วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันจันทร์ ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 00.11 น.
ตัวอย่างคดีอัยการเรียกสินบน ถูกพิพากษาจำคุก

ดูทั้งหมด

  •  

ที่ผ่านมา มีหลายคดีดัง ที่สังคมติดใจสงสัยบทบาทการทำหน้าที่ของอัยการ...

จนถึงวันนี้ ยังไม่มีถ้อยแถลงคำชี้แจงให้ความกระจ่าง ว่าทำไมบางคดีจึงสั่งไม่ฟ้อง หรือบางคดีจึงไม่อุทธรณ์สู้ต่อ หรือไม่ฎีกาต่อ มีผลทำให้คดีจบลงไปโดยที่ฝ่ายจำเลยได้ประโยชน์ ?


ไม่ว่าจะ คดีฟอกเงินกรุงไทยของลูกชายอดีตลูกนายกฯ

คดีเลี่ยงภาษีของภริยาอดีตนายกฯ

คดีบอส (แต่สั่งฟ้องในภายหลังถูกตรวจสอบ)

คดีที่ดินป่าราชบุรีของตระกูลนักการเมืองสีส้ม

คดีอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์บางคดี คดีข้าวบูล็อก ฯลฯ

คดีเหล่านี้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าอัยการทุจริตประพฤติมิชอบ แต่ยังมีข้อกังขาในสังคมต่อไป เพราะยังไม่มีคำอธิบายชี้แจงในรายละเอียดอย่างเป็นทางการ

ล่าสุด ปรากฏกรณีศึกษา คดีที่ปรากฏว่าอัยการทุจริตประพฤติมิชอบ เรียกรับสินบน เพื่อสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา

กระทั่งอัยการทุจริตผู้นั้น ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก

1. คดีนี้ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายปริญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัด ประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการจังหวัดพิษณุโลก 

กรณีเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อให้มีการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในสำนวนคดีอาญา

โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวน พบว่า ระหว่างวันที่ 14 - 29 พฤศจิกายน 2561 นายปริญ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการจังหวัดพิษณุโลก ได้นัดพบและติดต่อกับกลุ่มผู้ต้องหาในสำนวนคดีอาญา ส.1 เลขรับที่ 1854/2561 ของสำนักงานอัยการจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งถูกดำเนินคดี ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 

โดยที่นายปริญ มิได้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับสำนวนคดีดังกล่าว และได้แจ้งกับกลุ่มผู้ต้องหาในทำนองว่าจะหาวิธีช่วยเหลือเพื่อสั่งไม่ฟ้องคดี

แต่ต้องจ่ายค่าดูแลผู้ใหญ่ประมาณหลักแสนบาทเป็นการตอบแทน 

การกระทำของนายปริญ จึงเป็นการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากกลุ่มผู้ต้องหาเพื่อเป็นการตอบแทน ในการที่จะจูงใจเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการผู้มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งคดี โดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย เพื่อให้กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณแก่กลุ่มผู้ต้องหาด้วยการสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าว 

2. สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข้อมูลรายละเอียด โดยสรุปว่า

ในคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6  ปรากฏรายละเอียดพฤติการณ์การกระทำความผิด ของนายปริญ และคำวินิจฉัยของศาลฯ มีรายละเอียดน่าสนใจ ดังต่อไปนี้

“...อัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสํานักงานอัยการพิเศษฝ่าย คดีปราบปรามการทุจริต 2 ภาค 6 ในฐานะโจทก์ฟ้องว่า

...ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 พนักงานสอบสวนสถานีตํารวจภูธรนครชุมได้ส่งสํานวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 14/2561 พร้อมตัวนาย ธ.  ผู้ต้องหาที่ 1 และนาย ว.  ผู้ต้องหาที่ 2 ไปยังสํานักงานอัยการจังหวัดพิษณุโลก

โดยพันตํารวจโท ช. พนักงานสอบสวนสถานีตํารวจภูธรนครชุม ผู้รับผิดชอบสํานวนคดีอาญาดังกล่าว มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันทําร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และสํานักงานอัยการ จังหวัดพิษณุโลกได้รับไว้เป็นสํานวนคดีอาญา ส.1 เลขรับที่ 1854/2561 แล้วมอบหมายให้นาย ส. รองอัยการจังหวัดพิษณุโลก เป็นอัยการเจ้าของสํานวน

ต่อมาผู้ต้องหาที่ 1 ได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการ ซึ่งตามระเบียบสํานักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดําเนิน คดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 65 วรรคสี่ กําหนดว่า“คดีที่มีการร้องของความเป็นธรรม ในกรณีที่จะมีคําสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหาหรือบางข้อหา ให้ทําความเห็นในสํานวนแล้วเสนอตามลําดับขั้นถึงอธิบดีอัยการเพื่อพิจารณาสั่งทั้งคดี เมื่ออธิบดีอัยการมีคําสั่งประการใดให้ปฏิบัติ ตามนั้น” ทําให้อัยการจังหวัดไม่มีอํานาจสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง

...เมื่อระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน 2561 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จําเลยได้เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น เป็นการตอบแทนในการที่จูงใจให้เจ้าพนักงานโดยวิธีการอันทุจริตหรือผิดกฎหมายให้กระทําการหรือไม่กระทําการโดยอิทธิพลของตน

กล่าวคือ ภายหลังจากพนักงานสอบสวนของ สถานีตํารวจภูธรนครชุม ได้ส่งสํานวนคดีอาญาที่ 14/2561 ให้สํานักงานอัยการจังหวัดพิษณุโลกแล้ว อัยการจังหวัดพิษณุโลกได้มอบหมายให้นายส.  เป็นพนักงานอัยการเจ้าของสํานวน ในระหว่างที่พนักงานอัยการเจ้าของสํานวนยังไม่มีความเห็นและคําสั่ง นาย ณ. พนักงานขับรถยนต์ของสํานักงานอัยการพิษณุโลกได้พาผู้ต้องหาทั้งสองมาปรึกษากับจําเลยถึงเรื่องที่ถูกดําเนินคดี

แต่ในวันดังกล่าว จําเลยมีงาน ไม่สะดวก จึงนัดให้คําปรึกษาในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2561 เวลา 12 นาฬิกา ที่ร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอน ซึ่งตั้งอยู่ในสถานีบริการนํ้ามันปตท. ใกล้กับศาลจังหวัดพิษณุโลก ถนนสิงหวัฒน์ ตําบลในเมือง อําเภอเมือง จังหวัด พิษณุโลก ซึ่งจําเลยได้แจ้งกับผู้ต้องหาทั้งสองกับพวกว่าขอดูสํานวนคดีก่อนว่าจะเป็นไปในทิศทางใด แล้วจะหาวิธีหรือแนวทางช่วยเหลือต่อไป

ก่อนที่จะแยกย้าย จําเลยและผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ได้แลกเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์กันไว้เพื่อใช้ในการติดต่อ โดยจําเลยได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ของจําเลยที่ใช้อยู่ในขณะนั้น คือ หมายเลข 090 - 653XXXX  กับผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก และจําเลยยังได้เพิ่มผู้ต้องหาที่ 1 เป็นเพื่อนในแอปพลิเคชั่นไลน์เพื่อไว้ใช้ติดต่อกันอีกทางหนึ่งด้วย

ต่อมา วันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 เวลากลางวัน จําเลยได้สั่งการให้นาย อ. โทรศัพท์หา นางสาว อ.  กับพวก ติดต่อกลับไปยังจําเลยเพื่อนัดหมายวันเวลาและสถานที่ในการนัดพบกับจําเลย

นางสาว อ. และผู้ต้องหาที่ 1 จึงโทรศัพท์ไปยังจําเลยเพื่อสนทนากันและสอบถามเรื่องคดีความและนัดหมายวันเวลาและสถานที่นัดพบกัน ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 ที่ร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนที่เดียวกับที่จําเลยเคยนัดพบกับผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ในครั้งแรก

ในการพูดคุยกันทางโทรศัพท์กับผู้ต้องหาที่ 1 ครั้งนี้ จําเลยได้พูดคุยทํานองว่าไม่สะดวกจะสนทนาทางโทรศัพท์ แต่ต้องการนัดพบเพื่อพูดคุยกันโดยตรง แล้วจําเลยได้นัดหมายผู้ต้องหาที่ 1ว่าไปคุยกับผู้ใหญ่เกี่ยวกับคดีดังกล่าวมาแล้ว ซึ่งพอเห็นแนวทางที่จะเป็นประโยชน์ จึงจะได้ตกลงกันว่าผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก จะตกลงกับแนวทางของจําเลยหรือไม่

จําเลยยังแจ้งกับผู้ต้องหาที่ 1 อีกว่าในวันนัดให้ผู้ต้องหาที่ 1 มาพร้อมกับผู้ต้องหาที่ 2 หรือจะนําภริยาของทั้งสองคนมาด้วยก็ได้ แต่ขอว่ายังไม่ต้องนําบุคคลอื่นมาด้วย

ต่อมา วันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 เวลากลางวัน จําเลยได้เดินทาง ไปพบกับผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ตามที่นัดหมายไว้ จําเลยแจ้งว่าตรวจดูสํานวนคดีแล้วมีความเห็นใจ ผู้ต้องหาที่ 1 ที่ทําดีแต่กลับต้องตกเป็นผู้ต้องหาจากการพยายามใส่ร้ายและบิดเบือนข้อเท็จจริงจากญาติของผู้ตาย

พร้อมทั้งเล่ารายละเอียดและพยานหลักฐานบางส่วนในสํานวนคดีดังกล่าวให้ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกฟัง และเอาภาพถ่ายในสํานวนการสอบสวนให้ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกดู

จากนั้น ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ได้สอบถามจําเลยถึงแนวทางในการดําเนินการและทิศทางของคดีว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งจําเลยแจ้งว่าได้คุยกับผู้ใหญ่แล้ว ทางผู้ใหญ่เห็นใจและจะให้การช่วยเหลือและให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมทั้งแจ้งเรื่องค่าดูแลผู้ใหญ่

โดยจําเลยอธิบายว่า ในการที่จะให้ผู้ใหญ่ให้ความช่วยเหลือนั้น ผู้ต้องหาทั้งสองต้องมีค่าดูแลผู้ใหญ่ เพราะถ้าหากทางผู้ใหญ่ไม่ให้ความช่วยเหลือก็จะต้องถูกดําเนินคดีต่อศาล

จากนั้น ผู้ต้องหาทั้งสองกับพวกจึงสอบถามว่า ในเมื่อมิได้กระทําความผิด เหตุใดจึงต้องมีค่าดูแลให้กับผู้ใหญ่ด้วย ซึ่งจําเลยได้ตอบคําถาม โดยยืนยันกับผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ว่า หากทางผู้ใหญ่ไม่ให้การช่วยเหลือจะต้องถูกฟ้องคดีต่อศาล

เมื่อสอบถามถึงจํานวนค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้เป็นค่าดูแลผู้ใหญ่ จําเลยแจ้งว่าให้ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกเสนอมา

จําเลยยังแจ้งอีกว่าให้รีบตัดสินใจ เพราะจะได้รีบไปคุยกับทางผู้ใหญ่ให้

จากนั้น จําเลยยังได้โทรศัพท์ติดต่อมายังผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกอีกหลายครั้ง

ต่อมา วันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 เวลากลางวัน จําเลยโทรศัพท์ไปหาผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ทั้งที่จําเลยเป็นพนักงานอัยการ สํานักงานอัยการจังหวัด พิษณุโลก แต่มิใช่พนักงานอัยการผู้รับผิดชอบสํานวนดังกล่าว แล้วจําเลยได้เรียกรับเงินจากผู้ต้องหา ทั้งสองกับพวก โดยพูดในทํานองว่า จะหาวิธีช่วยเหลือทางคดีเพื่อไม่ให้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง แต่ต้องขอความเห็นจากทางผู้ใหญ่เพื่อช่วยให้พ้นจากข้อกล่าวหาด้วย

จําเลยไปคุยกับทางผู้ใหญ่มาแล้วรับปากว่าจะช่วยเหลือแต่จะต้องจ่ายค่าดูแล ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานทั่วไปจะอยู่ที่หลักแสนบาท

การที่จําเลยเรียกรับเงินค่าดูแลผู้ใหญ่จากผู้ต้องหาทั้งสอง เพื่อจูงใจให้ทางผู้ใหญ่ช่วยเหลือให้พ้นจากคดีซึ่งอยู่ในชั้นของพนักงานอัยการ ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ว่าผู้ใหญ่ที่จําเลยกล่าวอ้างหมายถึงพนักงานอัยการที่เป็นผู้บังคับบัญชาเหนือชั้นขึ้นไปที่มีอํานาจหน้าที่ในการพิจารณาและสั่งสํานวนดังกล่าว

ส่วนคําว่า“ดูแลผู้ใหญ่” ที่จําเลยกล่าวอ้างนั้น ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าหมายถึงทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด

แม้จําเลยจะพูดว่า “เกณฑ์มาตรฐานทั่วไปจะอยู่ที่หลักแสนบาท” โดยจําเลยไม่ได้ระบุจํานวนเงินที่เรียก และไม่ได้มีการรับเงิน ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์จากผู้ต้องหาทั้งสองกับพวกก็ตาม

แต่การกระทําของจําเลยดังกล่าว ก็มีลักษณะเป็นการเรียก รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อเป็นการตอบแทนที่จะจูงใจเจ้าพนักงานและเจ้าพนักงานของรัฐในตําแหน่งอัยการผู้มีอํานาจหน้าที่ในการสั่งคดี โดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมายเพื่อให้กระทําการในหน้าที่อันเป็นคุณแก่ผู้ต้องหาทั้งสองด้วยการสั่งไม่ฟ้อง

การกระทําของจําเลยจึงเป็นความผิดฐานเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือได้จูงใจเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิกสภาเทศบาลโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย หรือโดยอิทธิพลของตนให้กระทําการหรือไม่กระทําการในหน้าที่อันเป็นคุณหรือโทษแก่บุคคลใด และ ฐานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สําหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือได้จูงใจเจ้าพนักงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ของ องค์การระหว่างประเทศโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย หรือโดยอิทธิพลของตนให้กระทําการ หรือไม่กระทําการในหน้าที่อันเป็นคุณหรือโทษแก่บุคคลใด...

สุดท้าย จําเลยให้การรับสารภาพ

ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์ตามคําฟ้องของโจทก์ และรายงานการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ประกอบคํารับสารภาพของจําเลยแล้ว

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จําเลยกระทําความผิดจริงตามฟ้อง ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 19 

พิพากษาว่า จําเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 175 การกระทําของจําเลยเป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท และแต่ละบทมีอัตราโทษ เท่ากัน ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จําคุก 2 ปี

จําเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษ ให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง

คงจําคุก 1 ปี

3. สุดท้าย คดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 

คดีถือเป็นอันสิ้นสุด 

กรณีอัยการเรียกรับสินบน แลกกับการช่วยเหลือสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ นับเป็นกรณีศึกษาอุทาหรณ์ที่สำคัญสำหรับอัยการทั้งหลาย

อย่าได้กระทำผิดซ้ำรอย กินสินบาท คาดสินบน

ชีวิตอนาคตดับวูบ นับถือตัวเองก็ยังไม่ได้

สารส้ม

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
09:13 น. ด่วน!ประกาศ‘เคอร์ฟิว’ 5 อำเภอ‘ตราด’ หลัง‘บก ฉก.นย.’ถูก M79 ยิงถล่ม พบพิกัดจากในประเทศ
08:51 น. พบโดรนปริศนาบินว่อนทั่วเมืองตราด ไทย-เขมรปะทะเดือดกลางดึก แนวรบบ้านชำราก
08:48 น. ‘ทภ.2’รายงานแนวรบชายแดนไทย-กัมพูชายังตึงเครียด ‘ศึกตาควาย’ยังไม่จบ ต้องรบต่อ
08:27 น. เจอจะๆหลักฐานมัด‘กัมพูชา’ พบขุดคูเลต-สร้างบังเกอร์-ฐานยิงปืนใหญ่รอบ‘ปราสาทคนา’
08:24 น. ‘นิพิฏฐ์’เสียดาย‘สส.พัทลุง’ทิ้ง‘ปชป.’ ย้อนอดีตเป็นผู้ตัดสายสะดือ วันนี้ยืนอย่างเดียวดาย
ดูทั้งหมด
(คลิป) สีหศักดิ์ย้ำ! กัมพูชา มีทางเลือกแค่ 2 ทาง
หนาวมาแน่! มวลอากาศเย็นระลอกใหม่จ่อถล่มอีสาน เหนือ-ใต้รับมือฝนตก-คลื่นสูง
เขมรหน้าแหกคาบ้าน! โพสต์ชวน'ลาว-เมียนมา-มาเลย์'มาสู้ไทย แต่เจอคอมเมนต์สวนกลับหงายเงิบ
เปิดภาพ! พระราชินี ทรงพระดำเนินร่วมกับพาเหรดทัพไทยเข้าสู่สนามพิธีเปิดซีเกมส์ครั้งที่ 33
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 12-18 ธ.ค.68
ดูทั้งหมด
เขียนให้คิด : เงินสีเทา นักการเมืองสีเทาในเมืองไทย
บุคคลแนวหน้า : สิบแปดสิงห์
ผศ.นพ.วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย 2537-2568
เส้นใต้บรรทัด : เพราะ‘พรรคส้ม’จะล้ม‘อนุทิน’
บทบรรณาธิการ : 14 ธันวาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

พบโดรนปริศนาบินว่อนทั่วเมืองตราด ไทย-เขมรปะทะเดือดกลางดึก แนวรบบ้านชำราก

เจอจะๆหลักฐานมัด‘กัมพูชา’ พบขุดคูเลต-สร้างบังเกอร์-ฐานยิงปืนใหญ่รอบ‘ปราสาทคนา’

‘นิพิฏฐ์’เสียดาย‘สส.พัทลุง’ทิ้ง‘ปชป.’ ย้อนอดีตเป็นผู้ตัดสายสะดือ วันนี้ยืนอย่างเดียวดาย

สัตว์ก็รักชีวิต! ลูกหมูวิ่งอพยพพร้อมกับชาวบ้าน จึงจับขึ้นรถมาด้วย

ฝ่าเสียงปืนใหญ่เขมร ชาวบ้านเสี่ยงชีวิต กลับให้อาหารสัตว์เลี้ยง

กรมอุตุฯระบุ‘ภาคใต้’ฝนตกหนักบางแห่ง ‘ไทยตอนบน-กทม.’อุณหภูมิลดลง 1-4 องศาเซลเซียส

  • Breaking News
  • ด่วน!ประกาศ‘เคอร์ฟิว’ 5 อำเภอ‘ตราด’ หลัง‘บก ฉก.นย.’ถูก M79 ยิงถล่ม พบพิกัดจากในประเทศ ด่วน!ประกาศ‘เคอร์ฟิว’ 5 อำเภอ‘ตราด’ หลัง‘บก ฉก.นย.’ถูก M79 ยิงถล่ม พบพิกัดจากในประเทศ
  • พบโดรนปริศนาบินว่อนทั่วเมืองตราด  ไทย-เขมรปะทะเดือดกลางดึก แนวรบบ้านชำราก พบโดรนปริศนาบินว่อนทั่วเมืองตราด ไทย-เขมรปะทะเดือดกลางดึก แนวรบบ้านชำราก
  • ‘ทภ.2’รายงานแนวรบชายแดนไทย-กัมพูชายังตึงเครียด ‘ศึกตาควาย’ยังไม่จบ ต้องรบต่อ ‘ทภ.2’รายงานแนวรบชายแดนไทย-กัมพูชายังตึงเครียด ‘ศึกตาควาย’ยังไม่จบ ต้องรบต่อ
  • เจอจะๆหลักฐานมัด‘กัมพูชา’ พบขุดคูเลต-สร้างบังเกอร์-ฐานยิงปืนใหญ่รอบ‘ปราสาทคนา’ เจอจะๆหลักฐานมัด‘กัมพูชา’ พบขุดคูเลต-สร้างบังเกอร์-ฐานยิงปืนใหญ่รอบ‘ปราสาทคนา’
  • ‘นิพิฏฐ์’เสียดาย‘สส.พัทลุง’ทิ้ง‘ปชป.’ ย้อนอดีตเป็นผู้ตัดสายสะดือ วันนี้ยืนอย่างเดียวดาย ‘นิพิฏฐ์’เสียดาย‘สส.พัทลุง’ทิ้ง‘ปชป.’ ย้อนอดีตเป็นผู้ตัดสายสะดือ วันนี้ยืนอย่างเดียวดาย
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

เมื่อกัมพูชาทำให้โบราณสถาน-กาสิโน เป็นฐานทหาร

เมื่อกัมพูชาทำให้โบราณสถาน-กาสิโน เป็นฐานทหาร

12 ธ.ค. 2568

การค้าขาย การบริโภค และการออม

การค้าขาย การบริโภค และการออม

11 ธ.ค. 2568

ไทยป้องกันตนเอง

ไทยป้องกันตนเอง

10 ธ.ค. 2568

ป่วนไทยเมื่อไหร่ มึงต้องเจออย่างนี้

ป่วนไทยเมื่อไหร่ มึงต้องเจออย่างนี้

9 ธ.ค. 2568

รัฐอันธพาลวางทุ่นระเบิดใหม่ ดื้อด้าน ปากแข็ง  รัฐผู้เสียหายมีความชอบธรรมที่จะใช้อาวุธโต้ตอบ

รัฐอันธพาลวางทุ่นระเบิดใหม่ ดื้อด้าน ปากแข็ง รัฐผู้เสียหายมีความชอบธรรมที่จะใช้อาวุธโต้ตอบ

8 ธ.ค. 2568

รูปถ่ายเก่า ไม่ชัดเท่าการกระทำ และเส้นเงิน

รูปถ่ายเก่า ไม่ชัดเท่าการกระทำ และเส้นเงิน

5 ธ.ค. 2568

พูดแล้วทำ  กล้าทำกับสายการบิน หรือไม่?

พูดแล้วทำ กล้าทำกับสายการบิน หรือไม่?

4 ธ.ค. 2568

ตรรกะสักแต่จะด่าหาแสง

ตรรกะสักแต่จะด่าหาแสง

3 ธ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved