วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ปรับ ครม.แล้วยังไง ชั่วโมงไหน เพราะปรับแล้วต้องเกิดประโยชน์กับชาวบ้านและชาติบ้านเมืองไม่ใช่ปรับเพื่อกระชับอำนาจหรือปรับเนื่องจากพรรคแกนนำร่วมรัฐบาลต้องการยึดโควต้ากระทรวงกลับมาไว้ในมือ
เวลานี้เสียงวิพากษ์วิจารณ์จับจ้องไปที่เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่“อนุทินชาญวีรกูล”หัวหน้าพรรคภูมิใจ นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้
เพราะกระทรวงมหาดไทยนั้น เป็นมือไม้สำคัญที่สามารถจะอำนวยประโยชน์การเลือกตั้งให้แก่พรรคการเมืองที่คุมกระทรวงนี้ได้เปรียบกว่าคู่ต่อสู้ ทั้งระดับชาติและท้องถิ่นซึ่งก็เป็นมาอย่างนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านอยู่ใกล้ชิดกับประชาชน
และก็เป็นที่รู้กันดีและเป็นข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเลือกตั้ง สส. อบจ. อบต. หรือนายกเทศมนตรีรวมทั้งสมาชิกสภาเทศบาล ประโยคฮิตติดปากก็คือ “เงินไม่มา-กาไม่เป็น”
เรื่องนี้ไม่ต้องปฏิเสธกัน เพราะมันคือความจริงที่ย้อนแย้งกับพรรคการเมืองและนักการเมืองซึ่งชอบอ้างกันเหลือเกินว่า เป็นฝ่าย“ประชาธิปไตย”ที่“มาจากการเลือกตั้ง”
กระแสข่าวการปรับ ครม.ถ้าจะเกิดขึ้นนับจากนี้ไป ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรแต่เป็นเรื่องการขบอำนาจขบเหลี่ยมระหว่างพรรคเพื่อไทยของนายใหญ่“ทักษิณ ชินวัตร”กับพรรคภูมิใจไทย ของครูใหญ่“เนวิน ชิดชอบ”เท่านั้น-แค่นี้จริงๆ ไม่ใช่เพื่อชาวบ้าน หรือเพื่อชาติบ้านเมือง
หากย้อนกลับไปดูข่าวจะเห็นว่า ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย มีมาโดยตลอดและก็หลุดมาจากปากของ“นายใหญ่”
วันที่ 11 ธันวาคม 2567 “ทักษิณ ชินวัตร”ให้สัมภาษณ์สื่อระหว่างไปปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครพรรคเพื่อไทยลงสมัครนายกอบจ.ที่จังหวัดอุบลราชธานี กรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยไม่สนับสนุนการแก้ไขระเบียบกระทรวงกลาโหมเพื่อสกัดการทำปฏิวัติ ว่า พรรคภูมิใจไทยอาจจะพูดเร็วไปซึ่งยังไม่ได้ถามว่าเป็นมติของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และว่า“ภูมิใจไทยรีบหล่อเร็วไปนิด ขอให้หล่อช้าๆหน่อย เพราะพรรคร่วมรัฐบาลต้องฝึกการทำงานร่วมกัน”
วันที่ 13 ธันวาคม 2567 จากการกล่าวปาฐกถาในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่หัวหิน-ทักษิณ ชินวัตร แสดงอำนาจบาตรใหญ่ พูดให้ลูกพรรคในคอกฟังว่า “เมื่อสองวันก่อน มีการเอาร่างพระราชกำหนดเข้า ครม.ปรากฏว่า มีพรรคร่วม พรรคหลบ ป่วย อย่างนี้มันไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า ถ้าอยู่ด้วยกันมันต้องด้วยกันสิไม่อยากอยู่ต้องบอกกันให้ชัดเจน เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ห้ามหนี ต่อไปใครหนีก็บอกถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย-ง่ายดี”
คนที่ลาประชุม ครม.ในวันนั้นก็คือ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับ“พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งก็ถือว่าโดนเต็มๆแต่อนุทินยังพลิ้วโดยให้สัมภาษณ์ออกตัวกับสื่อว่า ไม่เกี่ยวกับตน เพราะเข้ามาประชุมครม.ในช่วงท้ายของการประชุมในวันนั้น
นอกจากปากของ“ทักษิณ ชินวัตร”ประเภท“ปากคอเราะราย”ที่ทิ่มแทงพรรคภูมิใจไทยอยู่ตลอดเวลาแล้วยังมีความขัดแย้งที่เป็นรูปธรรมอีกสองเรื่องคือกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การ“ฉีกทิ้ง”รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงนักการเมืองและกรณีร่างกฎหมาย“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”ที่พรรคเพื่อไทยมีผลประโยชน์ทับซ้อนเรื่อง“กาสิโน”ซุกไว้ในกฎหมายฉบับนี้
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 สส.พรรคภูมิใจไทยไม่ยอมเสียบบัตรแสดงตน และ สว.สายสีน้ำเงินสายตรงของ“ครูใหญ่บุรีรัมย์” วอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุมในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ-แก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1อันจะนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยพรรคเพื่อไทยเป็นตัวตั้งตัวตี ผลปรากฏว่าทำให้ไม่ครบองค์องค์ประชุม จึงต้องปิดประชุม ไม่สามารถประชุมต่อไปได้
ล่าสุดเรื่อง เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศกลางสภาฯเป็นข่าวสะเทือนเลื่อนลั่น ว่า“ขอประกาศต่อรัฐสภาแห่งนี้ว่าไชยชนก ชิดชอบ ลูกชายคนโตของเนวิน และ กรุณา ชิดชอบ ผมจะไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน ไม่ใช่แค่พ.ร.บ.ฉบับนี้ แต่ทุก พ.ร.บ.หลังจากนี้ แม้กระทั่ง พ.ร.บ. ของพรรคภูมิใจไทย ฯลฯ”
สิ้นเสียงของ“ไชยชนก ชิดชอบ” ใครก็รู้ว่าเป็นสัญญาณของ“ระเบิดเวลา”ที่รอวันระเบิดระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย อันเนื่องมาจากผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวชนิดที่“สร้างดาวกันคนละดวง” และนับวันพรรคเพื่อไทยก็ยิ่งผวาเพราะพรรคภูมิใจไทยหายใจรดต้นคอแบบกระชั้นชิดมากยิ่งขึ้นทุกวัน ขนาดว่าเลือกตั้งท้องถิ่น อาทิ เลือกตั้งนายก อบจ. พรรคเพื่อไทยก็ตกเป็นรองพรรคภูมิใจไทย
บรรทัดนี้พอจะคาดเดาได้ว่า หากมีการปรับ ครม.กันจริงๆ พรรคภูมิใจไทยคงไม่ยอมง่ายๆ ที่จะยกเก้าอี้ มท.1 ซึ่ง“อนุทิน ชาญวีรกูล”นั่งอยู่คืนให้แก่พรรคเพื่อไทยและก็คงจะนำไปสู่การ“เฉดหัว”พรรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาล
จากรัฐบาลผสม 11 พรรคในเวลานี้ 322 เสียง เมื่อตัดพรรคภูมิใจไทยที่มีเสียงจริงๆ 69 เสียงออกไปก็ยังเหลืออีก 253 เสียง ถือว่ายังมีเสียงข้างมากแบบน้ำปริ่มๆ แต่เกินกึ่งหนึ่งซึ่งหากพรรคเพื่อไทยจะดึงพรรคประชาชนที่มีอยู่ 143 เสียงเข้ามาร่วมด้วย น่าจะเป็นงานใหญ่ คงลำบากสุดท้ายก็ต้องประคองไปก่อนแล้วหาพรรคเล็กๆ จากซีกฝ่ายค้านเข้ามาเติมและเมื่อกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ผ่านสภาฯ ถึงวันนั้นจะยุบสภาฯเมื่อใดก็ได้
ประชาธิปไตยจอมปลอมก็เป็นแบบนี้ ผลประโยชน์ของนักการเมืองและพรรคการเมืองย่อมมาก่อนประชาชนและชาติบ้านเมืองก็แค่ข้ออ้าง ที่ใช้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าไปแสวงประโยชน์เท่านั้น
อาชีพนักการเมืองในประเทศไทย จึงเป็นอาชีพที่ส่วนใหญ่เล่นแล้ว“รวย”กันทุกคน ชนิดที่“มีกิน-มีใช้”มากกว่าชาวบ้านเป็นเท่าทวี-แต่ไร้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรี !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

ปชป. ร่อนแถลงการณ์ ซัด พรรคส้ม ออกลูกงอแงหวังประโยชน์แก้ รธน. ยอมเอา ‘อธิปไตยชาติ’ มาเสี่ยง
ยุบสภา อนุทิน ยันแล้ว คืนอำนาจให้ประชาชน
คอนเฟิร์ม! นายกฯอนุทิน ยื่นยุบสภาแล้ว เผยต่อรอง ปชน. ชี้ สั่ง สว.ไม่ได้ ไม่โหวตตัดอำนาจ
สะพัด อนุทิน ยื่นยุบสภาคาไว้แล้ว ตั้งแต่เย็นวันนี้ ตัดหน้า ‘ปชน.’ ล่าชื่อซักฟอกรัฐบาล
สื่อนอกตีข่าว เหตุปะทะเดือดชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือน2ประเทศอพยพแล้วครึ่งล้านคน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี