บริษัทหลักทรัพย์(บล.)โกลเบล็ก วิเคราะห์ หุ้นบริษัทที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ หรือ TACC จากการที่รายได้ บริษัทอยู่ที่ 325 ล้านบาทเติบโต 15%QoQ แต่หดตัว 1.6%YoY เป็นการเติบโตจากฐานต่ำใน 1Q61 แต่หดตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากมีการหยุดขายสินค้าตรา “Zenya” ที่กัมพูชา ประกอบกับผลกระทบภาษีน้ำตาลในช่วง Q1-Q2 ปี 2561 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดเหลือ 25.59% และ 29.40% ตามลำดับ จากเดิมที่เคยทรงตัวเหนือกว่าระดับ 30% ส่งผลให้ กำไร 1H61 อยู่ที่ 36 ล้านบาท หรือ–35.1%YoY
❑ โอกาสเติบโตทางธุรกิจ + พันธมิตรใหม่
แบ่งเป็น 2 ช่องทาง คือ 1) เพิ่งได้รับสิทธิในการบริหารลิขสิทธิ์ Rilakkuma เมื่อต้นปี 2561 ระยะเวลาในการบริหารสิทธิ์ 4 ปี ครอบคลุม 7 ประเทศ ได้แก่ กลุ่มประเทศ CLMV สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ปัจจุบันมีลูกค้าแล้วกว่า 27 ราย
2) TACC เพิ่งเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ A&W ผู้ประกอบธุรกิจอาหารจานด่วนเมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2561 เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม(ที่ไม่ใช่น้ำอัดลม) ปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 3 สาขา จาก A&W ทั้งหมด 38 สาขา
❑ เติบโตต่อเนื่องจากฐานต่ำ
: เนื่องจากมีการหยุดขายสินค้าตรา “Zenya” ที่กัมพูชาเมื่อตอนต้นปี ที่ได้รับผลกระทบ
จากสงครามราคา ประกอบกับได้รับผลกระทบภาษีน้ำตาล ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 จนถึงพฤษภาคม 2561 กดดันอัตรากำไรขั้นต้น อย่างไรก็ตาม บริษัทได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้วในการปรับสูตรใหม่ใช้น้ำตาลน้อยลง ทำให้คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมายืนเหนือระดับ 30% ขณะที่ คาดรายได้ ปี 2561 ราว 1,312 ล้านบาท +1.8% เติบโตภายในประเทศตามการขยายสาขาของ 7-11 ที่คาดว่าทั้งปี 2561 จะเปิดเพิ่มราว 700 สาขา ขณะที่ 1H61 เปิดไปแล้วกว่า 492 สาขา ประกอบกับกระแสนิยมของเครื่องดื่มกดเย็น อย่าง Hershey’s ที่จะเข้ามาวางขายเป็นสินค้าประจำร้าน(บางสาขา)ตั้งแต่ช่วง 4Q61 ถึงแม้เราคาดว่ากำไรปี 2561 จะหดตัวราว 11.6% แต่คาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโต 24.3% ในปี 2562 อยู่ที่ราว 124 ล้านบาทสนับสนุนด้วยการเติบโตตามการขยายสาขา 7-11 ประกอบกับการกลับมาของเครื่องดื่มกดเย็น Hershey’s รวมถึงการบริหารลิขสิทธิ์ Rilakkuma ตลอดจนการมีพันธมิตรใหม่อย่าง A&W
❑ เริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ซื้อ”
: เราประเมินมูลค่าโดยใช้ราคาเหมาะสมสำหรับปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่ผลประกอบการได้ผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้วและพลิกเติบโตได้โดยอิง PER อย่างอนุรักษ์-นิยม ที่ 25 เท่า ซึ่งต่ำกว่า Weighted PER อุตสาหกรรมที่ระดับ 26.4 เท่า รวมถึงคาดกำไรต่อหุ้นปี 2562 ราว 0.20 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมที่ 5 บาท ซึ่งยังมี Upside ราว 24% จากราคาปัจจุบัน จึงแนะนำ “ซื้อ”
ที่มา..บล.โกลเบล็ก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี