บริษัทเชฟรอน (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ได้จ่ายเงินค่าภาษีจากการจำหน่ายน้ำมันดีเซลไปใช้ที่แท่นขุดเจาะกลางทะเล ระหว่างปี 2555-2559 วงเงิน 2 พันกว่าล้านบาท แก่กรมสรรพสามิต และกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2560 ที่ผ่านมา
1.เชฟรอน (ไทย) ยืนยันว่า ดำเนินธุรกิจอย่างสุจริต ตามกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับของราชการไทย
บริษัทไม่ได้หนีหรือหลีกเลี่ยงการเสียภาษี เพียงแต่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานรัฐ
โดยก่อนหน้านี้ เหตุที่เชฟรอนฯ ไม่ได้มีการจ่ายภาษีจากการส่งน้ำมันไปใช้ในแท่นขุดเจาะกลางทะเลไทย เนื่องจากกรมศุลกากรให้คำแนะนำว่าเป็นการส่งออก จึงไม่ต้องเสียภาษีและส่งเงินเข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงานและกองทุนน้ำมัน
หลังจากคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการวินิจฉัยชี้ขาด เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2560 ว่าการส่งน้ำมันจากในประเทศไปใช้ในพื้นที่บริเวณอ่าวไทยถือเป็นการค้าชายฝั่ง ไม่ใช่การส่งออก ไม่มีข้อยกเว้นการเสียภาษีและกองทุนน้ำมัน
ทาง เชฟรอน (ไทย) ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการตรวจสอบภาษีและกองทุนน้ำมันที่จะต้องชำระในช่วงปี 2555-2559 และได้จ่ายค่าภาษีย้อนหลัง 2 พันกว่าล้านบาทแก่กระทรวงการคลังแล้ว
นี่คือคำชี้แจงจากฝ่ายเชฟรอน
2.ก่อนอื่น ต้องชื่นชมการดำเนินงานขององคาพยพที่เกี่ยวข้อง ในยุครัฐบาล คสช.
ทั้ง สตง. คณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงการคลัง
รวมถึงสื่อมวลชนที่ติดตามทวงถาม
ทำให้ภาครัฐได้เงินภาษีของแผ่นดินคืนมาอย่างต่ำ 2,000 กว่าล้านบาท
หลังจากสูญเสียไปอย่างไม่สมควรในยุครัฐบาลที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง
ที่สำคัญ ไม่ปรากฏว่า รัฐบาลชุดที่แล้ว จะได้แสดงอาการเดือดร้อน หรือดำเนินการใดๆ เลย ที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติในเรื่องนี้
กระทั่งมาดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของแผ่นดินกันในยุครัฐบาล คสช. - รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร
3.สิ่งที่รัฐบาล คสช.ควรดำเนินการต่อไป คือ
จำนวนเงินที่เอกชนจ่ายมา 2,000 กว่าล้านบาทนั้น ครบถ้วนหรือไม่?
กระทรวงการคลังควรจะออกมาชี้แจง แจกแจง แถลงไข อย่างเป็นทางการ
ในจำนวนนี้ มีภาษีอะไรบ้าง ค่าอะไร ค่าล่าช้า ค่าปรับ มีหรือไม่?
เงินแผ่นดินควรได้มาตั้งแต่ปี 2555 เป็นลำดับ แต่ล่าช้ามาถึงวันนี้ จะได้ไล่เบี้ยหาตัวคนรับผิดชอบต่อไปด้วย
4.แต่ไหนแต่ไรมา การส่งน้ำมันไปใช้ที่แท่นขุดเจาะกลางอ่าวไทย คือ การค้าขายภายในราชอาณาจักร
ต้องเสียภาษีและเงินกองทุนตามกฎหมาย
กระทั่งปี 2554 เอกชนทำหนังสือถามมาที่กรมศุลกากร
ทางกรมศุลกากร ตอบข้อหารือ ตามหนังสือที่ กค 0503/4649 ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2554
อ้างว่า การส่งน้ำมันเชื้อเพลิงจากราชอาณาจักรไทยไปยังแท่นผลิตปิโตรเลียมในท้องทะเล อันมีระยะห่างจากชายฝั่งตั้งแต่ 12 ไมล์ทะเลขึ้นไป ถือเป็นการส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร
หลังจากนั้น เอกชนจึงได้อ้าง ยกเว้นภาษีและเงินกองทุนน้ำมันภายในราชอาณาจักร
คำถาม คือ เจ้าหน้าที่กรมศุล ผู้ชายคนนั้น ที่ลงนามหนังสือดังกล่าว ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์แก่เอกชน หรือบกพร่องโดยสุจริต ตอบคำถามด้วยความโง่ ?
มาในยุค คสช.ได้ระงับไปช่วงหนึ่ง
แต่แล้ว เจ้าหน้าที่สำนักกฎหมาย กรมศุลกากร “ผู้หญิงคนหนึ่ง” ได้ตอบตามหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 9 เมษายน 2558 มีเนื้อหาให้ปฏิบัติตามพิธีการส่งออกต่อไป
การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เหล่านี้ ทำให้สูญเสียเงินแผ่นดินที่ควรได้รับหลายพันล้านบาท จะต้องรับผิดชอบแค่ไหน อย่างไร?
5.กรณีภาษีโอ๊ค+เอม เคยมีเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ต้อง
คำพิพากษาศาลอาญา จำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา เพราะไปตอบหนังสืออันมีลักษณะช่วยเหลือเอกชน ลูกๆ ของอดีตนายกฯ
ทำให้รัฐสูญเสียเงินภาษีอากรแผ่นดินไปหลายพันล้านบาท
งานนี้ จะมี “เบญจา 2” หรือไม่?
6.อย่าลืมว่า หนังสือที่นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการคลัง นอกจากขอให้สั่งการกรมสรรพากรและกรมสรรพสามิต เรียกภาษีจากบริษัทเชฟรอนฯ แล้ว ยังระบุให้แต่งตั้ง
คณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการตีความ
ทั้งทางแพ่ง อาญา และวินัย
ถึงวันนี้ แม้ทางเชฟรอนจะยอมจ่ายภาษีมาแล้ว แต่การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐนั้น หากเป็นการกระทำผิด ความผิดก็สำเร็จแล้ว
ความเสียหายเกิดแล้ว นั่นคือการได้รับเงินล่าช้า ขาดโอกาสไปตั้งแต่ปี 2555
ใครทุจริต ใครร่วมสนับสนุน หรือบกพร่องโดยสุจริต... ควรมีความชัดเจนหลังจากนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี