วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
กับเรื่องที่รัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ยังคงลังเลที่จะเสนอให้นายกฯออกมาตรการ ม.44 ช่วยเหลือผู้ประกอบการ ทีวีดิจิทัล ที่กำลัง “หืดจับ” จากปัจจัยลบรองด้านรุมถล่ม... แถมพ่วงด้วยการช่วยเหลือผู้ประกอบการมือถืออีก 2 รายที่เข้าประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ (MHz)…ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล...หลัง กสทช.ให้ใบอนุญาตประกอบการทีวีดิจิทัลและเปิดดำเนินการไปได้เพียงขวบปี ผู้ประกอบการหลายรายต่างอยู่ในสภาพย่ำแย่ รายที่มีสายป่านสั้นอย่าง “เจ๊ติ๋ม-ทีวีพูล” เจ้าของช่องไทยทีวี และโลก้า ก็ถึงกับต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไปก่อนใคร...ด้วยเหตุผลที่ว่า...กสทช. ดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบทีวีดิจิทัลล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนงาน ไม่เป็นไปตามที่เคยเชิญชวนผู้ประกอบการเข้ามาแข่งขันประมูลตั้งแต่ต้น จึงถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐและกสทช. ....รัฐบาลจึงปัดฝุ่นมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล...เช่น ยกเว้นการจ่ายค่าธรรมเนียมทีวีดิจิทัล 3 ปี เอกชนจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย 1.5% โดยกสทช.จะช่วยค่าเช่าโครงข่ายภาคพื้นให้ 50% เป็นเวลา 24 เดือนด้วย
ส่วนกรณี..ของผู้ประกอบการมือถือ 2 ราย ก็ด้วยเหตุที่ ผู้ประกอบการมือถือ 2 ราย ที่เข้าร่วมประมูลคลื่น 4จีที่ทำสถิติสูงสุดครั้งประวัติศาสตร์นั้นต้องแบกรับภาระจ่ายค่าธรรมเนียมคลื่น 4จี 900 สูงเกินกว่าพื้นฐาน...จากการที่มีบริษัทสื่อสารเข้ามาทุ่มราคาสู้ ดันราคาประมูลขึ้นไปอยู่ในระดับสูงกว่า 75,000 ล้านบาท...และในท้ายที่สุดก็ต้องทิ้งก่อนจะทิ้งใบอนุญาตไป ทำเอาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยเกือบเผชิญทางตัน จน กสทช.ต้องขอให้นายกฯในฐานะหัวหน้า คสช.ใช้ ม.44 ผ่าทางตันการประมูลให้ด้วยการเชื้อเชิญเอไอเอส เข้ามารับใบอนุญาตไปแทน…ดังนั้นหากบริษัทสื่อสารจะต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมงวดสุดท้ายรวดก้อนเดียวกับ 60,000 ล้าน ก็คงมีสภาพไม่ต่างจากผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล... จึงได้ร้องขอให้รัฐผ่อนผัน การชำระค่าประมูลคลื่นงวดสุดท้ายออกไปเป็นการทยอยจ่าย 5 ปี ปีละ 10,000 ล้านบาทเศษ พร้อมดอกเบี้ย 1.5% เพื่อที่บริษัทจะมีเงินไปลงทุนขยายเครือข่ายได้...
แน่นอน...ว่าเรื่องแบบนี้ต้องมีการถูกตั้งคำถามจากสังคม...และยิ่งเจอคำท้วงติงจากองค์กรวิชาการอย่าง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนประเทศไทย หรือ TDRI… ที่ตั้งข้อสังเกตว่าแม้ 2 เอกชนจะจ่ายดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี ...แต่ต่ำมาก... เพราะปกติกรณีการจ่ายค่าประมูลล่าช้าต้องคิดดอกเบี้ย 15% ต่อปี... ส่วนต่างดอกเบี้ยที่หดหายไปนั้น คิดเป็นมูลค่ารายละกว่า 15,000 ล้าน หรือรวมแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับ
อัตราดอกเบี้ยที่ ใช้คิดลด (Discount Rate)…แล้วยิ่งเจอทำทิ้งท้ายว่าหาก...คสช. จะมีมติยกผลประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการทั้งสองราย... ก็คงทำให้ประชาชนอดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ว่า แม้ว่า คสช. และรัฐบาลประยุทธ์จะแตกต่างจากรัฐบาลทักษิณ 1…!! เจอแบบนี้..รัฐบาลและคสช.
ก็ต้องแตะเบรกไว้ก่อน...
สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่า หากไม่ให้รัฐออกม.44 ช่วยเหลือผู้ประกอบการ ทั้งทีวีดิจิทัลและมือถือในห้วงที่ยังพอจะช่วยได้นี้ จะต้องรอให้ผีถึงป่าช้าก่อน หรืออย่างไรถึงจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ หากถึงเวลานั้นมาตรการช่วยเหลือที่ให้ไปจะไปมีความหมายอะไร...ดูอย่างบทเรียนที่เกิดขึ้นกับกรณีของ “เจ๊ติ่ม-ไทยทีวีและโลก้า” ก็เห็นกันอยู่สุดท้ายแล้วรัฐหรือคสช.ได้ประโยชน์อะไรกลับมาบ้าง ทั้งคลื่นความถี่ที่ต้องทิ้งเอาไว้อย่างนั้น เม็ดเงินผลประโยชน์เป็นพันล้าน หมื่นล้านได้กลับมาหรือไม่ ตรงกันข้ามกลายเป็นความสูญเสียของประเทศชาติโดยสิ้นเชิง!!และจะว่าไปมาตรการที่รัฐช่วยเหลือก็ใช่ว่าจะให้เปล่า รัฐยังคงได้เม็ดเงินค่าประมูลใบอนุญาตทั้งทีวีดิจิทัลและมือถือครบทุกบาททุกสตางค์ แถมยังได้ดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้อีก เพียงแต่ระยะเวลาที่ได้ถูกยืดออกไปจากเดิม...โดยที่ธุรกิจเหล่านี้ยังคงมีศักยภาพที่จะเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้...
และหากจะติงในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่รัฐยืดหนี้ให้ว่าไม่สมควรจะยึดดอกเบี้ยตามประกาศ ธปท.ว่าต่ำไปควรจะเป็นอัตราที่พอสมน้ำสมเนื้ออย่างที่ศาลใช้อิงเป็นเกณฑ์คือ 7.5% นั่นยังจะพอรับฟังได้ แต่ก็อีกนั่นแหละ อย่าลืมว่าเม็ดเงินที่เอกชนจะต้องจ่ายเข้ารัฐ ไม่ว่าจะก้อนเดียวทั้งหมด หรือทยอยจ่ายปีละ 10,000 ล้านบาทเศษนั้น ทุกรายต่างต้องระดมทุนกู้ยืมจากสถาบันการเงินหรือจากผู้ถือหุ้นด้วยกันทั้งสิ้น ต่างมีภาระที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วยกันทั้งสิ้น หากยังต้องมาเจอรัฐและกสทช.ปล้นสะดมจะต้องจ่ายดอกเบี้ย 15% เอาด้วยอีก มันก็แทบไม่ต่างอะไรจากการซ้ำเติมผู้ประกอบการที่จ่ายค่าต๋ง ค่าธรรมเนียมแพงอยู่แล้ว…อย่างนี้แล้วก็สู้ทิ้งคลื่นความถี่เจ้ากรรม ไปรอประมูลคลื่นใหม่ 5จี ไปเลยไม่ดีกว่าหรือ?...
แล้วเมื่อถึงวันนั้นจริงๆ...ลองคิดดูอีกไหมว่า...ความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นมันมากมายขนาดไหนกัน...คนที่ออกมาขวางและทำให้ธุรกิจล้มและลากเอาระบบเศรษฐกิจทรุดฮวบไป...รับผิดชอบไหวไหม...???
พงษ์พันธุ์

ผ่ากลยุทธ์'ค่ายสีน้ำเงิน' ไม่เร้าอารมณ์! เน้นทำได้ทำจริง
ปลัดนนท์ ยื่นใบลาออก ลงสมัครชิง สส.นนทบุรี พรรคภูมิใจไทย ลั่นเปลี่ยนเวลาราชการเป็นเวลาราษฎร
นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์กระแสเลือกตั้ง ชี้ผลโพล'คนกรุงเกือบครึ่งยังลังเล' พบได้ไม่บ่อย
ไม่น่าเชื่อ พนง ถึงกับร้องไห้หนักมาก เมื่อเห็นสิ่งที่ลูกค้าทำ ชมคลิป
(คลิป) แพทองธาร หน้าเจื่อน! ตอบคำถามสื่อ ยศชนัน คะแนนดีขึ้น!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี