การแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาวันแรก..เมื่อวันที่ 29 กันยายนเมื่อวานนี้ ..ก็เป็นแค่พิธีกรรมตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้..ว่าจะต้องแถลงก่อนปฏิบัติหน้าที่
เพราะโดยข้อเท็จจริง..การอภิปรายของฝ่ายค้านส่วนใหญ่ไม่ได้เจาะลึกเรื่องตัวนโยบายเป็นประการสำคัญ..แต่ใช้โอกาสตีสำบัดสำนวน..เอ่ยอ้างประชาชนให้ดูขลัง..แล้วก็โจมตีพรรคคู่ต่อสู้เพื่อ“เกทับบลัฟ”กัน..ข้อคิดดีๆ..ที่มาจากสมองและประสบการณ์เพื่อเสนอแนะให้ฝ่ายรัฐบาลรับไว้เป็นการบ้าน..ถึงจะพอมีอยู่บ้าง..แต่ก็น้อยมาก
เมื่อวานเท่าที่ติดตามดูในช่วงเช้า..จะมีก็นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.ระบบบัญชีรายชื่อ..และ สส.12 สมัย..อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์..ที่ได้น้ำได้เนื้อ..และมีลีลาพร้อมคมฝีปาก..สมกับเป็นนักการเมืองเลือดประชาธิปัตย์
ส่วนฝ่ายค้านคือพรรคประชาชน..โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ..หัวหน้าพรรคประชาชน..ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร..กับฝ่ายแค้นคือพรรคเพื่อไทย..โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตหัวพรรคเพื่อไทย..นั้น..พออ้าปากอภิปราย..ก็รู้แล้วว่า..ยึดประโยชน์ของฝ่ายตนเองและพรรคตนเองเป็นที่ตั้ง
อย่างนายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ..ซึ่งเป็นตัวแทนความคิดของนักการเมือง“พรรคส้มเน่า”..ที่ฝังจำเหมือนมีอาการจิตหลอนอยู่กับการรัฐประหาร..จึงเห็นปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญสำคัญกว่าปัญหาอื่นๆ ที่เป็นปัญหาเร่งด่วน..โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับปากท้องและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน..กับปัญหากัมพูชารุกรานไทย
โดยนายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ..ได้อภิปรายว่า..รัฐบาลเข้าทำหน้าที่ในกรอบ 4 เดือนอย่างเป็นทางการ..ถือเป็นหมุดหมายแรกของพรรคประชาชนในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน..เพื่อนับถอยหลังสู่การยุบสภาฯ..มุ่งหน้าสู่การจัดทำประชามติ..สู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่..เพื่อให้เห็นความสำคัญของการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่..โดยจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ให้แล้วเสร็จก่อนยุบสภาฯ
นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ..กล่าวว่า “ผมและพรรคประชาชนใช้เสียงของเรา..เพื่อมุ่งหวัง 4 เดือนต่อจากนี้..เปิดประตูสู่อนาคตใหม่ของประเทศ..เมื่อทุกท่านหลับตาลงนึกถึงหน้าลูกหลาน..พวกเขาจะเป็นลูกหลานไทยรุ่นแรก..เดินเข้าคูหาเลือกตั้ง..และตลอดชีวิตของเขา..ชีวิตของเขาอยู่ในระบบการเมืองประชาธิปไตย..ปราศจากการรัฐประหาร..ไทยพุ่งทะยานได้ต่อเนื่อง..ไม่ใช่ใช้เสียงปิดประตู..ทำให้วงจรชีวิตลูกหลานติดอยู่ในลูป..ในระบบการเมืองแบบคนทุกรุ่นกำลังเสื่อมศรัทธา”
ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว..ตัวแทนพรรคฝ่ายแค้น..ลุกขึ้นมาก็โจมตีรัฐบาล เหมือนการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันที..โดยกล่าวว่า..นโยบายของรัฐบาลไม่ได้นำพาประเทศไปในทิศทางที่ถูกต้อง..แต่เป็นหายนะของประเทศในระยะยาว..เป็นการจัดวางอำนาจเพื่อสืบทอดและครอบงำ..มากกว่าพยายามที่จะสร้างภาพอนาคตของประเทศที่ดูจับต้องได้
และการอภิปรายของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว..ครั้งนี้..ยังเหมือนกับสำนวนไทยที่ว่า“ขว้างงูไม่พ้นคอ”..เพราะปัญหาที่ นพ.ชลน่านยกขึ้นมานั้น..ล้วนเกิดมาจาก 2 ปีที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยสร้างเอาไว้ทั้งสิ้น..เช่นว่า
“เวลาสี่เดือนสำหรับการเมืองอาจจะไม่นาน..แต่สำหรับประชาชนที่ต้องทนอยู่กับเศรษฐกิจชะลอตัว..รายได้ที่ไม่พอรายจ่าย..และคุณภาพชีวิตที่ไม่ดีขึ้น..ระยะเวลาสี่เดือนต่อจากนี้..อาจเป็นเวลาที่สูญเสียไปอย่างไร้ความหมาย..สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า..รัฐบาลนี้ยังไม่สามารถวาดภาพอนาคตที่มั่นคงให้ประชาชนเห็นได้เลย..แต่จะกลายเป็นปัญหามากกว่าทางออกของประเทศ..และไม่ใช่ปัญหาธรรมดา..แต่เข้าขั้นหายนะ”
นอกจากนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว..ซึ่งเป็นนักการเมืองอีกคนหนึ่งในคอกเพื่อไทยที่ทอดตัวรับใช้“ตระกูลชินวัตร”แบบถวายหัว..ยังได้อภิปรายเหมือนการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจซักฟอกนายอนุทิน ชาญวีรกูล..เกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาลในกรอบเวลา 4 เดือน..อันจะนำไปสู่ความหายนะเรื่องความโปร่งใสและหลักนิติรัฐนิติธรรมว่า..การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ที่มีฐานที่มั่นใน“บุรีรัมย์”..สะท้อนปัญหาเรื่องการใช้ฐานอำนาจท้องถิ่นและเครือข่ายการเมือง..มากกว่าการคัดสรรบุคคลตามความสามารถและมาตรฐานจริยธรรม..พร้อมทั้งยังได้ตั้งฉายารัฐบาลว่า..“รัฐบาลอนุวิน-เนทิน-หนูเน”
อย่างไรก็ตาม..ทุกปมประเด็นในซีกของ สส.พรรคเพื่อไทยที่ลุกขึ้นมาอภิปรายนั้น..เป็นเรื่องที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่เคยทำ..และทำล้มเหลวมาแล้วทั้งสิ้น..แต่กลับมาโยนให้รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล..ที่เพิ่งจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นวันแรก..โดยที่ยังไม่ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่
ฟังไปฟังมา..อดคิดไม่ได้ว่า..สส.พรรคเพื่อไทยทำไมถึง“โกหกได้หน้าตาเฉย” คล้ายกับคนเขมร..เช่นล่าสุด “ปรัก สุคน”รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา..ได้ไปพูดบิดเบือนเกี่ยวกับสงครามกัมพูชารุกรานไทย..ทำให้นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว..รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย..อดรนทนไม่ไหว..ต้องแฉกลางเวทีที่“ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80”..ณ นครนิวยอร์ก..สหรัฐอเมริกา..เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา..และได้รับเสียงปรบมืออย่างเกรียวกราว
สำหรับนายอนุทิน ชาญวีรกูล..ได้ประกาศเป็นคำมั่นต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า..วันที่ 31 มกราคม 2569..ยุบสภาฯแน่นอน..ซึ่งเป็นไปตามพันธะที่ลงนามใน“MOA”ร่วมกับพรรคประชาชน..และว่า..“รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ..ที่ต้องเข้ามาแก้ไขความเสียหายของประเทศที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่แล้วมา..จะทำทุกอย่างเพื่อเรียกความเสียหาย..ความสูญเสีย..ทั้งเรื่องเกียรติภูมิของประเทศ..เศรษฐกิจ..ขวัญกำลังใจ..ความปลอดภัยของประชาชน..กลับมาสู่ประเทศไทยและคนไทยให้ได้..ในระยะเวลาทำงาน 4 เดือน”
สรุปภาพก็คือ..การแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสมาชิกรัฐสภาเมื่อวานนี้..นายอนุทิน ชาญวีรกูล..เป็นฝ่ายที่“ซ่อนดาบในรอยยิ้ม”..แล้วเชือด“ชลน่าน ศรีแก้ว”ขุนพลของพรรคเพื่อไทยแบบนิ่มๆ..คาห้องประชุมพระสุริยัน !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี