นักการเมืองพรรคการเมืองกำลังคึกคัก ย้ายพรรคเปลี่ยนพรรค เพื่อชัยชนะสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นทันทีที่นายกฯอนุทิน ประกาศยุบสภาฯ ขณะที่ภาคใต้กำลังประสบภัยน้ำท่วม และเผชิญกับวิกฤตหนักใน 10 จังหวัด มีประชาชนเดือดร้อนมากกว่า 560,000 ครัวเรือน

ที่จังหวัดสตูล เป็นเรื่องน่าเศร้า เกิดเหตุดินสไลด์ทับบ้านพักที่อำเภอควนกาหลง ควนกาหลง เป็นเหตุให้เด็กหญิงวัย 9 ขวบ เสียชีวิต และที่อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช มีชาวบ้านถูกไฟฟ้าช็อตภายในบ้านทั้งหมด 8 คน ทำให้เสียชีวิต 1 ศพ

ส่วนที่จังหวัดตรัง ก็หนัก เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน เมื่อวานนี้ มีรายงานมีพื้นที่ประสบภัยแล้ว 9 อำเภอ 36 ตำบล 3 เทศบาล รวม 132 หมู่บ้าน มีประชาชน 6,890 ครัวเรือนประสบความเดือดร้อน บางพื้นที่มีผู้สูงวัยติดอยู่ภายในบ้านตามลำพัง เนื่องจากเส้นทางถูกตัดขาดจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว

จังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากจะมีผู้เสียชีวิตก็ยังถือว่าสถานการณ์น้ำท่วมหนักที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา และที่จังหวัดปัตตานี น้ำท่วมใน 12 อำเภอ โดยในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองต้อง “ชักธงแดง” เตือนภัยน้ำท่วมฉับพลัน ให้ประชาชนเร่งขนของขึ้นที่สูง นอกจากนั้นที่จังหวัดพัทลุงน้ำป่าเทือกเขาบรรทัดไหลเข้าท่วมอำเภอควนขนุน และอำเภอสี่แยกโพธิ์ทอง

และที่หนักหนาสาหัสก็ที่จังหวัดสงขลา เกิดภัยน้ำท่วมทั้ง 16 อำเภอ โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ ซึ่งถือว่าหนักที่สุดในรอบ 25 ปี นับตั้งแต่ปี 2543 ทั้งในเขตเทศบาลและพื้นที่โดยรอบถูกน้ำท่วมหมด ต้องมีการตัดน้ำและไฟฟ้า

สาเหตุหลักที่ทำให้น้ำท่วมอำเภอหาดใหญ่ ก็เพราะพื้นที่เมืองหาดใหญ่ค่อนข้างต่ำ เป็นพื้นที่ลุ่มที่ลาดลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้น้ำไหลลงมารวมกันได้ง่ายและระบายออกสู่ทะเลสาบได้ยาก โดยที่น้ำจากทุกทิศทาง ทั้งจากเขาคอหงส์ อำเภอนาหม่อม และอำเภอจะนะ รวมถึงน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขานครศรีธรรมราช ล้วนไหลลงสู่คลองอู่ตะเภา ซึ่งไหลผ่านอำเภอหาดใหญ่ ก่อนจะไหลลงทะเลสาบสงขลา

ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดภัยน้ำท่วมไม่ว่าจะในภาคไหน ประชาชนผู้เดือดร้อนอุ่นใจได้ก็เพราะ มี“ครัวพระราชทาน” เป็นหลัก และมีกำลังพลของทหาร คอยช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ ซึ่งนอกจากจะลงพื้นที่ตั้งแต่แรกที่ประสบเหตุ หลังน้ำลดก็ยังเดินหน้าซ่อมแซมฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ด้วยคำขวัญ “ทุกวิกฤต-ทหารไทยพร้อมเคียงข้าง” กองทัพบกได้เร่งระดมกําลังพลจากหลายมณฑลทหารบกลงพื้นที่ทันที ทั้งแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม ขนย้ายอุปกรณ์กู้ภัย ตลอดจนช่วยลําเลียงประชาชนทั้งเด็กและคนแก่ออกจากพื้นที่น้ำท่วม

เช่นที่จังหวัดสงขลา หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 5 จัดกำลังพล พร้อมด้วยยานพาหนะ ช่วยส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน ในพื้นที่อำเภอเมือง จำนวน 7 ราย ไปยังโรงพยาบาลสงขลา และช่วยอพยพประชาชนที่ติดค้างไปยังพื้นที่ปลอดภัย

กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 153 จัดกำลังพลลงพื้นที่แจกจ่ายสิ่งอุปโภค-บริโภคให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบในอำเภอทุ่งยางแดง โอกาสนี้ได้ช่วยประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากการลื่นล้มในบ้านจนแขนซ้ายหักผิดรูป ส่งต่อไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทุ่งยางแดง

กองพันเสนารักษ์ กรมสนับสนุน กองพลทหารราบที่ 15 ได้จัดตั้งหน่วยพยาบาล ให้บริการรักษาและส่งกลับผู้ป่วย ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราวในอำเภอเทพา

กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 5 จัดกำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยชุดแพทย์เคลื่อนที่ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคัดกรองและตรวจรักษาโรคเบื้องต้นในพื้นที่อำเภอระโนด และได้นำส่งผู้ป่วยติดเตียงออกจากพื้นที่ประสบภัยไปยังโรงพยาบาลระโนด นอกจากนั้นในอำเภอสทิงพระ ได้จัดกำลังพลช่วยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้แก่ประชาชนอีกด้วย

มณฑลทหารบกที่ 42 จัดกำลังพลลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ ทั้งการแจกจ่ายสิ่งของอุปโภค-บริโภค การอพยพผู้สูงอายุ และการช่วยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่

กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 5 จัดกำลังพลพร้อมยานพาหนะช่วยอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในการสัญจร เนื่องจากเส้นทางถนนสายรัตภูมิ – สตูล ในพื้นที่อำเภอรัตภูมิมีดินสไลด์กีดขวางการจราจร

ที่จังหวัดนราธิวาส สถานการณ์น้ำที่ท่วมสูงเพิ่มมากขึ้นในอำเภอบาเจาะ ทำให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 151 ได้จัดกำลังพลลงพื้นที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร นอกจากนั้น ในพื้นที่อำเภอเมืองนราธิวาส ได้จัดกำลังพล พร้อมยานพาหนะ ช่วยอพยพประชาชนกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ และเด็ก ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว

จังหวัดนครศรีธรรมราช, กองพันทหารสารวัตรที่ 41 จัดกำลังพลลงพื้นที่อำเภอหัวไทร เร่งทำแนวกั้นคลื่น เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำทะเลหนุนสูงจนเกิดคลื่นซัดชายฝั่งทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย

กองพันทหารม้าที่ 16 กองพลทหารราบที่ 5 จัดกำลังพลลงพื้นที่แจกถุงยังชีพ พร้อมน้ำดื่มให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนพร้อมสอบถามความช่วยเหลือเพิ่มเติม ในพื้นที่อำเภอนาบอน

กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 105 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 5 จัดกำลังพล พร้อมเรือท้องแบนลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อำเภอร่อนพิบูลย์

จังหวัดปัตตานี, กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 153 จัดกำลังพล พร้อมยานพาหนะช่วยอพยพเด็กจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมสูงมายังศูนย์พักพิงโรงเรียนบ้านกะลาพอ ในอำเภอสายบุรี

กรมทหารพรานที่ 44 จัดกำลังพลลงพื้นที่มอบสิ่งของอุปโภค-บริโภค พร้อมติดตามความช่วยเหลือเพิ่มเติมในพื้นที่อำเภอทุ่งยางแดง

บรรทัดนี้ไม่เพียงแต่จะบอกว่าประเทศไทยมี “ทหารไว้ช่วยเหลือประชาชน” เท่านั้น แต่ก็ต้องตั้งคำถามด้วยเสียงดังๆ ว่า “เรามี สส.ไว้ทำอะไร” ?!

รุ่งเรือง ปรีชากุล