วันจันทร์ ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เป็นความจำเป็นของชาติ

ดูทั้งหมด

  •  

การอยู่ร่วมกันของหมู่คนจำนวนมากซึ่งในที่สุดก็เรียกว่าชาตินั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกฎระเบียบ ซึ่งเปรียบเสมือนกติกาของสังคม ในการที่จะทำให้ทุกคน อยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข ผู้ที่ไม่ก่อปัญหาอะไรให้เกิดขึ้น ก็จะไม่ถูกบังคับใช้กฎระเบียบ ซึ่งต้องมีบทลงโทษ แต่หากผู้ใดที่ก่อปัญหา และทำให้สังคมกระทบกระเทือนเกิดความเดือดร้อนเสียหาย ก็จะต้องถูกลงโทษตามกฎระเบียบที่บัญญัติไว้ที่เรียกว่ากฎหมาย

กฎหมายของไทยมีมาตั้งแต่เริ่มอาณาจักรอยุธยาในสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่๑ พระเจ้าอู่ทอง โดยกฎหมายลงโทษนั้นอยู่ในกฎหมายลักษณะอาญาหลวง พ.ศ.๑๘๙๕ ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้มีกฎหมายลักษณะอาญาขบถศึกเพื่อปกป้องและคุ้มครองพระมหากษัตริย์ ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ปรับปรุงกฎหมายเก่าและเกิดเป็นกฎหมาย ที่เรียกว่า “ตราสามดวง” จะเห็นได้ว่ากฎหมายเดิมที่เกี่ยวกับคดีอาญานั้นได้ถูกใช้มาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า ๕๐๐ ปี โดยถูกยกเลิกไปเพื่อออกเป็นกฎหมายใหม่ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์


จุดมุ่งหมายและเนื้อหาของกฎหมายอาญาในอดีต จะเน้นความเด็ดขาดรุนแรง เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างสำหรับผู้ที่คิดร้ายต่อแผ่นดินหรือองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งบางครั้งก็เป็นขุนนางหรือข้าราชการที่อยู่ใกล้ชิด เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นจะมีไพร่พลในสังกัดและอาจจะมีอำนาจต่อรองได้ บทลงโทษจึงต้องเป็นอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ที่ถือว่าเป็นการป้องปรามผู้ที่คิดเหิมเกริมต่อราชบัลลังก์

กฎหมายตราสามดวงเกี่ยวกับคดีอาญาถูกกำหนดไว้เป็น ๒ ส่วน ส่วนแรกคือ โทษ ๘ สถาน และอีกส่วนหนึ่งคือโทษกบฏศึก ๓๒ ประการ

โทษ ๘ สถานที่มีอยู่ในกฎหมายพระอัยการอาญาหลวงนั้น มีไว้สำหรับผู้ที่ละเมิดต่อพระราชโองการหรือพระราชบัญญัติของพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการกำหนดไว้ ๑๐ มาตรา เป็นการระบุความผิดจากการกระทำที่ไม่สมควรต่อองค์พระเจ้าแผ่นดิน และล่วงละเมิดพระราชอาญา เช่น หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำตัวเทียมเจ้า การทุจริต ประพฤติมิชอบ

โทษที่ระบุไว้นั้นมีตั้งแต่ต่ำสุดคือการภาคทัณฑ์ จนกระทั่งสูงสุดคือโทษประหาร โดยมีรายละเอียดการลงโทษดังนี้

สถานหนึ่งให้ข้า(ฆ่า)ผู้ร้ายนั้นเสีย

สถานหนึ่งให้ตัดตีนตัดมือแล้วประจาน

สถานหนึ่งให้ทวน(เฆี่ยน)ด้วยลวดหนังไม้หวาย ๕๐ ที

สถานหนึ่งให้จำไว้แล้วเอาตัวลง(เกี่ยว)หญ้าช้าง

สถานหนึ่งให้ไหมจัตุระคูน(ปรับ ๔ เท่า) แล้วเอาตัวลงเป็นไพร่

สถานหนึ่งให้ไหมตรีคูน

สถานหนึ่งให้ไหมทวิคูน

สถานหนึ่งให้ไหมลาหนึ่ง

การระบุความหนักเบาของโทษย่อมขึ้นอยู่กับความผิดที่ได้กระทำไป โดยกฎหมายกำหนดให้ใช้วิธีสถานใดสถานหนึ่งเท่านั้น

กฎหมายตราสามดวงนี้ ได้มองลึกเข้าไปในสันดานของผู้กระทำผิด โดยกำหนดกฎเกณฑ์การลดหย่อนไว้ว่า ถ้าเป็นทหารเลว ทหารฝึกหัดแล้วก็ทำผิดครั้งแรกให้ภาคทัณฑ์ไว้ก่อนได้ เพราะถือว่ายังไม่รู้ระเบียบราชการดีพอ ซึ่งส่วนใหญ่ ทหารใหม่คือชาวไร่ชาวนาที่ถูกเกณฑ์มา ส่วนทหารที่ยศสูงขึ้นถือว่าได้รู้กฎระเบียบแล้วแต่ยังทำผิดอีก ก็จะมีการละเว้นโทษที่ต่างกัน ซึ่งยังแสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมในกฎหมายที่ให้โอกาสผู้น้อยที่กระทำผิดไป ให้ได้รับการตักเตือนก่อน แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่รู้ระเบียบแล้ว อันนี้จะไม่ยอมให้ภาคทัณฑ์

ส่วนโทษกบฏศึก ๓๒ ประการ ได้กำหนดไว้สำหรับผู้ที่ทำรัฐประหาร รวมถึงผู้ที่ก่อความไม่สงบเรียบร้อยในแผ่นดินด้วย ในกฎหมายตราสามดวง เรียกกฎหมายนี้ว่าพระไอยการกระบดศึก  โดยรวมเอาโทษกับผู้ที่คิดร้ายต่อพระเจ้าแผ่นดิน ปล้นเผาพระนคร ฆ่าพระ เผาโบสถ์วิหาร ปล้นฆ่าทารุณเด็ก เป็นความผิดที่สร้างความไม่สงบในแผ่นดินทั้งสิ้น ระบุโทษไว้ ๒๑ ประการ

เมื่อเอาโทษ ๒๑ ประการนี้ไปเทียบกับโทษ ๘ สถาน จะบอกได้ว่าโทษ ๒๑ ประการนั้นเป็นการลงโทษซึ่งเป็นภาพของความโหดร้ายอย่างชัดเจน เช่น

ให้ต่อยกระบานศีศะเลิกออกเสีย แล้วเอาครีมคีบก้อนเหลกแดงใหญ่ใส่ลง ให้มันสะหมองศีศะพุ่งฟูขึ้น ดังม่อเคี่ยวน้ำส้มพะอูม

ให้ตัดแต่หนังชำระเบื้องหน้า ถึงไพรปากเบื้องบนทั้งสองข้างเปนกำหนด ถึงหมากหูทั้งสองข้างเปนกำหนด ถึงเกลียวคอชายผมเบื้องหลังเปนกำหนด แล้วเทมุ่นกระหมวดผมเข้าทั้งสิ้น เอาท่อนไม้สอดเข้าข้างละคนโยกถอน คลอนสัน เพิกหนังทั้งผมนั้นออกเสีย แล้วเอากรวดทรายหยาบขัดกระบานศีศะชำระให้ขาว เหมือนพรรณศรีสังข์

ให้เอาขอเกี่ยวปากให้อ้าไว้ แล้วตามประทีปไว้ในปาก ไนยหนึ่งเอาปากสิวอันคมนั้นแสะแหวผ่าปาก จนหมวกหูทั้งสองข้าง แล้วเอาขอเกี่ยว ให้อ้าปากไว้ให้โลหิตไหลออกเตมปาก

ซึ่งเป็นโทษที่รุนแรงเป็นอย่างมาก ส่วนโทษสถานเบาในกรณีกบฏนี้ก็มี อาทิ

ให้ตีด้วยไม้ตะบองสั้น หรือไม้ตะบองยาว

ให้ทวนด้วยไม้หวายทังหนาม

จะเห็นว่าเมื่อเปรียบเทียบการกับการสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์หรือการตัดหัว โทษ ๒๑ สถานนี้เป็นความโหดร้ายที่เทียบกันไม่ได้เลย

และยังมีลักษณะโทษอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า ทวะดึงษกรรม ๓๒ ประการ เป็นโทษสำหรับผู้กระทำผิดพระราชอาญา เป็นโจร ลักทรัพย์ ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน โดยมีการลงโทษ อาทิ

ให้ทวนด้วยหวาย

ให้ตัดนิ้วมือ

โทษสูงสุดคือตัดศีรษะ

หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเมื่อปี ๒๔๗๕ ก็ได้มีการปรับปรุงกฎหมายจำนวนมาก ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายอาญา แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับการคุ้มครองพระมหากษัตริย์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๑๒ ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวังโทษจำคุก ไม่เกิน ๗ ปี หรือปรับไม่เกิน ๑๔,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

จะเห็นได้ว่าหากนำกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ไปเปรียบเทียบกับกฎหมายอาญาในอดีตที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพระมหากษัตริย์และสถาบันนั้น จะแตกต่างกันอย่างมากมายในความรุนแรงของบทลงโทษ

การที่พรรคการเมือง นักการเมืองหรือคนบางกลุ่มพยายามเรียกร้องที่จะแก้ไข กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ โดยอ้างถึงสิทธิและเสรีภาพของผู้ที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยว่าต้องเท่าเทียมกัน โดยไม่ให้ความสำคัญกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ยังเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติวิสัย

บทลงโทษต่างๆ ที่เขียนไว้ในกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ จะมิได้ถูกนำมาใช้เลย หากไม่มีใครผู้ใดได้กระทำผิดที่โยงไปถึงมาตราดังกล่าว ซึ่งคดีความที่เกิดขึ้นขณะนี้บอกได้เลยว่าเป็นความตั้งใจที่จะกระทำผิด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะบ้านเมืองใดก็ตาม ก็ต้องมีกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองพระมหากษัตริย์หรือผู้นำสูงสุดของประเทศ

ขณะนี้ นอกจากความพยายามของพรรคการเมืองบางพรรค ในการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมุ่งเน้นที่จะยกเลิกมาตรา ๑๑๒ หรือปรับเปลี่ยนเนื้อหาของมาตรา ๑๑๒  ก็ยังมีความพยายามที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแก่ผู้ที่กระทำผิดในคดีที่เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง โดยอ้างว่าเพื่อสร้างความสมัครสมานสามัคคีของสังคมไทย ซึ่งรวมคดีของผู้ที่ทำผิดตามมาตรา ๑๑๒ ซึ่งเป็นการกระทำผิดโดยจงใจและเจตนาด้วย

หากสภาฯ ได้ลงมติผ่านความเห็นชอบในเรื่องดังกล่าว โดยนิรโทษกรรมให้ผู้กระทำผิดในมาตรา ๑๑๒ ด้วย คงเป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่อาจจะยอมรับได้ อันอาจจะนำมาซึ่งความไม่สงบของบ้านเมือง รัฐบาลจึงต้องตระหนักในเรื่องนี้ให้มาก โดยยึดเอาประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ และต้องเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดไป

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
13:57 น. วันเสาร์ไม่มีเหงา!รวมหนังผีไทยสุดปัง4เรื่อง4อารมณ์ที่ทรูโฟร์ยูช่อง 24
13:52 น. เปิดปมปริศนา 'เจ้าคุณอาชว์' อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพฯลาสิกขาด่วนก่อนหลบเข้าลาว
13:50 น. นายกฯ สรุปผลสืบสวน 3 เดือนตึก สตง.ถล่ม เผยออกแบบ-ก่อสร้างผิดกฎหมาย
13:50 น. 'Rocket Fitness'(ร็อคเก็ต ฟิตเนส) จับมือ 'Mister International Thailand 2025'
13:45 น. 'ต่อ ธนภพ'เปิดใจครั้งแรกถึงวินาทีที่ต้องเริ่มต้นใหม่ ผมเหมือนคนอกหัก!
ดูทั้งหมด
นักวิชาการลงชื่อ‘ถวายฎีกา’ ขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยแก้ไขปัญหาวิกฤติชาติบ้านเมือง
วอน'ญี่ปุ่น'ช่วยหย่าศึก! 'ฮุน เซน'ขอร้องให้ช่วยพูดกับไทย จี้ให้ศาลโลกช่วยตัดสินปมพื้นที่พิพาท
‘มาครง’เผยคุย‘แพทองธาร’แล้ว ลั่นคนไทยไว้วางใจมิตรภาพจาก‘ฝรั่งเศส’ได้เสมอ
สจ.ปทุมฯลวง'สจ.สาว' อ้างพาส่งที่พัก เลี้ยวเข้าโรงแรม หวังย่ำยี
‘อ.ไชยันต์’บอกใบ้! อะไรทำสัมพันธ์‘ทักษิณ-ฮุนเซน’ต้องหักสะบั้น
ดูทั้งหมด
บุคคลแนวหน้า : 29 มิถุนายน 2568
ในภาวะที่ข่าวสารมีบทบาทในสังคมมาก ต้องใช้ปัญญานำ สร้างสังคม
เดชขอมเฒ่า (2)
ชูวิทย์ กลับมาเพื่อใคร? ฮุนเซน(และทักษิณ) ต้องการอะไร ที่ประเทศไทยให้ไม่ได้?
คิลลิ่งโซนแพทองธาร
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

นายกฯ สรุปผลสืบสวน 3 เดือนตึก สตง.ถล่ม เผยออกแบบ-ก่อสร้างผิดกฎหมาย

แซ่บไม่สร่าง! 'กบ ปภัสรา'อวดหุ่นเป๊ะในชุดว่ายน้ำในวัย 55 กะรัต

ด่วน! ไฟไหม้โรงงานกระดาษทิชชู 'สระบุรี' มีคนติดในอาคารเพียบ

'นิพิฏฐ์'ชี้รัฐล้มเหลวดูได้จากราคามังคุด ซัดถ้าปชช.ต้องพึ่งตนเอง แล้วจะมีรัฐบาลไว้ทำไม

'หมู'ไม่พลาด! ตีตั๋วสอยคิวโลก'บริติชโอเพ่น'

800คนร่วมแข่ง! ชิงชัยเจ้าสระ'ธรรมศาสตร์91ปี'

  • Breaking News
  • วันเสาร์ไม่มีเหงา!รวมหนังผีไทยสุดปัง4เรื่อง4อารมณ์ที่ทรูโฟร์ยูช่อง 24 วันเสาร์ไม่มีเหงา!รวมหนังผีไทยสุดปัง4เรื่อง4อารมณ์ที่ทรูโฟร์ยูช่อง 24
  • เปิดปมปริศนา \'เจ้าคุณอาชว์\' อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพฯลาสิกขาด่วนก่อนหลบเข้าลาว เปิดปมปริศนา 'เจ้าคุณอาชว์' อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพฯลาสิกขาด่วนก่อนหลบเข้าลาว
  • นายกฯ สรุปผลสืบสวน 3 เดือนตึก สตง.ถล่ม เผยออกแบบ-ก่อสร้างผิดกฎหมาย นายกฯ สรุปผลสืบสวน 3 เดือนตึก สตง.ถล่ม เผยออกแบบ-ก่อสร้างผิดกฎหมาย
  • \'Rocket Fitness\'(ร็อคเก็ต ฟิตเนส) จับมือ \'Mister International Thailand 2025\' 'Rocket Fitness'(ร็อคเก็ต ฟิตเนส) จับมือ 'Mister International Thailand 2025'
  • \'ต่อ ธนภพ\'เปิดใจครั้งแรกถึงวินาทีที่ต้องเริ่มต้นใหม่ ผมเหมือนคนอกหัก! 'ต่อ ธนภพ'เปิดใจครั้งแรกถึงวินาทีที่ต้องเริ่มต้นใหม่ ผมเหมือนคนอกหัก!
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

อย่าอยู่ต่อไปให้หนักแผ่นดิน

อย่าอยู่ต่อไปให้หนักแผ่นดิน

30 มิ.ย. 2568

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

23 มิ.ย. 2568

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

16 มิ.ย. 2568

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

9 มิ.ย. 2568

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

2 มิ.ย. 2568

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

26 พ.ค. 2568

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

19 พ.ค. 2568

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

12 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved