ด้วยการสร้างสรรค์อย่างยั่งยืนในพื้นที่ตนเองของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเรื่องราวแห่งการสร้างสรรค์และความร่วมมือที่งดงามระหว่างอดีตสหาย กองทัพ และสถาบันหลัก ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญของการให้อภัย การสร้างความปรองดอง และการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ความงดงามจากการกลับคืนสู่มาตุภูมิหลังจากคำสั่ง 66/2523 ที่เปลี่ยนแนวทางจาก “การเมืองนำการทหาร” ได้ทำให้เหล่าสหายที่เคยจับอาวุธต่อสู้ในป่าได้กลับคืนสู่สังคมอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ได้ถูกมองว่าเป็น “ผู้ก่อการร้าย”อีกต่อไป แต่ได้รับการยอมรับในฐานะ“ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย” การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เป็นหนึ่งในนโยบายที่ประสบความสำเร็จที่สุดในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของไทย
โคกหนองนาโมเดล : อุดมการณ์ที่กลายเป็นรูปธรรมอดีตสหายหลายท่านได้นำประสบการณ์จากการต่อสู้ในป่า ซึ่งต้องพึ่งพาตนเองและใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ มาประยุกต์ใช้กับแนวทางใหม่คือ“โคกหนองนาโมเดล” ตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙ และการสานต่อของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐
โครงการนี้ : คือการเปลี่ยนอุดมการณ์ที่เคยต้องการเปลี่ยนสังคมด้วยความรุนแรง มาเป็นการสร้างสรรค์อย่างยั่งยืนในพื้นที่ของตนเอง
โคก : คือ การสร้างเนินดินเพื่อปลูกป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง เป็นการฟื้นฟูป่าชุมชนและสร้างความมั่นคงทางอาหาร
หนอง : คือการขุดหนองน้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ตลอดทั้งปี
นา : คือการปลูกข้าวแบบผสมผสานเพื่อพึ่งพาตนเอง
อดีตสหายหลายคนร่วมมือกับกองทัพและหน่วยงานภาครัฐ ในการพัฒนาพื้นที่ชนบทที่เคยเป็นฐานที่มั่นในอดีตให้กลายเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และแหล่งผลิตอาหารที่ยั่งยืน ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงการหลอมรวมอุดมการณ์เดิมเข้ากับแนวทางที่สร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ของชุมชนอย่างแท้จริง
การยกย่องและบทบาทของผู้นำตลอดมาผู้นำระดับสูงของไทยต่างให้ความสำคัญกับการสร้างความปรองดองนี้ โดยเฉพาะพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษซึ่งเป็นผู้ริเริ่มนโยบาย 66/2523 ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่ทำให้เกิดสันติภาพในแผ่นดิน นอกจากนี้ กองทัพยังได้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานสำคัญในการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เกียรติและยกย่องเหล่าผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรื่องราวของอดีตสหายเป็นที่รับรู้ในฐานะผู้ที่มีส่วนในการพัฒนาประเทศในมิติใหม่
การที่เหล่าอดีตสหายได้รับการยกย่องและมีโอกาสในการทำงานร่วมกับสถาบันและกองทัพอย่างต่อเนื่อง เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องเกิดจากความขัดแย้งและความรุนแรงเสมอไป แต่สามารถเกิดขึ้นได้จากความเข้าใจ การให้อภัย และการทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายที่สูงกว่าคือความผาสุกของประชาชนและประเทศชาติ
นอกจากบทเรียนประวัติศาสตร์ที่สำคัญแล้ว เรื่องราวของ พคท. ยังมีแง่มุมที่งดงามและสร้างสรรค์ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะบทบาทของผู้นำประเทศที่สืบทอดเจตนารมณ์ในการสร้างความปรองดอง
การสืบทอดเจตนารมณ์ : จากพลเอกเปรมสู่พลเอกสุรยุทธ์ การเปลี่ยนผ่านจาก พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ผู้ริเริ่มนโยบาย “การเมืองนำการทหาร” มาสู่ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรีคนปัจจุบัน เป็นการสานต่อเจตนารมณ์ในการดูแลเหล่า“ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย” หรืออดีตสหาย พคท. อย่างต่อเนื่อง โดยความสัมพันธ์นี้มีความลึกซึ้งและเป็นส่วนตัวอย่างยิ่งเนื่องจากบิดาของพลเอกสุรยุทธ์ คือ พันโทพโยม จุลานนท์ หรือ “สหายคำตัน” ซึ่งเป็นแกนนำคนสำคัญของ พคท. การที่ลูกชายของแกนนำ พคท. กลายเป็นผู้นำสูงสุดในฝ่ายรัฐและสถาบันหลัก ถือเป็นสัญลักษณ์ของการให้อภัยและการสมานฉันท์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย
พลเอกสุรยุทธ์ได้สืบสานแนวทางของพลเอกเปรมและยังคงมีบทบาทสำคัญในการให้เกียรติและดูแลอดีตสหาย โดยเข้าร่วมงานรำลึกและกิจกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนพวกเขาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้พลเอกสุรยุทธ์ยังได้ให้คำมั่นที่จะช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตของอดีตสหายตามคำสั่งเสียของบิดา ซึ่งเป็นที่มาของแนวคิด“พ่อสั่งไว้ให้ดูแลพี่น้องด้วย” บทบาทของท่านจึงไม่เพียงเป็นการสานต่อนโยบายแต่เป็นการเติมเต็มด้วยหัวใจและความเข้าใจในอดีตของทั้งสองฝ่าย
การพัฒนาที่ยั่งยืน : จากป่าสู่การสร้างบ้านแปงเมือง อดีตสหายหลายคนได้นำอุดมการณ์และความมุ่งมั่นที่เคยใช้ในการต่อสู้ มาปรับใช้กับการพัฒนาบ้านเกิดของตนเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการพัฒนาชุมชนต่างๆ เช่น โครงการ โคกหนองนาโมเดลที่ส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ สิ่งเหล่านี้เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า อุดมการณ์ที่มุ่งมั่นในการสร้างสังคมที่ดีงามสามารถเปลี่ยนผ่านจากการใช้ความรุนแรงมาสู่การสร้างสรรค์ได้อย่างยั่งยืน
เรื่องราวเหล่านี้ : จึงเป็นบทเรียนส่วนหนึ่งที่งดงามสำหรับคนรุ่นใหม่ ว่าประวัติศาสตร์ไม่ได้จบลงที่ความขัดแย้ง แต่สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของความเข้าใจ การให้อภัย และการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสังคมที่เข้มแข็งและสงบสุขได้ในที่สุด
ชัยวัฒน์ สุรวิชัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี