พระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงก่อตั้งอาณาจักรรัตนโกสินทร์และเป็นต้นราชวงศ์จักรีคือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีความเก่งกล้าสามารถในการรบและการปกครองเป็นที่ประจักษ์ ทรงทำให้ราชอาณาจักรไทยกลับมามีความเจริญรุ่งเรืองได้อีกครั้งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่ามหาราช
ชาติไทยเสียอิสรภาพครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๓๑๐ แต่หลังจากนั้นเพียง ๗ เดือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ทรงกู้ชาติกลับคืนมาได้ ด้วยการยกทัพเรือมาจากเมืองจันทบุรีเข้าสู่ปากแม่น้ำเจ้าพระยารบชนะข้าศึกที่กรุงธนบุรี แล้วมุ่งขึ้นไปยังกรุงศรีอยุธยา เข้าตีค่ายของพม่าที่โพธิ์สามต้นที่รักษาการอยู่โดยสุกี้พระนายกองแม่ทัพพม่า พระองค์ทรงรบชนะกองทัพพม่า เข้ายึดค่ายดังกล่าวไว้ได้ และประกาศอิสรภาพในวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๑๐
ต้องยอมรับว่าหลังจากกู้อิสรภาพได้และตั้งกรุงธนบุรีเป็นเมืองหลวงแล้ว บ้านเมืองก็ยังระส่ำระสาย หัวเมืองต่างๆยังคิดตั้งตนเป็นใหญ่ โดยเฉพาะทางแถบดินแดนเขมร ทำให้พระองค์ต้องส่งแม่ทัพท่านหนึ่งผู้มีความเก่งกล้าสามารถและเป็นเสมือนแม่ทัพคู่พระทัยออกไปปราบปรามหัวเมืองต่างๆ แม่ทัพผู้นั้นก็สามารถรบชนะข้าศึกศัตรู ปราบปรามเขมรจนราบคาบ จนได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากเจ้าพระยาจักรีเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
หลังจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสวรรคต เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้กระทำการปราบดาภิเษก ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ปกครองชาติไทย เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ มีพระนามว่าพระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราช รามาธิบดี ศรีสุนทรบรมมหาจักรพรรดิ ราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราชฯ ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้มีการปรับเปลี่ยนเรียกพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
พระองค์มีพระนามเดิมว่า ทองด้วง เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๘๐ ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เป็นบุตรคนที่ ๔ ของพระอักษรสุนทรศาสตร์ มารดาชื่อหยก เมื่อเจริญวัยขึ้นได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร เมื่อพระชนมายุได้ ๒๕ พรรษาได้เสด็จออกไปรับราชการ ในตำแหน่งหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี ซึ่งอยู่ในสมัยของสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์หรือสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ และได้สมรสกับคุณนาคซึ่งภายหลังได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระอัมรินทราบรมราชินี
หลังจากกู้อิสรภาพคืนมาได้ พระยาตากได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์และย้ายราชธานีมายังกรุงธนบุรี ขณะนั้นนายทองด้วงมีอายุ ๓๒ ปี ได้เข้าถวายตัวรับราชการตามคำชักชวนของพระมหามนตรี (นายบุญมา) ผู้เป็นน้องชาย ได้รับโปรดเกล้าให้เป็นพระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจนอก
ในปีพ.ศ. ๒๓๑๑ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกทัพไปตีเมืองพิมาย โดยพระราชวรินทร์และพระมหามนตรีได้รับพระราชโองการให้ยกทัพไปช่วยด้วยจนมีชัยชนะ ได้รับการเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์
ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินยกทัพขึ้นไปปราบพระเจ้าพระฝาง ได้สำเร็จ พระยาอภัยรณฤทธิ์ซึ่งร่วมทัพไปด้วยจึงได้รับการโปรดเกล้าให้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยาจักรีที่สมุหนายก พร้อมทั้งโปรดให้เป็นแม่ทัพไปตีกรุงกัมพูชา ซึ่งพระองค์สามารถรบเอาชนะเมืองพระตะบอง เมืองโพธิสัตว์ เมืองบริบูรณ์ เมืองพุทไทเพชร(บันทายมาศ) ได้ สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงมีรับสั่งให้พระยาจักรีอยู่ช่วยราชการที่เมืองพุทธไทเพชรจนกว่าเหตุการณ์สงครามจะสงบราบคาบ
เจ้าพระยาจักรีได้เป็นแม่ทัพทำราชการสงครามกับพม่าเขมรและลาวด้วยความเกร่งกล้าสามารถ มีความกล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง จนมีความชอบในราชการมากมาย จึงได้รับการเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ ได้รับพระราชทานเสลี่ยงงากั้นกลดและมีเครื่องทองต่างๆ เป็นเครื่องยศเสมอเจ้าต่างกรม
ในปีพุทธศักราช ๒๓๒๕ ได้เกิดกบฏพระยาสรรค์ที่พยายามจะยึดกรุงธนบุรี สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ยกทัพกลับจากกัมพูชามาปราบกบฏ ได้สำเร็จโทษบรรดาเหล่ากบฏทั้งหลาย และเป็นช่วงเวลาที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้เสด็จสวรรคต
สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกจึงได้ปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีขณะที่มีพระชนมายุได้ ๔๖ พรรษา โปรดเกล้าให้ย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมาอยู่ฝั่งตรงข้ามคือฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นชัยภูมิที่ดีกว่า โปรดเกล้าให้สร้างพระราชวังหลวง รวมทั้งอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่พระองค์ทรงนำกลับคืนมาจากลาวมาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จัดให้มีการฉลองสมโภชพระนครเป็นเวลา ๓ วัน และพระราชทานนามพระนครแห่งใหม่ว่า กรุงเทพมหานครบวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถานอมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ ได้เปลี่ยนจาก บวรเป็น อมรรัตนโกสินทร์ หรือที่เรียกย่อกันว่ากรุงเทพฯตั้งแต่นั้นมา
พระองค์ทรงสร้างเกียรติประวัติในการศึกสงครามไว้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ในสงคราม ๙ ทัพ ซึ่งเป็นสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดกับพม่าในยุครัตนโกสินทร์ โดยพระเจ้าปดุงแห่งราชวงศ์อลองพญาได้ยกทัพมีกำลังพลถึง ๑๔๔,๐๐๐ คน แบ่งเป็น ๙ ทัพใหญ่ เพื่อจะเข้าโจมตีกรุงรัตนโกสินทร์ ในขณะที่กองกำลังของฝ่ายไทยมีเพียง ๗๐,๐๐๐ คนเศษเท่านั้น แต่ด้วยพระปรีชาสามารถในการศึกร่วมกับสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทพระอนุชาที่ได้ร่วมรบด้วยกัน ทำให้กองทัพพม่าต้องพ่ายแพ้ทั้งหมด และหลังจากนั้นยังเกิดสงครามอีกอย่างน้อย ๖ ครั้ง แต่กองทัพของพระองค์ก็เอาชนะได้โดยตลอดมา
จะเห็นได้ว่าการจะขึ้นมาปกครองประเทศได้นั้น ผู้นำจะต้องเข้มแข็ง มีความสามารถเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการรบเพื่อป้องกันข้าศึกศัตรูที่มารุกราน รวมทั้งการปกครองบ้านเมืองให้ไพร่ฟ้าประชาชนได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ตลอดจนสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับบ้านเมือง ซึ่งความสามารถทั้งหมดดังกล่าวต้องเกิดขึ้นจากการฝึกฝนและสะสมเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควร จึงจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ ได้อย่างดียิ่ง
ชาติไทยของเราในปัจจุบันนี้ อยู่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผู้นำของประเทศที่เรียกว่านายกรัฐมนตรีมาจากการได้รับความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน และถ้าหากผู้ที่ถูกเรียกกันว่าเป็นผู้แทนนั้นเป็นคนดี ประพฤติชอบ ปฏิบัติชอบ ก็อาจจะเชื่อได้ว่าจะทำหน้าที่แทนประชาชนในการเลือกนายกรัฐมนตรี ที่เป็นคนดี ประพฤติชอบ ปฏิบัติชอบ ไม่มีความบกพร่องทางจริยธรรม เพื่อมาทำหน้าที่ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติได้จริง
แต่ในการเลือกนายกครั้งหลังสุดนี้ เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าการได้มาของนายกฯนั้น ถึงแม้ว่าจะได้รับเสียงส่วนใหญ่ แต่หากไปดูในรายละเอียดก็จะเกิดคำถามว่า เสียงส่วนใหญ่ที่มาจากพรรคการเมือง ได้เห็นชอบในคุณงามความดี ประพฤติชอบ ปฏิบัติชอบ และความรู้ความสามารถตลอดจนประสบการณ์ในการบริหารบ้านเมืองมาบ้างของผู้ที่จะมาเป็นนายกฯจริงหรือเปล่า
การได้นายกฯ ที่สืบเชื้อสายมาจากอดีตนายกฯที่เคยตกเป็นผู้ต้องหาและศาลได้ตัดสินขั้นเด็ดขาดว่าเป็นผู้กระทำผิดโดยการทุจริตประพฤติมิชอบ และถูกตัดสินให้ลงโทษจำคุกมาแล้ว รวมทั้งเป็นเชื้อสายของอดีตนายกฯหญิงที่มีคดีติดตัวเช่นกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นผู้มีอำนาจและอิทธิพลอย่างมาก ซึ่งน่าจะมาจากความร่ำรวยอย่างมหาศาล การที่ประเทศมีนายกฯคนใหม่ที่ไม่เคยมีประวัติหรือประสบการณ์ในการบริหารบ้านเมืองมาแต่อย่างใด ทำให้เชื่อได้ว่าเมื่อเข้ามาบริหารบ้านเมือง น่าจะถูกครอบงำโดยอดีตผู้นำที่มีอำนาจนั่นเอง
รวมทั้งจากปัญหาด้านจริยธรรมที่อาจจะส่งผลกระทบต่อตำแหน่ง ทำให้รัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีช่วยชุดใหม่บางคนก็มาจากการสืบเชื้อสายเช่นกัน โดยไม่เคยมีหรือปรากฏผลงานของการบริหารบ้านเมืองมาก่อน
ต้องถือเป็นเคราะห์กรรมของประเทศที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ โดยที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่สามารถจะทำอะไรได้ หรือว่าอาจจะทำได้แต่ไม่อยากจะลุกขึ้นมาทำ ก็ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งจะมีคนดีขึ้นมากอบกู้บ้านเมือง รวมทั้งต้องวอนขออำนาจบารมีจากพระสยามเทวาธิราช จงโปรดดลบันดาลให้ประเทศไทยได้อยู่รอด และมีคนดีที่จะมาเป็นผู้นำประเทศคนใหม่เถิด
ปิยะ เนตรวิเชียร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี