ทุกเรื่องทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเวลานี้ สิ่งที่ได้ยินจากปาก“แพทองธาร ชินวัตร”ผู้นำรัฐบาล คือคำพูด 2ประโยคที่ใช้เป็นประจำ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ นั่นก็คือ “ได้สั่งการไปแล้ว” และ“ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการค่ะ”
และจะสังเกตเห็นได้ว่า ทุกครั้งเมื่อ“แพทองโพย”ตอบ ก็จะมีการหันหน้าไปมองรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยที่ยืนเป็นพระอันดับ เหมือนขอความยืนยันว่า สิ่งที่ตอบไปนั้น พูดผิดหรือพูดถูก และพระอันดับหน้าเดิมๆ ที่มี“ภูมิธรรมเวชยชัย”อยู่ด้วยคนหนึ่ง ก็ต้องพยักหน้าเป็น“ลูกขุนพลอยพยัก”สนองรับ“คุณหนูนายน้อย” ที่เป็นหัวหน้าพรรคและทายาทเจ้าของคอก
แต่อะไรก็ไม่เท่ากับ เมื่อ“ตระกูลชินวัตร”ขึ้นครองอำนาจ อาจจะพูดได้ว่า ประชาชนมิอาจไว้วางใจอะไรได้แม้แต่เรื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่มี“ทักษิณชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาลที่อยู่ภายใต้การชักใยของ“ทักษิณ” ตั้งแต่“สมัคร สุนทรเวช”, “สมชาย วงศ์สวัสดิ์”, “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” และ“เศรษฐาทวีสิน” จนมาถึง“แพทองโพย”ในวันนี้
สถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ ภายใต้ 1 ประเทศ 2 นายกรัฐมนตรี จากการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ โดยมี“แพทองโพย”เป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด และอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตรเป็น“นายกรัฐมนตรีตัวจริง”นั้น มีปัญหาสุมรุมทั้งภายในประเทศ และนอกประเทศที่กำลังระอุคุกรุ่นกับกัมพูชา ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่สามารถไว้วางใจรัฐบาลได้ทั้งสิ้น ว่าผลประโยชน์ของ“ตระกูลชินวัตร” หรือผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ที่รัฐบาล“แพทองโพย”โดยการชักใยของ“ทักษิณ”จะพิทักษ์ปกป้อง
ปัญหาในประเทศ อันที่จริงปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องด่วนที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขในลำดับแรก แต่กลับเป็นว่าปัญหาของ“ทักษิณชินวัตร” อันเกี่ยวเนื่องกับหลักนิติรัฐและระบบยุติธรรม ที่ส่งผลทำให้เกิดปัญหา“จริยธรรม”ในวงการแพทย์ จนอีนุงตุงนังอยู่ในเวลานี้ ได้กลายเป็น“เรื่องร้อน” ซึ่ง“สมศักดิ์ เทพสุทิน”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะ“สภานายกพิเศษแพทยสภา” ต้องเลือกช่วยเหลือ“ทักษิน ชินวัตร” ด้วยการ“วีโต้”มติของแพทยสภา” แทนที่จะยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับ“แพทยสภา”ที่เป็นฝ่าย“ธรรมะ”
ที่กล้ายืนยันว่า“แพทยสภา”เป็นฝ่ายธรรมะ ก็เพราะหากมติของแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่สั่งลงโทษแพทย์ 3 คน ผู้มีส่วน“เอื้อประโยชน์”ให้อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องกลับเข้าไปติดคุกในเรือนจำ ไม่“โปร่งใสจริง” หรือขัดต่อความถูกต้องชอบธรรม ก็คงจะไม่มีเสียงจากแพทย์ทั้งประเทศที่จบมาจากทุกสถาบันแพทย์ในประเทศนี้ ลุกขึ้นมาส่งเสียงอย่างเป็นเอกภาพ ตลอดจนบุคคผู้มีเกียรติยศชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ ที่ได้ส่งกำลังใจมอบให้แก่กรรมการแพทยสภา และ ศ.เกียรติ คุณนพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่1 เพื่อให้ยืนหยัดต่อความยุติธรรม และจริยธรรมแห่งวิชาชีพแพทย์ รวมทั้งพิทักษ์เกียรติยศและศักดิ์ศรีของแพทย์ในประเทศนี้ที่มีอยู่ประมาณ 8 หมื่นคน
โดยข่าวอย่างเป็นทางการ จากการเปิดเผยของนายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมเมื่อวานนี้ แจ้งว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้ส่งความเห็นกลับไปยังแพทยสภา เมื่อเย็นวันที่ 28 พฤษภาคม เพื่อให้แพทยสภาพิจารณากรณีที่มีการตักเตือนแพทย์ 1 คน และพักใบอนุญาต 2 คน ซึ่งนายธนกฤตบอกว่า มีทั้งที่นายสมศักดิ์เห็นด้วยกับมติแพทยสภา และมุมที่ให้แพทยสภาเอาไปพิจารณาใหม่
การ“พลีชีพ” แบบยอมตายถวายหัวเพื่อ“นายใหญ่”เจ้าของคอกเพื่อไทยของนายสมศักดิ์เทพสุทิน ที่คนทั่วไปมีข้อกังขาบุคคลผู้นี้มาตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากการออกกฎและระเบียบของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ เหมือนเป็นการวางแผนปูทางล่วงหน้าเพื่อ“นายใหญ่” นักโทษหนีคดีทุจริตโกงบ้านกินเมืองกลับมาจะได้ไม่ต้องติดคุกนั้น แม้นายธนกฤตจิตรอารีย์รัตน์ จะออกตัวว่า ความเห็นของนายสมศักดิ์ที่ส่งไปให้แพทยสภา ไม่ใช่เป็นเชิงคำสั่งว่าจะต้องทบทวนอะไร แต่โดยข้อเท็จจริงก็คือ การ“วีโต้”มติของแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมนั่นเอง
นับจากนี้ไป หากแพทยสภายังยืนยันมติเดิม ที่สั่งลงโทษแพทย์ 3 คน ก็จะต้องมีมติไม่น้อยกว่า 2 ใน3 ของจำนวนกรรมการแพทยสภาทั้งหมด.คือ ไม่น้อยกว่า 47 เสียง จากทั้งหมด 70 เสียง
ทั้งนี้ แพทย์ 3 คนที่มีโทษตามมติเดิมของแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ก็คือ พญ.รวมทิพย์สุภานันท์ แพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในฐานะแพทย์ผู้ตรวจร่างกาย ขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ ถูกลงโทษตักเตือน เนื่องจากเขียนใบส่งตัวล่วงหน้า
ส่วนอีก 2 คน ในฐานะผู้ออกใบความเห็นแพทย์ คือ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ถูกลงโทษสั่งพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือใบประกอบอาชีพแพทย์ เป็นเวลา 3 เดือน และ 6 เดือนตามลำดับ ฐานให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ “เอกสารเท็จ”
นอกจากการ“วีโต้”ของ“สมศักดิ์ เทพสุทิน”แล้ว เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมวานนี้ ที่ต้องน่าจับตาก็คือ การขยับตัวอีกครั้งหนึ่งของนายชาญชัยอิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, นายสมชาย แสวงการ อดีต สว., นพ.ตุลย์สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ, นายนิติธรล้ำเหลือ หรือ“ทนายนกเขา” และนายภิมะสิทธิ์ประเสริฐ ที่ได้ไปยื่นพยานเอกสารเพิ่มเติมชุดใหม่ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งจะมีการไต่สวนนัดแรกในวันที่ 13 มิถุนายนเดือนหน้า
เป็นพยานเอกสารที่จะเป็นหลักฐานมัดคอ“ทักษิณ ชินวัตร” ว่า“ป่วยเท็จ” ไม่ได้ป่วยวิกฤตจริงขณะรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ อันเป็น“ใบเสร็จ”ที่จะทำให้“ทักษิณ”ดิ้นไม่หลุด และจะต้องกลับเข้าไปติดคุกในเรือนจำอีกครั้ง
ดีไม่ดี “สมศักดิ์ เทพสุทิน”ที่ยอมพลีชีพ“วีโต้”มติแพทยสภา เพื่อ“ทักษิณชินวัตร” ก็อาจจะต้องตามไปสมทบ“ทักษิณ”ติดคุกอยู่ในเรือนจำด้วย ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 ที่บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 พันบาท ถึง 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ความผิดของ“สมศักดิ์เทพสุทิน” ก็คือ เข้าข่ายแทรกแซงการดำเนินงานของแพทยสภา ด้วยการสบคบคิดกับแพทย์ 2 คนที่ถูกสั่งลงโทษ และได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อตนเอง รวมทั้งคณะกรรมการพิเศษ หรือ“10ขุนพล”ที่“สมศักดิ์”แต่งตั้งขึ้นมา เพื่อพิจารณามติแพทยสภาที่ได้มีการสั่งลงโทษแพทย์ 3 คน ทั้งที่ขั้นตอนกระบวนการในการลงโทษยังไม่สำเร็จเสร็จสิ้น
เสียงในโลกโชเชียลจึงแซ่ซ้องกันอย่างพร้อมเพรียงว่า“สาธุ” !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี