วันพุธ ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายอัษฎางค์ ยมนาค หรือ “เอ็ดดี้” นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
“เห็นขู่กันฮึ่มๆ ว่าจะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะรัฐบาลไม่น่าไว้วางใจ แต่พอนายกฯอนุทิน ขู่กลับว่าจะยุบสภา ทำไมถอยไม่เป็นขบวน ตกลงรัฐบาลไม่กลัวการยุบสภาและพร้อมเลือกตั้ง แต่เพื่อไทย-ประชาชน กลัวการยุบสภาและไม่พร้อมเลือกตั้ง นี่คือการที่เห็นกับผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนหรือไม่ ในเมื่อบอกกับประชาชนว่ารัฐบาลไม่น่าไว้วางใจและซักฟอกรัฐบาลแต่สุดท้ายถอย
ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยครับ ปัญหาเทาๆ และการแก้ปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ที่ว่าไม่น่าไว้วางใจจะได้นำมาพูดในสภาว่ามีจริงมั้ย หรือถ้านายกฯ จะยุบสภาจะได้คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจแทนสภาไปเลยว่าปัญหาเทาๆ และการแก้ปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ มันจริงมั้ยผลการเลือกตั้งจะตอบทุกคำถาม
เพื่อไทย-ประชาชนกลัวอะไรอยู่ อย่าดีแต่ปาก อย่าอ้างว่าเป็นพรรคเพื่อไทยและเป็นพรรคของประชาชนอยู่อีกต่อไปเลยถ้าประกาศว่ารัฐบาลไม่น่าไว้วางใจแต่ไม่กล้ายื่นญัตติไม่ไว้วางใจ”
ทันใดนั้นเอง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หลังมีข้อมูลว่าพรรค พท.จะยื่นหลังวันที่ 11 ธันวาคมนี้ ว่า
...ไม่มีข่าวในเรื่องนี้ เป็นข่าวที่ไม่มีกระบวนการออกจากพรรคเพื่อไทย ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ย้ำว่า “ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะมาคุยในนาทีนี้”แต่ยืนยันกระบวนการตรวจสอบพรรค พท. ไม่ได้หยุดนิ่งยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด และติดตามการทำงานของรัฐบาลเรื่องการบริหารจัดการผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้
“เรื่องนี้สะท้อนชัดถึงประสิทธิภาพ ฉะนั้น เรารวบรวมประเด็นทั้งหมดอยู่ การทำงานเรื่องติดตามตรวจสอบรัฐบาลเราไม่ได้หยุดนิ่ง แต่กระบวนการพูดคุยการยื่นหรือไม่ยื่นญัตติ ในช่วงนี้ขออนุญาตยังไม่พูดคุย เพราะเป็นเวลาที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องขับเคลื่อนเรื่องการแก้ไขน้ำท่วม อยากให้เขามีสติ สมาธิ กลับไปทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้สมบูรณ์กว่านี้อย่างเต็มที่รอฟังว่ากระบวนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจะคืบหน้าอย่างไรค่อยมาคุยกันหลังจากนั้น” นายจุลพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องการบริหารสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ของรัฐบาลจะนำไปอยู่ในเนื้อหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ซึ่งถือเป็นการบริหารของรัฐบาล ที่ถือว่าเป็นข้อบกพร่องผิดพลาด เป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามถึง กรณีแกนนำพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุว่า “หากพรรค พท.ยื่นซักฟอก จะเป็นเหตุให้รัฐบาลยุบสภา และไม่สามารถเยียวยาดูแลประชาชนที่ประสบผลกระทบจากน้ำท่วมได้”
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า หากเป็นนักการเมืองที่อยู่ในระบบประชาธิปไตย และมีประสบการณ์ทำงานด้านการบริหารจะไม่พูดในลักษณะนี้ออกมา เพราะไม่ใช่เรื่องการโยนความผิดใส่คนอื่นเป็นความล้มเหลวของตน
นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า เรื่องกระบวนการยื่นซักฟอกเป็นการตรวจสอบไม่มีเหตุใดๆ ที่รัฐบาลจะต้องยุบสภาเพื่อหนีการซักฟอก ฉะนั้น หากพรรค พท.ยื่น รัฐบาลก็มีหน้าที่ในการตอบเท่านั้น สภามีหน้าที่ในการตัดสินใจรับรองให้ดำเนินการในฐานะ ภารกิจรัฐบาลต่อหรือไม่ เป็นไปตามกลไกและไม่มีเหตุใดที่จะมาอ้าง และหนีจากกระบวนการในการตรวจสอบ ตนมองว่าคนที่พูดเช่นนั้นอาจไม่เข้าใจกลไกตามระบบประชาธิปไตยจึงได้พูดคำนี้ออกมา
ขณะที่ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราชโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ระบุว่า“ทำไม? เพื่อไทย ไม่กล้ายื่นซักฟอกอนุทิน” ความว่า...
มีการปล่อยกระแสข่าวลือว่า ครูใหญ่แห่งบ้านบุรีรัมย์ได้พูดคุยกับผู้มีอำนาจของพรรคเพื่อไทย จับมือกันจะยุบสภาในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 จนนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องออกมาปฏิเสธข่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่มีแนวความคิดที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากวันที่ 12 ธันวาคม 2568 นั่นแสดงว่าการจะยุบสภาในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ตามที่นายอนุทินได้ส่งสัญญาณไปยังพรรคร่วมรัฐบาลให้เตรียมพร้อม และดูความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็น่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
ประกอบกับมีกระแสข่าวว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้มีการพูดคุยกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องการให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระสามไปก่อน แล้วค่อยยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ถ้านายอนุทิน ชาญวีรกูล จะยุบสภา ก็ให้ยุบสภาหลังจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านไปแล้ว
ถ้าพูดถึงการได้เปรียบทางการเมือง การที่พรรคเพื่อไทยทอดเวลาออกไป ไม่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอนุทิน ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ก็เป็นโอกาสดีของรัฐบาล ที่กำลังเพลี่ยงพล้ำจากความล้มเหลวในการแก้ปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ ซึ่งมีผลกระทบต่อคะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทยในวงกว้าง แต่ถ้าทอดเวลาออกไปอีกสักระยะหนึ่ง ก็อาจจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น รัฐบาลจะใช้โอกาสนี้แก้ตัว เรียกศรัทธาคืนมา อาจจะใช้กลไกของรัฐบาลในการเยียวยา ในการแก้ปัญหา ในการซื้อใจประชาชน ซึ่งจะทำให้ประชาชนกลับมาชื่นชอบการทำงานของรัฐบาลได้
ถ้าผมเป็นพรรคเพื่อไทย จะตีเหล็กตอนร้อน เมื่อรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยเพลี่ยงพล้ำเช่นนี้ ก็จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที เพื่อแลกกับการยุบสภาของนายอนุทินในทันที ทำให้นายอนุทินเสียเปรียบทางการเมือง เว้นแต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีความพร้อมทางการเมืองเช่นเดียวกัน เพราะในขณะนี้พรรคการเมืองอื่นๆ มีตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังเหลือแต่พรรคเพื่อไทยกำลังสรรหาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคยังไม่ได้
จึงแสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่มีความพร้อมที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้ง การที่ออกมาขู่นายอนุทินว่า จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที กลับถูกนายอนุทินขู่กลับว่า จะยุบสภาทันทีเช่นเดียวกัน ทำให้พรรคเพื่อไทยเกิดอาการปากกล้าขาสั่น และถ้าหากทอดเวลาให้กับรัฐบาลอนุทินบริหารประเทศต่อไป จนถึงวันที่31 มกราคม 2569 ก็เป็นโอกาสทำให้กระแสนิยมกลับคืนมาได้ความนิยมของรัฐบาลนายอนุทินฟื้นมาเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมาในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เกิดเหตุการณ์คนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง ตอนนั้นถ้าหากนายอภิสิทธิ์ตัดสินใจยุบสภา ก็อาจจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เพราะกระแสกำลังดีอยู่ แต่พอทอดเวลาออกไปเป็นเวลา 1 ปี กระแสก็พลิกกลับ ยุบสภาช้าไป รัฐบาลก็แพ้เลือกตั้ง
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถ้าพรรคเพื่อไทยทอดเวลาให้รัฐบาลนายอนุทินแก้ตัวได้ ตั้งหลักได้ ก็เป็นผลดีกับรัฐบาลของนายอนุทิน และอาจจะเป็นผลเสียกับพรรคเพื่อไทยก็เป็นไปได้
ส่วน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการยุบสภาวันที่ 12 ธ.ค.ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ว่า “เรื่องยุบสภาอยู่ที่สถานการณ์ทางการเมือง ทุกท่านทราบอยู่แล้วว่าสภาฯ ชุดนี้ไม่เกินวันที่ 31 ม.ค.2569”
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลประสานกับพรรคเพื่อไทย (พท.) เกี่ยวกับเรื่องการยุบสภานายอนุทิน กล่าวว่า “ยังเลย ยังไม่มีครับ ผมยังไม่ได้คุยกับผู้บริหารพรรคไหนเลย อย่าว่าแต่พรรคเพื่อไทยเลย พรรคไหนก็ไม่ได้คุย เราบริหารราชการไปโดยมีไทม์ไลน์ของเราอย่างไรก็รักษาคำพูด เรามีเอ็มโอเอ ผมเชื่อว่าตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาลก็ได้ทำทุกอย่างตามเงื่อนไข
เอ็มโอเอกับพรรคประชาชน วันนี้เราเป็นรัฐบาลแล้วก็ไม่อยากพูดคำว่าเอ็มโอเอเยอะเพราะเป็นเรื่องของ 2 พรรค วันนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลและประเทศแล้ว ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เราบอกแล้วว่าวันที่ 31 ม.ค.2569 เราจะยุบสภา ตอนนี้มีสถานการณ์อะไรต่างๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากขอให้พวกเราทุกคนไปช่วยพี่น้องประชาชนบรรเทาทุกข์ เอาเขาออกจากความทุกข์ร้อน เอาเขากลับบ้านฟื้นฟูคืนบ้านเมืองให้เขา หายใจอีกแปปเดียวก็ยุบสภาแล้ว”
เมื่อถามว่า ล่าสุดพรรคเพื่อไทยแสดงท่าทีจะไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตอนนี้ นายอนุทิน ยิ้ม ก่อนกล่าวว่าถ้ายุบสภา ถ้าช่วงมีภัยพิบัติเรื่องฉุกเฉินต่างๆ รัฐบาลจะทำงานช่วยเหลือประชาชนลำบาก แต่ถ้าเกิดมีความจำเป็นหากไม่มีทางเลือกมันก็ไม่มีทางเลือก เราก็ต้องมีความพร้อม
เมื่อถามว่า กำลังใจตอนนี้เป็นอย่างไร เพราะตอนนี้มีกระแสดราม่ามาก นายอนุทิน กล่าวว่า “ผมไม่มีปัญหาอะไรกับกระแสดราม่าเลยแม้แต่น้อย เพราะผมและคณะรัฐมนตรีของผม ยึดถือความทุกข์ของประชาชน ประชาชนทุกข์หนึ่งเท่า พวกผมทุกข์สิบเท่า เพราะเราต้องดูแลเขา และแสวงหาความร่วมมือช่วยพวกเขา”
สรุป : ดูลาดเลาเค้าลางทางการเมืองแล้ว ฝ่ายค้านคงยังไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างแน่นอน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนทุกข์ยาก และรัฐบาลต้องดูแลประชาชน รวมถึงต้องมีอำนาจเต็มในการจัดการเรื่องงบประมาณ และระบบการช่วยเหลือ
ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยเองก็ยังไม่มีข้อมูลที่พร้อมพอ ส่วนพรรคประชาชนก็ไม่ได้อยากอภิปราย อยากได้รัฐธรรมนุญที่อยากจะแก้ทั้งฉบับจนตัวสั่นมากกว่า
สิ่งที่ควรเกิดในยามนี้ คือ รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาที่หาดใหญ่ สงขลา และอีกหลายจังหวัดที่เพิ่งผ่านพ้นเหตุ “มหาอุทกภัย” และอย่าลืมใส่ใจ “อยุธยา” ที่หลายพื้นที่ยังน้ำท่วมอยู่!!
จิตกร บุษบา


เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี