อัน กวี-ยอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)หญิง พรรคประชาธิปไตยเกาหลีใต้ ได้รับการยกย่องให้เป็นหญิงเหล็กแห่งทศวรรษเมื่อหาญกล้าคว้ากระบอกปืนทหารขณะปฏิบัติหน้าที่ปิดสภาในภาวะกฎอัยการศึก พร้อมทั้งอบรมทหารว่า “ไม่อายตัวเองบ้างหรือที่รับใช้คำสั่งผู้คลั่งอำนาจ”
สส.อัน กวี-ยอง ไปถึงสภาขณะที่ทหารกำลังเผชิญกับประชาชนที่ลุกฮือขึ้นมาประท้วง ประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล ประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉินคืนวันที่ 3 ธันวาคม โดยกล่าวหาว่า พรรคประชาธิปไตย เอนเอียงเข้าข้างเกาหลีเหนือ และมีความเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐ หลังประกาศกฎอัยการศึกเขา สั่งปิดประตูทางเข้ารัฐสภา ไม่ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าสภา เพื่อประชุมฉุกเฉินเพื่อทำการลงมติยกเลิกกฎอัยการศึกดังกล่าว พร้อมสั่งให้รถถังเคลื่อนเข้าสู่ถนนในกรุงโซล ทหารในชุดพร้อมรบเคลื่อนสู่ทำเนียบประธานาธิบดี และเฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่เหนือรัฐสภา ต่อมามีภาพ สส.ฝ่ายค้านปีนข้ามรั้วกั้น จับปลายกระบอกปืนทหาร และช่วยกันดันทหาร
สส.อัน กวี-ยอง กับเพื่อน สส.ฝ่ายค้านและบางส่วนเป็น สส.ฝ่ายรัฐบาลจำนวนมาก มาถึงสภาก็พยายามเข้าห้องประชุม แต่ถูกทหารเอาปืนขวางไว้ ทุกคนรู้ดีว่าทหารปฏิบัติตามกฎอัยการศึกลั่นกระสุนใส่ผู้ขัดขืนได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ สส.อันกวี-ยอง คว้ากระบอกปืนทหารชูขึ้นฟ้าแล้วตะคอกใส่หน้าว่า “ไม่อายตัวเองบ้างหรือ..” พฤติกรรมห้าวหาญของเธอได้รับเสียงปรบมือไชโยโห่ร้องจากประชาชนหลายพันคนที่อออยู่หน้ารัฐสภา ซึ่งเป็นกำลังใจให้ สส.หลายคนผลักดันทหารออกจากสภาและเข้าประชุมลงมติยกเลิกกฎอัยการศึกได้สำเร็จ
ในการสัมภาษณ์บีบีซี สส.อัน กล่าวว่า “เมื่อฉันเห็นทหารติดอาวุธ…ฉันรู้สึกเหมือนได้เป็นพยานรู้เห็นประวัติศาสตร์ที่กำลังถดถอย” อัน กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เธอและเพื่อน สส. ก็หาทางเข้าไปยังห้องประชุมสภาซึ่งมีสมาชิกเข้าร่วมประชุม 190 คน จากจำนวน สส. 300 คน ของสภาลงมติเมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้(4 ธันวาคม) ตามเวลาท้องถิ่นให้ยกเลิกกฎอัยการศึกที่ประธานาธิบดีประกาศใช้ ถือเป็นการคัดค้านเป็นเอกฉันท์ และคัดค้านได้สำเร็จ
อัน กวี-ยอง อดีตผู้ประกาศข่าวสาวผู้ผันตัวเป็น สส.พรรคประชาธิปไตยกลายเป็นหญิงเหล็กขวัญใจชาวเกาหลีใต้ในข้ามคืน
ในเวลาเดียวกัน ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอลผู้กล้าประกาศกฎอัยการศึกในประเทศเกาหลีใต้ในรอบ 45 และ คำประกาศของเขาเป็นหมันไม่ทันข้ามวันยุน กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ในวันพุธที่ 4หลังจากที่เขาประกาศกฎอัยการศึกเป็นเวลาสั้นๆสมาชิกสภาเตรียมยื่นถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง นอกจากนี้ หนึ่งในกลุ่มสหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศประกาศผลงานประท้วงเพื่อเรียกร้องให้ยุนลาออกจากตำแหน่ง
ในคำแถลงก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวออกโทรทัศน์ว่าจะ “กำจัดกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐฯ” และ “ปกป้องความเป็นระเบียบตามรัฐธรรมนูญ” เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการออกคำสั่งให้ใช้กฎอัยการศึกครั้งแรกตั้งแต่เกาหลีใต้ปกครองในระบอบประชาธิปไตย
แม้แต่ภายในพรรคพลังประชาชน (People Power Party) ฝั่งอนุรักษ์นิยมของเขาเอง สมาชิกหลายคนก็ออกมาวิจารณ์ยุนอย่างดุเดือด และร่วมการโหวตคว่ำกฎอัยการศึก
สื่ออนุรักษ์นิยม โชซัน อิลโบ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศกล่าวผ่านบทบรรณาธิการว่า การประกาศกฎอัยการศึก เป็นเรื่อง“น่าขันและไม่เคยมีมาก่อน” และ “แทบไม่มีใคร” เห็นด้วยกับเหตุผลของประธานาธิบดีผู้นี้ ที่ว่าประเทศกำลังเผชิญกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน
บทบรรณาธิการของสื่ออีกฉบับหนึ่ง จูงกัง อิลโบ กล่าวว่า “ข้อถกเถียงเรื่องกฎอัยการศึกนี้ สร้างคำถามต่อความสามารถของประธานาธิบดียุนในการดำรงตำแหน่งอยู่ต่อไป” กองบรรณาธิการของจูงกัง อิลโบ ระบุด้วยว่า “การพูดถึงสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น เรื่องการถอดถอนประธานาธิบดี กลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในเวลานี้”
นอกจากถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ยุน ซอก-ยอล และภริยาอาจถูกดำเนินคดีติดสินบนและคอร์รัปชั่น เหมือนที่เขาเคยสั่งฟ้องอดีตประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ลูกสาวอดีตจอมเผด็จปัก จุงฮี ผู้ปกครองเกาหลีใต้ ด้วยกฎอัยการศึกตั้งแต่ 2505 ถึง 2522 อดีตประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย ถูกศาลตัดสินจำคุก 20 ปี เมื่อปี 2561 ในความผิดคอร์รัปชั่นและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 16 ข้อหา
คาดหมายกันว่า ยุน ซอก-ยอล ซึ่งเป็นอัยการผู้สั่งฟ้องเธอในตอนนั้นกำลังประสบชะตากรรมเดียวกันเธอในวันนี้ ถ้าคิดแบบไทยๆ ก็ว่า เวรกรรมตามทัน ที่เชื่อเรื่องผีสางนางไม้อาจพาลคิดไปไกลว่าวิญญาณปัก จุงฮี ดลใจให้ประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอลผลีผลามประกาศกฎอัยการศึกเพื่อให้เขาพบชะตากรรมเดียวกันกับลูกสาว ปัก จุงฮี
ตั้งแต่ยุน ซอก-ยอล เริ่มดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศในปี 2022 ยุน ซึ่งเคยเป็นอัยการสูงสุดของเกาหลีใต้ เผชิญกับแรงต้านจากฝ่ายค้าน ความนิยมในตัวเขาก็อยู่ในระดับต่ำ ท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชั่นที่โยงใยกับ คิม ออน-ฮี ภริยาของเขา นอกจากนั้นยุนเองก็ถูกระบุว่าปฏิบัติไม่ดีต่อสื่อ
ประธานาธิบดีผู้นี้ตอบโต้สื่อด้วยการกล่าวว่า ผู้เห็นต่างฝักใฝ่และเข้าข้างเกาหลีเหนือ และบอกว่าคนเหล่านั้น “ต่อต้านรัฐ” จนทำให้รัฐบาลไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ
ท่ามกลางความไม่มั่นคงทางการเมือง การดำเนินขั้นตอนถอดถอน ยุนสามารถเริ่มขึ้นได้หาก สส.เพียง 8 รายจากฝั่งอนุรักษ์นิยมผละตัวออกมาจากประธานาธิบดีผู้นี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่ายุนไม่น่าจะสามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจนครบวาระ 5 ปีได้
ศาสตราจารย์ ชอย จองคุน แห่งมหาวิทยาลัยยอนเชในกรุงโซล ที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลก่อน กล่าวว่าการยื่นถอดถอน ยุน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน “ประชาธิปไตยของเกาหลีใต้มั่นคงและไม่สามารถทำให้สั่นคลอนได้” เขากล่าวและเสริมว่า “สาธารณรัฐแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากพลังที่รวมตัวกันของประชาชนที่แข็งขันต่อการมีส่วนร่วมและทราบความเป็นไปของประเทศ พวกเขาพร้อมที่จะยืนหยัดเพื่อรักษาคุณค่าเหล่านั้น”
อย่างไรก็ตามประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล รอดตัวไปได้ ในวันที่ 7 ธันวาคม เมื่อ 200 เสียงของรัฐบาล 192 คว่ำฝ่ายค้าน ก่อนลงมติฝ่ายค้านมั่นใจว่า 8 ในพรรครัฐบาลจะแปรพักตร์มาร่วมฝ่ายค้าน#แต่ก็คาดหมายกันว่า จากนี้ไปการเมืองในเกาหลีใต้จะเกิดความวุ่นวายไร้เสถียรภาพ
ส่วน สส. พรรคส้มในประเทศไทย ที่ชื่นชมสภาเกาหลีใต้ว่า ใช้สภาล้มกฎอัยการศึกได้ ต้องเปิดหู เปิดตาเปิดใจ ศึกษาว่า ประกาศกฎอัยการศึกในเกาหลีใต้ กับประกาศกฎอัยการศึกในประเทศไทยนั้นต่างกันเหมือนหน้ามือกับหลังเท้า
กฎอัยการศึกในเกาหลีใต้ เมื่อคืนวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา นักการเมืองเกือบทั้งสภาและประชาชนจำนวนมากเห็นว่า เป็นเรื่องไร้สาระไม่มีความชอบธรรม ที่อ้างว่า เกาหลีเหนือร่วมมือกับฝ่ายค้านขัดขวางรัฐ ประชาชนจำนวนมากจึงออกมาต่อต้าน ที่สำคัญแม้แต่นักการเมืองหญิงเกาหลีใต้ยังกล้าหาญจับกระบอกปืนปัดกระบอกปืนทหารได้
ประกาศกฎอัยการศึกในประเทศไทย 3 ครั้งที่ผ่านมา ตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 และ 20 เมษายน 2553 ตลอดถึง 22 พฤษภาคม 2557 ทั้งสามครั้งที่ผ่านมา
ประชาชนคนไทย เป็นฝ่ายเรียกร้องให้ประกาศกฎอัยการศึกเป็นเวลานานก่อนทหารประกาศกฎอัยการศึกทั้ง 3 ครั้ง ที่ประกาศกฎอัยการศึก เพราะผู้สนับสนุนรัฐบาล สังหารประชาชนที่ประท้วงขับไล่รัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น
จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่ประกาศกฎอัยการศึกคนไทยไชโยโห่ร้องปรบมือให้ทหาร ประชาชนหลั่งไหลกันนำดอกไม้ น้ำดื่ม อาหารไปมอบให้ทหารที่รักษาการณ์ในภาวะกฎอัยการศึก ส่วนนักการเมืองคอร์รัปชั่นมุดหัวอยู่ในกระดองในที่ปลอดภัยหรือไม่ก็หนีไปต่างประเทศ
นี้คือความแตกต่างประกาศกฎอัยการศึกเกาหลีใต้กับไทย ซึ่งแตกต่างกันทั้งบริบทการเมือง และรัฐบาลตลอดถึงสันดานนักการเมือง ในเกาหลีใต้รัฐบาลถูกกล่าวหาคอร์รัปชั่นแล้วประกาศกฎอัยการศึกหวังรวบอำนาจไว้กลุ่มเดียว ชาวเกาหลีใต้กับนักการเมืองฝ่ายค้านบางส่วนจากฝ่ายรัฐบาลจึงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันต่อต้าน
ในประเทศไทยทุกครั้งที่ประกาศกฎอัยการศึก สาเหตุมาจากรัฐบาลคอร์รัปชั่นประชาชนต่อต้านผู้สนับสนุนรัฐบาลที่อ้างว่า กองกำลังไม่ทราบฝ่ายทำร้ายทหาร สังหารประชาชน จนเกิดความวุ่นวาย สุดท้ายทหารยึดอำนาจแล้วประกาศกฎอัยการศึก
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี