การแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาวันสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 กันยายนเมื่อวานนี้..ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว...ถือว่าวันที่ 1 ตุลาคมวันนี้..เป็นวันนับหนึ่งของรัฐบาล“รัฐบาลหนูชั่วคราว”ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล..ซึ่งมีอายุเพียงแค่ 4 เดือน..ตาม“MOA”ที่ลงนามร่วมกับพรรคประชาชน
การประชุมเมื่อวานนี้ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ทางการเมือง..เมื่อมีข้อเท็จจริงที่เป็นเบื้องหลังของสาเหตุที่พรรคภูมิใจไทยต้องถอนตัวออกจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในเดือนมิถุนายนที่ผ่าน..จากการที่นางสาวจิราพร สินธุไพร..สส.ร้อยเอ็ด..พรรคเพื่อไทย..ได้อภิปรายพาดพิงแบบกล่าวหานายอนุทิน ชาญวีรกูล..ในฐานะนายกรัฐมนตรี..และรัฐมนตรีมหาดไทย..เป็นการด้อยค่าหลากหลายประเด็น..ก่อนจะถูกโต้กลับแบบถูกนายอนุทินจับโกหกคำโตกลางห้องประชุมพระสุริยัน..โดยมีนายมงคล สุระสัจจะ..ประธานวุฒิสภา..ในฐานะรองประธานรัฐสภา..ทำหน้าที่ประธานการประชุม
เริ่มจากนางสาวจิราพร สินธุไพร..อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี..สมัยรัฐบาล“เศรษฐา ทวีสิน” และรัฐบาล“แพทองธาร ชินวัตร”..ได้กล่าวหาว่ารัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล..เป็นรัฐบาลพิเศษ..เกิดท่ามกลางสถานการณ์ที่ผิดปกติ..และจัดตั้งรัฐบาลด้วยวิธีพิสดาร..โดยชี้และพยายามโยงว่า..หลังจากที่พรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล..ในวันที่ 18 มิถุนายน 2568..ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน..ต่อมาในวันที่ 24 มิถุนายน 2568..“ฮุน เซน”ได้ประกาศว่า..ประเทศไทยจะเปลี่ยนนายกฯ ในอีก 3 เดือน..จากนั้นวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร..พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี..จนเกิดรัฐบาลใหม่ที่พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
“จิราพร สินธุไพร”..ซึ่งเป็นบุตรสาวของ“นิสิต สินธุไพร”..อดีต สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย..อดีตแกนนำกลุ่ม นปช.ของมวลชนคนเสื้อแดงยุคเผาบ้านเผาเมือง..โยงภาพแบบให้คนรู้สึกคล้อยตามว่า..“นับเวลาดูแล้ว..ไม่น่าเชื่อว่า..ประเทศไทยเรามีรัฐบาลใหม่ในสามเดือน..ตามที่ผู้นำประเทศเพื่อนบ้านประกาศไว้จริงๆ..เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่า..ความเคลื่อนไหวของผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน..สอดคล้องสอดประสานกับกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในประเทศไทย..ได้อย่างพอดิบพอดี..อย่างน่าเหลือเชื่อ..เป๊ะ..ราวกับการว่าจัดวาง..ระหว่างการเปลี่ยนรัฐบาลจนถึงวันตั้งรัฐบาล..เราจะว่ามีข่าวลือ..มีความลึกลับเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นมากมาย..แม้แต่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค..ก็ยังบอกว่าพูดไม่ได้หลายคน..จึงสงสัยว่าแท้จริงแล้ว MOA..ที่ทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อยภาคพิสดาร..อาจเป็นแค่ข้อตกลงฉากหน้า..แท้จริงแล้วฉากหลังมีข้อตกลงที่ไม่ได้ระบุไว้อีกหรือไม่”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล..ได้ชี้แจงในประเด็นนี้หลังจากนางสาวจิราพร สินธุไพร..อภิปรายจบว่า..“ท่านพยายามที่จะใช้วาทกรรมอีกแล้ว..จริงๆ ผมก็เคยชื่นชมท่านมาตลอด..เวลาชี้แจงต่อรัฐสภา..ท่านอภิปราย..เวลาท่านพูดความจริง..ท่านดูน่าเชื่อถือมาก..แต่เวลาพูดความเท็จ..เห็นได้อย่างชัดเจน..ว่าท่านขาดความมั่นใจ..ท่านพยายามจะทำให้เห็นว่า..ตัวผมกับผู้นำกัมพูชา..น่าจะรู้อะไรกัน..เพราะว่าผู้นำกัมพูชาเคยกล่าวไว้ว่า..จะเปลี่ยนรัฐบาลในสามเดือน”
นอกจากนั้น..นายอนุทิน ชาญวีรกูล..กล่าวต่อไปว่า..“จริงๆ ผมไม่รู้จักผู้นำกัมพูชาในทางส่วนตัวเลยสักคนเดียว..ผมเพิ่งเคยพบกับท่านสมเด็จเดโชฮุน เซน..ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ..ก็เพราะได้ติดตามท่านายกฯแพทองธาร ชินวัตร ไปเยือนกัมพูชาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เอง..ผมก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรี..เป็นองค์ประกอบของคณะของท่านนายกรัฐมนตรี..ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ ที่เป็นส่วนตัว..ท่านบอกว่าคงมีการตกลงอะไรเบื้องหลังมาก่อนหรือไม่..ผมยืนยันไม่มี..เต็มที่ที่ผมมี..คือ..เพื่อนที่รู้จักกัน..ไม่ได้เป็นผู้ที่มีอำนาจอะไรในรัฐบาลแห่งนั้น..ไม่มีลุง..ไม่มีอังเคิล..มีแต่เฟรนด์..มีแต่เพื่อน..และก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน..หรือการเสนอแนะอะไรที่เป็นการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล..ยังได้กล่าวอีกว่า..“ผมยังรู้สึกตกใจด้วยซํ้า..ว่าเมื่อผมกลับมาแล้วจากการติดตามท่านนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร..ไปเยือนกัมพูชา..เพื่อนๆ ของผมที่รู้จักกัน..เขาโทรฯมาบอกว่า..รู้ไหมที่เขาไม่ให้คุณเข้าไปในที่ประชุมหลายที่..เขาไปแจ้งผู้นำเขาว่า..ไม่ต้องคุยอะไรกับคุณมากหรอก..เขาจะปลดคุณออกจาก มท.1 อยู่แล้ว..นี่คือข้อมูลที่ผมได้รับทราบมา..แต่ผมไม่ได้ว่าอะไร..เพราะว่าข้อมูลที่ผมจะเชื่อมากที่สุด..ก็ต้องเป็นข้อมูลที่ผมต้องได้รับแจ้งจากนายกรัฐมนตรีของผมในเวลานั้น..ก็คือท่านแพทองธาร ชินวัตร..แต่ในที่สุด..วันหนึ่งผมก็ได้รับการแจ้ง”
พร้อมกันนี้นายอนุทิน ชาญวีกูล..ให้รายละเอียดต่อว่า..“เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568..ผมก็ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการว่า..พรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน..และขอให้ผมไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข..ซึ่งผมก็กราบเรียนท่านไปว่า..ถ้าแบบนี้ก็เปรียบเสมือนเป็นข้อเสนอที่ต้องการให้ผมปฏิเสธ..พูดตรงๆ มาเลยว่า..จะให้ผมออกจากรัฐบาลดีกว่า..แต่ก็ดีนะครับ..ท่านรักษามารยาทมาก..ท่านบอกว่าไม่ใช่..อยากให้อยู่..แต่ไม่ให้อยู่มหาดไทย..ต้องไปอยู่สาธารณสุข..ซึ่งผมก็ถามว่า..แล้วทำไมถึงต้องให้ผมไปอยู่กระทรวงสาธารณสุข..ผมทำอะไรผิดหรือ..ผมว่าผมเป็นรัฐมนตรีคนเดียวในคณะรัฐบาลของท่านนายกฯ..ที่ยืนอยู่เคียงข้างท่านนายกรัฐมนตรีในทุกๆ ขณะ..ไม่ว่าจะเป็นวันดีหรือวันร้ายของท่าน..ปกป้องให้ข้อเท็จจริงเมื่อท่านนายกรัฐมนตรีถูกกล่าวหา”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล..เปิดเผยเบื้องหลังต่อไปอีกว่า..“ท่านนายกรัฐมนตรีท่านก็ทราบดี..แต่ท่านบอกว่า..ใกล้เลือกตั้งแล้ว..เพื่อไทยต้องได้มหาดไทย..ผมก็บอกว่า..อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ท่านเชื่อว่า..การได้กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทยไปแล้ว..ท่านจะชนะเลือกตั้ง..คุณพ่อผม (นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล) ก็เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว..เป็นตั้งสองปีกว่า..ตอนเลือกตั้งก็แพ้พรรคเพื่อไทยราบคาบในปี 2554..ทำไมท่านคิดเช่นนี้..แต่ไม่มีคำตอบ..คำตอบก็คือก็จะเอามหาดไทยคืน..แต่ผมเชื่อว่าท่านนายกรัฐมนตรีแพทองธาร..ไม่ได้พูดจากความต้องการในใจของท่านเอง..ต้องมีคนบอกให้ท่านพูด..เพราะในที่สุด..ท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรีของท่าน..ก็ได้มายืนยันว่า..ไพ่ใบสุดท้าย..คำนี้นะครับ..ผมหวังว่าคนที่พูดคำนี้น่าจะจำได้ว่าท่านพูดกับผมที่ไหน..ไพ่ใบสุดท้าย..คุณไปอยู่กระทรวงสาธารณสุข”
อย่างไรก็ตาม..ระหว่างที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล..ชี้แจงมาถึงในช่วงนี้..นางสาวจิราพร สินธุไพร..ได้ลุกขึ้นประท้วงนายอนุทิน..โดยให้เหตุผลว่า..นายอนุทิน“เล่าซีนดราม่า”กับบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุมและไม่มีโอกาสชี้แจงว่าข้อมูลแท้จริงหรือไม่..ทำให้นายอนุทินพูดสวนขึ้นว่า..“อย่ามาบอกว่าเป็นดราม่า..เพราะเป็นข้อเท็จจริง..ผมอยู่ตรงนั้น..เอามายืนยันตรงนี้เลยก็ได้..ท่านไม่อยู่ตรงนั้น..ไม่ได้เกี่ยว..หรือมีส่วนร่วมตรงนั้น..จะบอกว่าดราม่าได้อย่างไร”..และจากนั้น“นายมงคล สุระสัจจะ”ได้วินิจฉัยให้นายอนุทินชี้แจงต่อ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล..ได้สรุปประเด็นเกี่ยวกับการทวงคืนกระทรวงมหาดไทยของพรรคเพื่อไทย..จนเป็นเหตุให้พรรคภูมิใจไทยต้องถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล..ดังที่ยกมาสองย่อหน้าถัดจากนี้ว่า
“สุดท้ายผมได้รับการยืนยันจาก..นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช..เลขาธิการนายกรัฐมนตรี..ที่มาหาผมถึงกระทรวงมหาดไทย..และเป็นวันเดียวกันที่ผมฝากไปบอกท่านนายกฯแพทองธารว่า..พรรคภูมิใจไทยขอถอนตัวจากวันนั้นเป็นต้นมา..ซึ่งหลังจากนั้นก็บังเอิญมีคลิปเสียงอังเคิลออกมาพอดี..จึงทำให้มีความมั่นใจต่อการตัดสินใจถอนตัวของพรรคภูมิใจไทย..ไม่ใช่เฉพาะเชิญออกกจากรัฐบาล..แต่มีเรื่องที่เสียหายต่อบ้านเมือง..รัฐบาลขาดความชอบธรรมต่อการบริหารประเทศ”
“เมื่อถอนตัวแล้ว..ไม่ได้มีเหตุอะไรพิสดาร..เพราะไม่ได้แอบเซ็นกันในห้องผู้นำฝ่ายค้าน..ผมได้มีการพูดคุยกับพรรคประชาชนเพื่อประสานงานทำงานเป็นฝ่ายค้าน..และมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ไหวแล้ว..ประชาชนขาดความเชื่อมั่น..และได้หารือว่าดีที่สุดพยายามให้ยุบสภาฯดีกว่า..แต่เมื่อท่านนายกฯแพทองธารถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่..ไม่มีคนยุบสภาฯ..จึงต้องหาทางออก..คืนอำนาจให้ประชาชน..จึงเป็นที่มาของการตกลง MOA..ไม่ได้มีเหตุอะไรพิสดาร..เพราะไม่ได้แอบเซ็นกันในห้องผู้นำฝ่ายค้าน..เป็นข้อตกลงทางการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน..ไม่ใช่ข้อตกลงของรัฐบาล..แต่เมื่อพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำรัฐบาลจะรักษาสัญญา..ไม่เกินวันที่ 31 มกราคม 2569 จะยุบสภาฯ”
ทำไปทำมา..“รัฐบาลพิเศษที่จัดตั้งด้วยวิธีพิสดาร”..ตามที่“จิราพร สินธุไพร”ป้ายสีพรรคภูมิใจไทยและนายอนุทิน ชาญวีรูกล..นั้น..ที่แท้ก็คือพรรคเพื่อไทย“เล่นพิสดาร”แบบ“พันลึกพันลือ”
เพื่อจะยึดกระทรวงมหาดไทยสำหรับเป็นไม้เป็นมือเพื่อการเลือกตั้งนั่นเอง !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี