วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เป็นความจำเป็นของชาติ

ดูทั้งหมด

  •  

การอยู่ร่วมกันของหมู่คนจำนวนมากซึ่งในที่สุดก็เรียกว่าชาตินั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกฎระเบียบ ซึ่งเปรียบเสมือนกติกาของสังคม ในการที่จะทำให้ทุกคน อยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข ผู้ที่ไม่ก่อปัญหาอะไรให้เกิดขึ้น ก็จะไม่ถูกบังคับใช้กฎระเบียบ ซึ่งต้องมีบทลงโทษ แต่หากผู้ใดที่ก่อปัญหา และทำให้สังคมกระทบกระเทือนเกิดความเดือดร้อนเสียหาย ก็จะต้องถูกลงโทษตามกฎระเบียบที่บัญญัติไว้ที่เรียกว่ากฎหมาย

กฎหมายของไทยมีมาตั้งแต่เริ่มอาณาจักรอยุธยาในสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่๑ พระเจ้าอู่ทอง โดยกฎหมายลงโทษนั้นอยู่ในกฎหมายลักษณะอาญาหลวง พ.ศ.๑๘๙๕ ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้มีกฎหมายลักษณะอาญาขบถศึกเพื่อปกป้องและคุ้มครองพระมหากษัตริย์ ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ปรับปรุงกฎหมายเก่าและเกิดเป็นกฎหมาย ที่เรียกว่า “ตราสามดวง” จะเห็นได้ว่ากฎหมายเดิมที่เกี่ยวกับคดีอาญานั้นได้ถูกใช้มาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า ๕๐๐ ปี โดยถูกยกเลิกไปเพื่อออกเป็นกฎหมายใหม่ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์


จุดมุ่งหมายและเนื้อหาของกฎหมายอาญาในอดีต จะเน้นความเด็ดขาดรุนแรง เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างสำหรับผู้ที่คิดร้ายต่อแผ่นดินหรือองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งบางครั้งก็เป็นขุนนางหรือข้าราชการที่อยู่ใกล้ชิด เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นจะมีไพร่พลในสังกัดและอาจจะมีอำนาจต่อรองได้ บทลงโทษจึงต้องเป็นอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ที่ถือว่าเป็นการป้องปรามผู้ที่คิดเหิมเกริมต่อราชบัลลังก์

กฎหมายตราสามดวงเกี่ยวกับคดีอาญาถูกกำหนดไว้เป็น ๒ ส่วน ส่วนแรกคือ โทษ ๘ สถาน และอีกส่วนหนึ่งคือโทษกบฏศึก ๓๒ ประการ

โทษ ๘ สถานที่มีอยู่ในกฎหมายพระอัยการอาญาหลวงนั้น มีไว้สำหรับผู้ที่ละเมิดต่อพระราชโองการหรือพระราชบัญญัติของพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการกำหนดไว้ ๑๐ มาตรา เป็นการระบุความผิดจากการกระทำที่ไม่สมควรต่อองค์พระเจ้าแผ่นดิน และล่วงละเมิดพระราชอาญา เช่น หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำตัวเทียมเจ้า การทุจริต ประพฤติมิชอบ

โทษที่ระบุไว้นั้นมีตั้งแต่ต่ำสุดคือการภาคทัณฑ์ จนกระทั่งสูงสุดคือโทษประหาร โดยมีรายละเอียดการลงโทษดังนี้

สถานหนึ่งให้ข้า(ฆ่า)ผู้ร้ายนั้นเสีย

สถานหนึ่งให้ตัดตีนตัดมือแล้วประจาน

สถานหนึ่งให้ทวน(เฆี่ยน)ด้วยลวดหนังไม้หวาย ๕๐ ที

สถานหนึ่งให้จำไว้แล้วเอาตัวลง(เกี่ยว)หญ้าช้าง

สถานหนึ่งให้ไหมจัตุระคูน(ปรับ ๔ เท่า) แล้วเอาตัวลงเป็นไพร่

สถานหนึ่งให้ไหมตรีคูน

สถานหนึ่งให้ไหมทวิคูน

สถานหนึ่งให้ไหมลาหนึ่ง

การระบุความหนักเบาของโทษย่อมขึ้นอยู่กับความผิดที่ได้กระทำไป โดยกฎหมายกำหนดให้ใช้วิธีสถานใดสถานหนึ่งเท่านั้น

กฎหมายตราสามดวงนี้ ได้มองลึกเข้าไปในสันดานของผู้กระทำผิด โดยกำหนดกฎเกณฑ์การลดหย่อนไว้ว่า ถ้าเป็นทหารเลว ทหารฝึกหัดแล้วก็ทำผิดครั้งแรกให้ภาคทัณฑ์ไว้ก่อนได้ เพราะถือว่ายังไม่รู้ระเบียบราชการดีพอ ซึ่งส่วนใหญ่ ทหารใหม่คือชาวไร่ชาวนาที่ถูกเกณฑ์มา ส่วนทหารที่ยศสูงขึ้นถือว่าได้รู้กฎระเบียบแล้วแต่ยังทำผิดอีก ก็จะมีการละเว้นโทษที่ต่างกัน ซึ่งยังแสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมในกฎหมายที่ให้โอกาสผู้น้อยที่กระทำผิดไป ให้ได้รับการตักเตือนก่อน แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่รู้ระเบียบแล้ว อันนี้จะไม่ยอมให้ภาคทัณฑ์

ส่วนโทษกบฏศึก ๓๒ ประการ ได้กำหนดไว้สำหรับผู้ที่ทำรัฐประหาร รวมถึงผู้ที่ก่อความไม่สงบเรียบร้อยในแผ่นดินด้วย ในกฎหมายตราสามดวง เรียกกฎหมายนี้ว่าพระไอยการกระบดศึก  โดยรวมเอาโทษกับผู้ที่คิดร้ายต่อพระเจ้าแผ่นดิน ปล้นเผาพระนคร ฆ่าพระ เผาโบสถ์วิหาร ปล้นฆ่าทารุณเด็ก เป็นความผิดที่สร้างความไม่สงบในแผ่นดินทั้งสิ้น ระบุโทษไว้ ๒๑ ประการ

เมื่อเอาโทษ ๒๑ ประการนี้ไปเทียบกับโทษ ๘ สถาน จะบอกได้ว่าโทษ ๒๑ ประการนั้นเป็นการลงโทษซึ่งเป็นภาพของความโหดร้ายอย่างชัดเจน เช่น

ให้ต่อยกระบานศีศะเลิกออกเสีย แล้วเอาครีมคีบก้อนเหลกแดงใหญ่ใส่ลง ให้มันสะหมองศีศะพุ่งฟูขึ้น ดังม่อเคี่ยวน้ำส้มพะอูม

ให้ตัดแต่หนังชำระเบื้องหน้า ถึงไพรปากเบื้องบนทั้งสองข้างเปนกำหนด ถึงหมากหูทั้งสองข้างเปนกำหนด ถึงเกลียวคอชายผมเบื้องหลังเปนกำหนด แล้วเทมุ่นกระหมวดผมเข้าทั้งสิ้น เอาท่อนไม้สอดเข้าข้างละคนโยกถอน คลอนสัน เพิกหนังทั้งผมนั้นออกเสีย แล้วเอากรวดทรายหยาบขัดกระบานศีศะชำระให้ขาว เหมือนพรรณศรีสังข์

ให้เอาขอเกี่ยวปากให้อ้าไว้ แล้วตามประทีปไว้ในปาก ไนยหนึ่งเอาปากสิวอันคมนั้นแสะแหวผ่าปาก จนหมวกหูทั้งสองข้าง แล้วเอาขอเกี่ยว ให้อ้าปากไว้ให้โลหิตไหลออกเตมปาก

ซึ่งเป็นโทษที่รุนแรงเป็นอย่างมาก ส่วนโทษสถานเบาในกรณีกบฏนี้ก็มี อาทิ

ให้ตีด้วยไม้ตะบองสั้น หรือไม้ตะบองยาว

ให้ทวนด้วยไม้หวายทังหนาม

จะเห็นว่าเมื่อเปรียบเทียบการกับการสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์หรือการตัดหัว โทษ ๒๑ สถานนี้เป็นความโหดร้ายที่เทียบกันไม่ได้เลย

และยังมีลักษณะโทษอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า ทวะดึงษกรรม ๓๒ ประการ เป็นโทษสำหรับผู้กระทำผิดพระราชอาญา เป็นโจร ลักทรัพย์ ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน โดยมีการลงโทษ อาทิ

ให้ทวนด้วยหวาย

ให้ตัดนิ้วมือ

โทษสูงสุดคือตัดศีรษะ

หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเมื่อปี ๒๔๗๕ ก็ได้มีการปรับปรุงกฎหมายจำนวนมาก ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายอาญา แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับการคุ้มครองพระมหากษัตริย์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๑๒ ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวังโทษจำคุก ไม่เกิน ๗ ปี หรือปรับไม่เกิน ๑๔,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

จะเห็นได้ว่าหากนำกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ไปเปรียบเทียบกับกฎหมายอาญาในอดีตที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพระมหากษัตริย์และสถาบันนั้น จะแตกต่างกันอย่างมากมายในความรุนแรงของบทลงโทษ

การที่พรรคการเมือง นักการเมืองหรือคนบางกลุ่มพยายามเรียกร้องที่จะแก้ไข กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ โดยอ้างถึงสิทธิและเสรีภาพของผู้ที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยว่าต้องเท่าเทียมกัน โดยไม่ให้ความสำคัญกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ยังเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติวิสัย

บทลงโทษต่างๆ ที่เขียนไว้ในกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ จะมิได้ถูกนำมาใช้เลย หากไม่มีใครผู้ใดได้กระทำผิดที่โยงไปถึงมาตราดังกล่าว ซึ่งคดีความที่เกิดขึ้นขณะนี้บอกได้เลยว่าเป็นความตั้งใจที่จะกระทำผิด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะบ้านเมืองใดก็ตาม ก็ต้องมีกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองพระมหากษัตริย์หรือผู้นำสูงสุดของประเทศ

ขณะนี้ นอกจากความพยายามของพรรคการเมืองบางพรรค ในการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมุ่งเน้นที่จะยกเลิกมาตรา ๑๑๒ หรือปรับเปลี่ยนเนื้อหาของมาตรา ๑๑๒  ก็ยังมีความพยายามที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแก่ผู้ที่กระทำผิดในคดีที่เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง โดยอ้างว่าเพื่อสร้างความสมัครสมานสามัคคีของสังคมไทย ซึ่งรวมคดีของผู้ที่ทำผิดตามมาตรา ๑๑๒ ซึ่งเป็นการกระทำผิดโดยจงใจและเจตนาด้วย

หากสภาฯ ได้ลงมติผ่านความเห็นชอบในเรื่องดังกล่าว โดยนิรโทษกรรมให้ผู้กระทำผิดในมาตรา ๑๑๒ ด้วย คงเป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่อาจจะยอมรับได้ อันอาจจะนำมาซึ่งความไม่สงบของบ้านเมือง รัฐบาลจึงต้องตระหนักในเรื่องนี้ให้มาก โดยยึดเอาประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ และต้องเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดไป

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
07:12 น. เห็นจุดดำลอยวูบวาบ!! ระวัง ‘โรควุ้นตาเสื่อม’ ภัยเงียบของคนวัย 50+ เสี่ยงจอตาฉีกขาดหลุดลอก
07:00 น. เด็ก 2 ขวบปีแรก ห่างไกลไวรัส RSV ด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป
06:49 น. ‘เพื่อไทย’สยบรอยร้าว‘ภูมิใจไทย’ โว รบ.อย่ครบเทอม
06:37 น. อย่าลืมร่ม! กรมอุตุฯพยากรณ์ทั่วไทยฝนตกหนัก งกทม.’70% ระวัง‘น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าหลาก’
06:15 น. กบร.บี้สายการบิน ล่าช้า-ยกเลิกต้องชดเชยผู้โดยสาร
ดูทั้งหมด
ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติ'แพทยสภา'
'ภูมิใจไทย' แตกหัก 'เพื่อไทย' คดีฮั้ว สว.เป็นเหตุ ส่อคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 - ยุบสภา
หยามเกียรติธงชาติไทย! ทนายแจ้งเอาผิด โพสต์เฟสบุ๊คดูหมิ่น'ธงคือผ้าเช็ดเท้า'
'สมชาย'เคลียร์ชัดๆ ไขกระจ่าง'วิษณุ'ไปศาลอาญาทำไม?
(คลิป) หลอกหลอน 'โฆษกพรรคเพื่อไทย' ไปตลอดชีวิต
ดูทั้งหมด
กางเกงยีนส์ลีวายในกองทอง
ศึกป่วยทิพย์ใกล้จบ
เรือของคนโง่
หวงแหนปราสาท ‘ตาเมือนธม” รักชาติ สมเหตุสมผล
‘พรรคส้ม’ไปไม่ถึงดวงดาว
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ฮามาสปล่อยตัวประกัน‘สหรัฐฯ’คนสุดท้ายแล้ว แต่อิสราเอลยังเดินหน้าถล่มกาซาต่อไป

‘สหรัฐฯ-จีน’ลดภาษี115%พักรบ90วันดีต่อศก.โลก ห่วงเสถียรภาพการเมืองทำไทยเสียเปรียบเจรจา

‘อิศรา’แพร่บทความ การสรรหา‘เลขาฯพระปกเกล้า’ ระวังซ้ำรอย‘คดีฮั้ว สว.’

‘ตาลีบัน’สั่งแบน‘หมากรุก’ในอัฟกานิสถาน อ้างผิดหลักศาสนา

(คลิป) แนวหน้าTAlk : 'ปิยะ' ชำแหละ! 'กาสิโน' แบบหมดเปลือก!!

(คลิป) เมื่อ 'นพดล ปัทมะ' ช่วยทักษิณ อ.ปูถาม 'ทำไมกระจอกอย่างนี้'

  • Breaking News
  • เห็นจุดดำลอยวูบวาบ!! ระวัง ‘โรควุ้นตาเสื่อม’ ภัยเงียบของคนวัย 50+ เสี่ยงจอตาฉีกขาดหลุดลอก เห็นจุดดำลอยวูบวาบ!! ระวัง ‘โรควุ้นตาเสื่อม’ ภัยเงียบของคนวัย 50+ เสี่ยงจอตาฉีกขาดหลุดลอก
  • เด็ก 2 ขวบปีแรก ห่างไกลไวรัส RSV ด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป เด็ก 2 ขวบปีแรก ห่างไกลไวรัส RSV ด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป
  • ‘เพื่อไทย’สยบรอยร้าว‘ภูมิใจไทย’ โว รบ.อย่ครบเทอม ‘เพื่อไทย’สยบรอยร้าว‘ภูมิใจไทย’ โว รบ.อย่ครบเทอม
  • อย่าลืมร่ม! กรมอุตุฯพยากรณ์ทั่วไทยฝนตกหนัก งกทม.’70% ระวัง‘น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าหลาก’ อย่าลืมร่ม! กรมอุตุฯพยากรณ์ทั่วไทยฝนตกหนัก งกทม.’70% ระวัง‘น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าหลาก’
  • กบร.บี้สายการบิน ล่าช้า-ยกเลิกต้องชดเชยผู้โดยสาร กบร.บี้สายการบิน ล่าช้า-ยกเลิกต้องชดเชยผู้โดยสาร
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

12 พ.ค. 2568

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

5 พ.ค. 2568

รัฐบาลที่รุกรบไม่เป็น ก็ยอมแพ้เถอะ

รัฐบาลที่รุกรบไม่เป็น ก็ยอมแพ้เถอะ

28 เม.ย. 2568

ไทย ต้องไม่ทำตัวเป็นประเทศราช

ไทย ต้องไม่ทำตัวเป็นประเทศราช

21 เม.ย. 2568

ของขวัญปีใหม่ไทย ต้องไม่ใช่บ่อนกาสิโน

ของขวัญปีใหม่ไทย ต้องไม่ใช่บ่อนกาสิโน

13 เม.ย. 2568

แผ่นดินไหว ลางร้ายของรัฐบาลหรือ

แผ่นดินไหว ลางร้ายของรัฐบาลหรือ

7 เม.ย. 2568

รัฐบาลที่ดี ต้องสร้างความไว้วางใจให้ประชาชน

รัฐบาลที่ดี ต้องสร้างความไว้วางใจให้ประชาชน

31 มี.ค. 2568

คนไหนสร้างหนี้ คนนั้นก็ต้องใช้หนี้

คนไหนสร้างหนี้ คนนั้นก็ต้องใช้หนี้

24 มี.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved