รัฐสภา คือ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สำหรับใช้เป็นที่ประชุมระดับชาติของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งมีอำนาจทางนิติบัญญัติ ทำหน้าที่ออกกฎหมาย ควบคุมดูแลการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี รวมทั้งให้ความเห็นชอบในเรื่องสำคัญของประเทศ เช่น การประกาศสงคราม การทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ฯลฯ
แต่ในบ้านเรา ปรากฏว่า การจัดซื้อจัดจ้างของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในยุคนักเลือกตั้งครองเมืองนั้น ได้เกิดข้อครหาทุจริตโกงกิน ยุบยับสารพัดเรื่อง แฉกันออกมาจนกลายเป็นเรื่องตลก เย้ยหยันกันทั่วบ้านทั่วเมืองตั้งแต่เรื่อง โคตรนาฬิกา เครื่องกดน้ำ เก้าอี้ตกแต่ง ฯลฯ
และแล้ว เมื่อดำเนินการตรวจสอบไประยะหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่ปรากฏความชัดเจนว่า ใครโกง ใครต้องรับผิดชอบอย่างไร?
แถมล่าสุด คนที่เคยถูกสอบสวนก็ได้กลับมาสู่ตำแหน่งสำคัญๆ
สังคมเกิดความสงสัยว่า ที่ผ่านมา คือ การเล่นขายของกันเท่านั้น ดอกหรืออย่างไร?
1.กรณีปรับปรุงห้องประชุมรัฐสภา 3301 อาคารรัฐสภา 3 วงเงิน 36.5 ล้านบาท เมื่อปี 2556
เบื้องต้น คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเห็นว่า ข้อกล่าวหามีมูล
ต่อมา มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง
สุดท้าย คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยวินิจฉัยว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูล
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายสรศักดิ์ เพียรเวช ก็ลงนามยุติเรื่องแล้ว หลังจากนั้น ล่าสุด ผู้ที่เคยถูกสอบ ก็ได้ดิบได้ดี ขยับขึ้นเป็นรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งตรวจสอบโครงการปรับปรุงห้องประชุมดังกล่าว ได้ทำข้อโต้แย้งรายงานผลการสอบของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย สรุปความว่า ไม่เห็นพ้องกับรายงานผลการสอบสวนทางวินัย เนื่องจากตามผลการสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 ราย เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดจ้าง ได้อนุญาตให้บริษัทเอกชนรายหนึ่งเข้าปรับปรุงห้องประชุมดังกล่าว ก่อนลงนามในใบสั่งจ้าง เป็นการปฏิบัติไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุฯ มีการนำเสนอเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (ขณะนั้น) พิจารณาอนุมัติลงนามในใบสั่งจ้าง ก่อนได้รับอนุมัติเงินประจำงวดจากสำนักงบประมาณ
เรียกว่า ดำเนินการรับลูกส่งกันเป็นขบวนการ แต่คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงกลับไม่ได้นำบทกำหนดโทษตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุฯ มาพิจารณาแต่อย่างใด
มันแปลกดีมั๊ย?
2. ลองย้อนกลับไปทบทวนว่า ที่ผ่านมา มีกรณีครหาทุจริตโกงกินมากมายแค่ไหน มีการเปิดเผยข้อมูลอื้ออึงขนาดไหน แล้วปัจจุบัน เรื่องก็ค่อยๆ หายไปอย่างเงียบๆ
2.1 กรณีการจัดซื้อนาฬิกาเรือนละ 75,000 บาท มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท
อ้างว่า ปรับปรุงระบบนาฬิการะบบอนาล็อกไปเป็นระบบดิจิตอล
ปัจจุบัน นาฬิกาตายไปนานแล้ว ถูกเก็บศพไปนานแล้ว
แต่ศพของคนที่รับผิดชอบ ยังเดินเหินไปมาได้อยู่ ผิดวินัยไม่ร้ายแรง
2.2 โครงการปรับปรุงลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 วงเงิน 13.9 ล้านบาท
ผลการสอบสวนพบว่า มีข้าราชการที่ทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง
ยังไม่รวมโครงการปรับปรุงฐานและพื้นที่ฐานของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ อีกต่างหาก
2.3 นอกจากนี้ ยังมีสารพัดโครงการ เช่น
โครงการปรับปรุงห้องออกกำลังกาย พร้อมอุปกรณ์ ที่สโมสรรัฐสภา ห้องฝึกอบรมข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และปรับปรุงห้องสื่อมวลชนรัฐสภา 27.5 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงห้องน้ำอาคารสโมสรรัฐสภาและสโมสรเล็ก ปรับปรุงห้องสุขา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ประดิพัทธ์ 16.8 ล้านบาท
โครงการจัดสร้างห้องจำหน่ายสินค้าที่ระลึกของรัฐสภา และห้องรับเรื่องร้องทุกข์ 3.8 ล้านบาท
โครงการจัดสร้างห้องจำหน่ายตั๋ว 2.6 ล้านบาท
โครงการจัดจ้างบริการกำจัดขยะบริเวณภายในรัฐสภา
โครงการจัดจ้างกำจัดปลวก ยุง มด แมลงสาบ หนู บริเวณพื้นที่รัฐสภาและอาคารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
โครงการปรับปรุงพื้นถนน ท่อระบายน้ำและสร้างอาคารเก็บขยะ ฯลฯ
โครงการเหล่านี้ ถูกแฉ ถูกตรวจสอบ แต่ปัจจุบัน ยังไม่มีความชัดเจนว่า ใครผิด ใครโกง ใครต้องรับผิดชอบ ใครต้องถูกลงโทษอย่างไร?
2.4 ยังไม่นับกรณีสินบนข้าวชาติอื้อฉาว
โผล่มาพันกับการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐสภาไทยกับเขาด้วย
โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา แถลงว่า มีการจ่ายสินบนแก่บุคคลที่อ้างตัวเป็นที่ปรึกษาในโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ในรัฐสภาไทย อันเป็นโครงการที่เกิดขึ้นในปี 2549
ระบุถึงขนาดว่า บริษัทลูกของไทโคในไทย จ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้กับ “ที่ปรึกษาคนหนึ่ง” เพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาการติดตั้งกล้องวีดีโอวงจรปิด (ซีซีทีวี) ในรัฐสภาไทย
ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อสรุปว่าสอบพบการทุจริตประพฤติมิชอบของใครในฝ่ายของรัฐสภาไทย ยังไม่พบว่ามีการเอาผิด ลงโทษใครเลย
3. ยังมิได้เอ่ยถึงการดำเนินการโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งมีโครงการย่อยหลายโครงการ
มีปัญหาตั้งแต่การจัดการดิน การบริจาคดินไม่โปร่งใส การขนดินไปไว้ที่เอกชน
การขายดินให้เอกชนราคาถูก แล้วเอกชนที่ซื้อไปก็มีฐานะเป็นผู้ขายดินให้งานก่อสร้างธนาคารแห่งหนึ่งไม่ไกลกัน รัศมีไม่เกิน 10 กม. ในราคาแพง
ยังต้องจับตาโครงการออกแบบและจัดหาระบบสารสนเทศ สำหรับรัฐสภาใหม่ด้วย
มูลค่างบที่อนุมัติวงเงินแล้ว 3,570 ล้านบาท ยังมีงานที่อยู่ระหว่างการออกแบบ แต่ยังไม่รับการอนุมัติจำนวน 4,700 ล้านบาท (รวมเป็นเงินกว่า 8,000 ล้านบาท)
ทั้งหมด จะดำเนินการโปร่งใสตามมาตรฐานเดิมๆ หรือสร้างบรรทัดฐานใหม่
ในยุค คสช. จะปล่อยให้รัฐสภาปนเปื้อนด้วยรอยมลทิน ไม่ล้างบางกันจริงจัง สะสางเพื่อประเดิมรับการปฏิรูปการเมืองยุคใหม่ ดอกหรือ?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี