มะรืนนี้วันที่ 12 ธันวาคม “นายกฯไอแพด-แพทองธาร ชินวัตร” จะแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 90 วัน พร้อมผลักดันนโยบาย“เรือธง”ในปี 2568 ภายใต้งาน “ปี 2568 โอกาสไทย-ทำได้จริง" และวันนี้ 10 ธันวาคมครบรอบ 92 ปีวันรัฐธรรมนูญไทย
แต่เมื่อวานวันที่ 9 ธันวาคม เป็นวันที่อุณหภูมิการเมืองเริ่มแผ่ไอร้อน จากการเคลื่อนไหวของ“สนธิ ลิ้มทองกุล” ที่ไปยื่นหนังสือให้รัฐบาลหยุดดำเนินการตาม“MOU 44”..จากการ“เปิด 7 ข้อเท็จจริง 6 ข้อเรียกร้อง” พร้อมทั้งจี้ให้รัฐบาลหยุดดำเนินการภายใน 30 วัน โดยจะรอฟังคำตอบจากรัฐบาลภายใน 15 วัน
สำหรับเรื่องการแถลงผลงานในรอบ 90 วันของรัฐบาลนั้น..คนไทยทั่วไปฟังแล้วยังแปลกใจว่า“อุ๊งอิ๊งค์”นายกรัฐมนตรีคุณหนูฝึกงานผู้นี้ จะเอาผลงานอะไรมาแถลง เพราะรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นรัฐบาล“ทับซ้อน”..นโยบายก็ทับซ้อน..ตัวนายกรัฐมนตรีก็ทับซ้อน ทำอะไรจึงมีปัญหาทับซ้อนไปหมด..แม้แต่ประชุม ครม.สัญจร ก็ยังหอบลูกหอบสามีไปด้วย
และไม่ว่าจะเรื่องรัฐธรรมนูญ หรือเรื่อง“MOU 44”..ถือว่าเป็นงานที่รัฐบาลต้องทำ..เพราะได้ประกาศไว้เป็นนโยบายเรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งสองเรื่องกลับเป็นเรื่องที่รัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อน จึงเดินหน้าต่อไปได้ยากลำบาก
เรื่องรัฐธรรมนูญ ซึ่ง“แพทองธาร ชินวัตร”แถลงต่อสมาชิกรัฐสภาไว้ว่า รัฐบาลจะเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยให้มากขึ้นโดยเร็วที่สุด ซึ่งอย่าว่าแค่ 90 วันของ“รัฐบาลมาดามแพ”เลย..รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ก็เคยประกาศเช่นนี้มาแล้ว..รวมทั้งสองรัฐบาลก็เท่ากับว่าเข้าปีที่สอง แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นั่นก็เพราะ..การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่อ้างด้วยคำสวยหรูของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย..เป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญที่จะเปิดช่องให้นักการเมืองมีโอกาสได้กลับไปโกงกินกันอย่างสะดวกเหมือนเดิม เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน..เป็นฉบับ“ปราบโกงนักการเมืองชั่ว”..จึงต้องการที่จะฉีกทิ้งแล้วยกร่างฉบับใหม่ขึ้นมา
ส่วนเรื่อง“MOU 44”ก็เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนที่“รัฐบาลคุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”แถลงไว้..ว่ารัฐบาลจะเปิดการเจรจาเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา ที่บริเวณเกาะกูด จังหวัดตราด เพื่อสำรวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม..เรื่องนี้ก็เดินหน้าลำบาก..เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนเรื่องก๊าซธรมชาติที่เป็นขุมทรัพย์มูลค่ามหาศาลใต้ทะเล
จึงกล่าวได้ว่านโยบายเร่งด่วน 2 เรื่องของ“รัฐบาลมาดามแพ”ที่ยังเดินต่อไปไม่ได้ เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยที่เรื่องรัฐธรรมนูญก็จะแก้เพื่อประโยชน์ของนักการเมืองเอง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่..ขณะที่เรื่อง“MOU 44”ก็เป็นเรื่องผลประโยชน์มหาศาลจากพลังงานขุมทรัพย์ใต้ทะเลมูลค่ากว่า“20 ล้านล้านบาท”..ที่คนไทยกับคนเขมรหวังจะแบ่งผลประโยชน์กันคนละครึ่ง
ดังนั้น ทั้งสองเรื่องนี้จึงกลายเป็นปัญหาดังสำนวนไทยที่ว่า..“ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก” คือทำอะไรก็ติดขัดไปหมด..ซึ่งไม่เพียงแต่ผลประโยชน์ทับซ้อนจากนโยบายเท่านั้น..แม้แต่ตัวนายกรัฐมนตรีก็“ทับซ้อน” เป็นการทับซ้อนระหว่าง“มาดามแพ”ในฐานะทายาทผู้สืบสันดาน กับอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ที่เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงเสียงจริง
คนในโลกโซเชียลเขาจึงค่อนแคะและเปรียบเปรยว่า ผลงาน 90 วันของ“รัฐบาลมาดามแพ” ที่จะแถลงในวันมะรืนนี้ ก็เห็นมีอยู่เรื่องเดียว คือ“เปลี่ยนสนามหญ้าทำเนียบรัฐบาลเป็นสนามหญ้าให้ลูกกับสามีวิ่งเล่น” เป็นการล้อคำมาจากสมัยรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่มีนโยบาย“เปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า”จากปัญหาสงครามที่เกิดขึ้นในกัมพูชา
อีกเรื่องหนึ่งสำคัญมากสำหรับอนาคตของ“รัฐบาลมาดามแพ”..เป็นอนาคตที่“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”จะแถลงผลงาน 90 ของรัฐบาล พร้อมกับการโฆษณาชวนเชื่อว่าปีหน้า“ปี 2568 โอกาสไทย-ทำได้จริง” ส่วนจะทำได้แบบไหนหรืออย่างไรก็ต้องติดตามฟังและดูกันต่อไป
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ถ้ารัฐบาลไม่หยุดดำเนินการเรื่อง“MOU 44”ตามหนังสือข้อเรียกร้องที่“สนธิ ลิ้มทองกุล”ได้ยื่นไว้นั้น..อาจจะต้องมีการ“ลงถนน” เพราะอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ชื่อ“สนธิ”ประกาศชัดเจนว่า “สู้ในครั้งนี้ ถ้าจะสู้ในที่สุด ต้องชนะอย่างเดียว”
สุดท้ายแบบเสียงดังฟังชัดของ“สนธิ ลิ้มทองกุล”..ก็คือ “เอ็มโอยู 2544 เป็นเอ็มโอยูขายชาติ..ประเทศไทยไม่เคยมีพื้นที่ทับซ้อน แต่เรามีนายกรัฐมนตรีทับซ้อน"
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี