ กำหนดให้นายทักษิณพักรักษาตัวที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาลตำรวจอย่างต่อเนื่อง โดยเรือนจำฯไม่ได้โต้แย้ง จนกระทั่งนายทักษิณออกจากโรงพยาบาล เป็นการดำเนินการโดยอาศัยช่องว่างของกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 ทำให้นายทักษิณได้รับประโยชน์นอกเหนือกว่าสิทธิที่ควรได้รับ ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักความเสมอภาคและเป็นการเลือกปฏิบัติ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

4) นายวสันต์กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและโรงพยาบาลตำรวจ อนุญาตให้นายทักษิณพักรักษาตัวเป็นระยะเวลานาน เห็นว่า
แม้การตรวจสอบข้อเท็จจริง กสม. ไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของนายทักษิณ เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอ้างถึงข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย แต่หากนายทักษิณมีอาการป่วยอยู่ในภาวะวิกฤตสลับปกติจริงตามอ้าง ก็ควรได้รับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์อย่างใกล้ชิดและพักในห้องสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงอีกว่า เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567ซึ่งเป็นวันที่นายทักษิณสามารถออกจากการควบคุมของเรือนจำฯ ตามโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษของกรมราชทัณฑ์ นายทักษิณสามารถเดินทางกลับบ้านพักส่วนตัวได้ในทันทีโดยไม่พบว่าต้องเข้าไปรับการรักษาตัวในสถานพยาบาลแห่งอื่นอีก รวมทั้งสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ และปฏิบัติภารกิจได้โดยไม่ปรากฏว่ามีอาการเจ็บป่วยรุนแรง อันผิดปกติวิสัยของผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤตจนถึงขั้นอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและต่อเนื่อง ซึ่งใช้เป็นเหตุผลในการพักรักษาตัวกับโรงพยาบาลตำรวจมาโดยตลอด

ด้วยเหตุนี้ จึงยังมิอาจเชื่อได้ว่า นายทักษิณมีอาการป่วยจนถึงขนาดที่ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ นานถึง 181 วัน โดยไม่สามารถออกไปรับการรักษาต่อที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หรือกลับไปคุมขังต่อที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หรือกลับไปคุมขังต่อที่เรือนจำฯได้

ในชั้นนี้ จึงเห็นว่า การกระทำของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและโรงพยาบาลตำรวจ เป็นการเลือกปฏิบัติแก่ผู้ต้องขังด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องสถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม อันถือเป็นการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่นกัน

5) “กสม.เห็นว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีตามคำร้องนี้ นอกจากจะมีสาเหตุเกิดจากการกระทำหรือละเลยการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานของรัฐแล้ว ยังมีสาเหตุสำคัญเกิดจาก กฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 ข้อ 5 (2) ที่กำหนดห้ามผู้ต้องขังเข้าอยู่ในห้องพักพิเศษแยกจากผู้ป่วยทั่วไปเว้นแต่ต้องพักรักษาตัวในห้องควบคุมพิเศษตามที่สถานที่รักษาผู้ต้องขังจัดให้ ซึ่งเปิดโอกาสให้สถานที่รักษาใช้ดุลพินิจโดยขาดการพิจารณาจากเรือนจำที่ส่งตัวผู้ต้องขังออกไป และข้อ 7” นายวสันต์กล่าว

6) นายวสันต์กล่าวอีกว่า ส่วนที่เกี่ยวกับกรณีที่ผู้ต้องขังรักษาตัวนอกเรือนจำเป็นเวลานานเกิน 30 วัน 60 วันและ 120 วัน ให้ผู้บัญชาการเรือนจำมีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดีและรายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อทราบตามลำดับชั้นพร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่มีข้อกำหนดว่าหากเลยระยะเวลา 120 วัน ไปแล้วต้องดำเนินการอย่างไร ซึ่งอาจเป็นช่องว่างให้ผู้ต้องขังรักษาอาการป่วยนอกเรือนจำได้เป็นระยะเวลานานเกินไปโดยไม่มีการตรวจสอบ อีกทั้งหากการรักษาตัวเกิน 60 วัน และ 120 วัน ให้ผู้บัญชาการเรือนจำขอความเห็นชอบจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และรายงานปลัดกระทรวงยุติธรรมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพื่อทราบเท่านั้น อาจก่อให้เกิดภาวะขาดการตรวจสอบถ่วงดุลและนำไปสู่การใช้อำนาจในทางที่ผิดได้ จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายกรณีดังกล่าว

7) กสม.มีความเห็นเพิ่มเติมว่า การกระทำของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้องยังเข้าข่ายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคล อันอาจเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งอยู่ในหน้าที่และอำนาจตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยได้ทราบว่า ป.ป.ช.รับเรื่องในประเด็นนี้ไว้แล้ว ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการ กสม.จึงมีมติให้ส่งรายงานผลการตรวจสอบ
ฉบับนี้ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 221และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2560 มาตรา 6ประกอบประกาศองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เรื่อง แนวปฏิบัติในการรับส่งเรื่องระหว่างองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ข้อ 6

8) นอกจากนี้ กสม. มีมติให้มีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ดังนี้

8.1. มาตรการหรือแนวทางในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน ให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบการกระทำหรือละเลยการกระทำของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และกรมราชทัณฑ์ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบการกระทำหรือการละเลยการกระทำของโรงพยาบาลตำรวจ ตามหน้าที่และอำนาจ และกำหนดมาตรการหรือแนวทางในการป้องกันมิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนเช่นว่านี้อีก โดยต้องเปิดเผยความคืบหน้าเป็นระยะและแจ้งผลการดำเนินการต่อสาธารณะภายในเวลาอันรวดเร็วด้วย รวมทั้งให้แพทยสภาตรวจสอบการกระทำของแพทย์สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ ผู้ทำการรักษาหรือมีความเห็นทางการแพทย์ในกรณีตามคำร้องนี้ แล้วดำเนินการไปตามหน้าที่และอำนาจตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ทั้งนี้ ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับรายงานผลการตรวจสอบฉบับนี้

8.2. มาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ให้สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางและวิธีการในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล กรณีมีเหตุยกเว้นตามนัยมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ทั้งนี้ เพื่อความโปร่งใส ป้องกันการเลือกปฏิบัติ และคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ

8.3. ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง ให้กระทรวงยุติธรรมแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 โดยแก้ไขข้อ 5 (2) ที่กำหนดห้ามผู้ต้องขังเข้าอยู่ในห้องพักพิเศษแยกจากผู้ป่วยทั่วไป เว้นแต่ต้องพักรักษาตัวในห้องควบคุมพิเศษตามที่สถานที่รักษาผู้ต้องขังจัดให้ โดยควรกำหนดว่า “ในกรณีสถานที่รักษาผู้ต้องขังมีความจำเป็นต้องให้ผู้ต้องขังพักรักษาในห้องพิเศษหรือห้องอื่นนอกเหนือจากห้องปกติ ต้องได้รับความเห็นชอบจากเรือนจำและกรมราชทัณฑ์เสียก่อน เว้นแต่ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนที่หากไม่ดำเนินการทันทีจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ต้องขังป่วย ให้ดำเนินการไปก่อนแล้วรีบขอความเห็นชอบ โดยต้องระบุเหตุผลความจำเป็นประกอบการขอความเห็นชอบนั้นด้วย”

8.4. ให้แก้ไขข้อ 7 ในส่วนที่เกี่ยวกับกรณีที่ผู้ต้องขังรักษาตัวนอกเรือนจำเป็นเวลานานให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแล้วแต่กรณี ต้องใช้อำนาจในการพิจารณาความเห็นของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ประกอบความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษา แทนการรับทราบเพียงเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการใช้อำนาจในการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ต้องขังรายหนึ่งรายใดได้ออกไปรักษาพยาบาลนอกเรือนจำโดยไม่มีเหตุอันควร

9) ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก คำร้องส่งไปให้ ป.ป.ช.และชี้มูลความผิด ขณะที่นายทักษิณเอง ใกล้พ้นโทษแล้วจะส่งผลอย่างไร นายวสันต์กล่าวว่า เรื่องนี้ที่มีการร้องเรียนมา เป็นประเด็นเรื่องการเลือกปฏิบัติ ทาง กสม.ได้พิจารณาตามประเด็นที่มีการร้องเรียนมาโดยได้สอบถามข้อมูล ทั้ง ฝั่งผู้ถูกร้อง คือ รพ.ตำรวจ และเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รวมถึงหาข้อมูล จากเรือนจำอื่นๆ รวมทั้งโรงพยาบาลอื่นๆ ความเห็น ผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ มีความเห็นออกมาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพ้นโทษของนายทักษิณในวันที่ 22 สิงหาคม หรือเรื่องอื่นๆ ส่วนเรื่องที่นายทักษิณยื่นเรื่องของศาลไปรักษาตัวที่ดูไบนั้น ทาง กสม.ไม่ได้มีการพูดถึง

10) เมื่อถามว่า การยื่นเรื่องถึง ป.ป.ช. เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของข้าราชการใช่หรือไม่ส่วนนายทักษิณซึ่งก็เป็นคู่กรณีเหมือนกันทาง กสม.จะสามารถดำเนินการเพิ่มเติมอย่างไรได้หรือไม่ นายวสันต์กล่าวว่า กรณีร้องเรียนนี้เป็นการร้องเรียนว่าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและ รพ.ตำรวจเลือกปฏิบัติ ดังนั้น ประเด็นในการพิจารณาจะเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเกี่ยวโยงกับบทบาทและหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทาง กสม.ก็มีมติให้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาดำเนินการเนื่องจากมีการดำเนินการร้องเรียนไปที่ ป.ป.ช.เช่นกัน

11) ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเชื่อมั่นหรือไม่ว่า ข้อมูลที่ส่งถึง ป.ป.ช.นี้จะสามารถกระทุ้ง ป.ป.ช.ให้ดำเนินการเรื่องนี้ได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานยื่นเรื่องไปที่ป.ป.ช.แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า นายวสันต์กล่าวว่า

“คิดว่าข้อมูลที่เราส่งไป ป.ป.ช.จะเป็นประโยชน์ในการดำเนินการของ ป.ป.ช.ด้วย ในส่วนของ กสม.จะเน้นที่เรื่องการเลือกปฏิบัติเนื่องจากผู้ต้องขังอาจไม่ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน กสม.เห็นว่าการกระทำของเรือนจำกรุงเทพฯ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง เขาขายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคล อาจเป็นการกระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ และกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เลยส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.”

12) เมื่อถามต่อว่า มีการลงรายละเอียดถึงบุคคล ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือ ผู้กระทำทุจริต เช่น รัฐมนตรี อธิบดีกรมราชทัณฑ์ หรือ ผอ.รพ.ตำรวจหรือไม่ นายวสันต์กล่าวว่า

“ที่ร้องเรียนมาเป็นหน่วยงาน คือ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และ รพ.ตำรวจ แต่การดำเนินการก็ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของต้นสังกัด ซึ่ง กสม.เสนอเรื่องให้กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบการทำหน้าที่ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และกรมราชทัณฑ์ด้วย พร้อมเสนอไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ตรวจสอบการกระทำของผู้ที่เกี่ยวข้องใน รพ.ตำรวจ รวมถึงส่งแพทยสภาให้ตรวจสอบแพทย์ที่มีความเห็นในกรณีการเจ็บป่วยของนายทักษิณนี้ด้วย”

สรุป : รอดูกันครับ ว่าหลังจากนี้ องค์กรอิสระอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ผู้ร้อง/นักร้องทั้งหลาย จะใช้ข้อมูลชุดนี้ของกรรมการสิทธิฯ ไปลากคอใคร “เข้าคุก”ได้บ้าง!!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
13:35 น. เปิดโปงเขมร! ก่อสงครามประชาชนส่ง‘ทหารบ้าน’ระรานชายแดน ‘บ้านหนองหญ้าแก้ว’
13:30 น. ‘ปกรณ์วุฒิ’ลั่น!ไม่มีทางเป็นไปได้ ‘ภูมิใจไทย’พลิกบทบาทเป็น‘เสียงข้างมาก’ ถ้าไม่มีพรรคแตก
13:20 น. รวบ13คนไทยกำลังจะลอบข้ามแดน อ้างเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ถูกหลอกไปกัมพูชา
13:18 น. สะพัดเมืองคอน!‘ชินวรณ์’นัดคุย‘พิพัฒน์-นาที’ จ่อโยกซบ‘ภูมิใจไทย’
13:18 น. กังวลเสียง‘สภาสูง’ ​‘ปกรณ์วุฒิ’แนะเปิดประตูบานแรกให้ ปชช.ออกเสียงประชามติ
ดูทั้งหมด
ออกครบแล้ว! ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กันยายน 2568
'เพลง ชนม์ทิดา'ร่ายความในใจ หลังถูกจับตาความสัมพันธ์'เป๊ก เศรณี'
‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯทอดพระเนตรการแสดงกายกรรมจากจีน
'มล.รจนาธร'โพสต์ขอบคุณ'ลิซ่า ลลิษา' สวมจิวเวลรีแบรนด์ไทยในลุค After party Emmy Awards
(คลิป) 'ฮุนเซน' ออกโรงแจงด่วนกลางดึก ยึดทรัพย์ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ในเขมร
ดูทั้งหมด
อลัชชีหุ้มจีวร
‘หนู-1’รัฐบาลชั่วคราวไม่ค้างคืน
ไทยต้องปรับปรุงด่วน ถ้ายังอยากอยู่ในสายตานักลงทุนโลก
หนึ่งวันพันเหตุการณ์
แลนด์บริดจ์ ยุคนายกฯอนุทิน
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘ปกรณ์วุฒิ’ลั่น!ไม่มีทางเป็นไปได้ ‘ภูมิใจไทย’พลิกบทบาทเป็น‘เสียงข้างมาก’ ถ้าไม่มีพรรคแตก

รวบ13คนไทยกำลังจะลอบข้ามแดน อ้างเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ถูกหลอกไปกัมพูชา

สะพัดเมืองคอน!‘ชินวรณ์’นัดคุย‘พิพัฒน์-นาที’ จ่อโยกซบ‘ภูมิใจไทย’

'อนุทิน'ลุยถกภาคธุรกิจ ลั่นใจกว้างเดินหน้าต่อหมดถ้านโยบายดี

ปรีวิว-ฟันธง! สาลิกาศึกหนักรับมือบาร์ซ่า

‘มาลี’แถอีก!ประณามเหตุปะทะ‘บ้านหนองหญ้าแก้ว’ โยนบาปไทยรุกล้ำ ละเมิดหยุดยิง

  • Breaking News
  • เปิดโปงเขมร! ก่อสงครามประชาชนส่ง‘ทหารบ้าน’ระรานชายแดน ‘บ้านหนองหญ้าแก้ว’ เปิดโปงเขมร! ก่อสงครามประชาชนส่ง‘ทหารบ้าน’ระรานชายแดน ‘บ้านหนองหญ้าแก้ว’
  • ‘ปกรณ์วุฒิ’ลั่น!ไม่มีทางเป็นไปได้ ‘ภูมิใจไทย’พลิกบทบาทเป็น‘เสียงข้างมาก’ ถ้าไม่มีพรรคแตก ‘ปกรณ์วุฒิ’ลั่น!ไม่มีทางเป็นไปได้ ‘ภูมิใจไทย’พลิกบทบาทเป็น‘เสียงข้างมาก’ ถ้าไม่มีพรรคแตก
  • รวบ13คนไทยกำลังจะลอบข้ามแดน อ้างเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ถูกหลอกไปกัมพูชา รวบ13คนไทยกำลังจะลอบข้ามแดน อ้างเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ถูกหลอกไปกัมพูชา
  • สะพัดเมืองคอน!‘ชินวรณ์’นัดคุย‘พิพัฒน์-นาที’ จ่อโยกซบ‘ภูมิใจไทย’ สะพัดเมืองคอน!‘ชินวรณ์’นัดคุย‘พิพัฒน์-นาที’ จ่อโยกซบ‘ภูมิใจไทย’
  • กังวลเสียง‘สภาสูง’ ​‘ปกรณ์วุฒิ’แนะเปิดประตูบานแรกให้ ปชช.ออกเสียงประชามติ กังวลเสียง‘สภาสูง’ ​‘ปกรณ์วุฒิ’แนะเปิดประตูบานแรกให้ ปชช.ออกเสียงประชามติ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ไม่ใช่คุกสุดท้ายของ ‘ทักษิณ’

ไม่ใช่คุกสุดท้ายของ ‘ทักษิณ’

17 ก.ย. 2568

ว่าด้วยเรื่อง ‘เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา’

ว่าด้วยเรื่อง ‘เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา’

14 ก.ย. 2568

ตามพระบรมราชโองการ

ตามพระบรมราชโองการ

10 ก.ย. 2568

ถามหา ‘ยางอาย’ จาก ‘แพทองธาร’

ถามหา ‘ยางอาย’ จาก ‘แพทองธาร’

7 ก.ย. 2568

กัด กรีด และดีดตัว ออกจาก ‘พรรคเพื่อไทย’

กัด กรีด และดีดตัว ออกจาก ‘พรรคเพื่อไทย’

3 ก.ย. 2568

‘อุ๊งอิ๊งค์’ น้อมรับ แต่ดูเหมือนจะไม่สำนึก

‘อุ๊งอิ๊งค์’ น้อมรับ แต่ดูเหมือนจะไม่สำนึก

31 ส.ค. 2568

‘บ้านหนองจาน’ สมรภูมิรบใหม่ ไทย-กัมพูชา

‘บ้านหนองจาน’ สมรภูมิรบใหม่ ไทย-กัมพูชา

27 ส.ค. 2568

ความกำแหงของ ‘ฮุนเซน’

ความกำแหงของ ‘ฮุนเซน’

24 ส.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved