พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเรียนรู้การเอ่ยวาจาใดๆ ก็ตามในช่วงเวลานี้ จาก “ลุงกำนัน” คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ไม่ว่าจะได้กล่าวอะไรไว้ ทำให้คนเข้าใจอย่างไร ในภายหลัง คำพูดและความเข้าใจนั้น จะกลับมา “มัดตัว” และเป็นข้อที่คนตำหนิ โจมตี หรือรู้สึกว่าตระบัดสัตย์ได้
เช่น 5 มิ.ย.2561 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีการจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นแกนนำ ว่า
วันนี้มีพรรคตั้งใหม่หลายสิบพรรค ซึ่งก็เป็นไปตามกติกาหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งเรื่องคุณสมบัติ สมาชิกพรรค เงินสนับสนุนพรรค ถือเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น ควรจะเกิดขึ้นกับการเมืองไทย ไม่ใช่ตนต้องการไปลดสมาชิกพรรคของเขา เพื่อสนับสนุนพรรคที่สนับสนุนรัฐบาล นั่นเป็นคนละเรื่องกัน จริงๆ แล้ว ถ้าใครจะเป็นตัวแทนประชาชน จะต้องมีความชัดเจนในเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมาชิกพรรค การใช้จ่ายอะไรต่างๆ เพื่อจะได้มีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล
“ดังนั้น ไม่ว่าจะพรรคใคร พรรคของนายสุเทพ หรืออะไรต่างๆ ถ้ามีความตั้งใจจริง ก็ขอให้ประสบความสำเร็จ แสดงความยินดีด้วย พรรคใดก็ได้ ใครก็ได้ ที่จะนำพาประเทศชาติของเราให้เข้มแข็ง เป็นรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล มีการปฏิรูปตามยุทธศาสตร์ชาติ นั่นคือสิ่งที่ผมสนับสนุนทุกพรรค ซึ่งเคยบอกไปแล้ว ไม่ใช่เพราะเขามาสนับสนุนผม รัฐบาล คสช.แล้วผมจะต้องสนับสนุนเขากลับ แต่ผมสนับสนุนทุกพรรค ถ้ามีความสร้างสรรค์” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุด ทุกคนลืมไปหรือไม่ ไม่ว่าจะพรรคใดก็ตามจะเป็นพรรคเก่าหรือใหม่ ทั้งพรรคที่สนับสนุนตน หรือตนสนับสนุนพรรคนั้น ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือประชาชนจะเป็นผู้กาบัตรเลือกตั้ง
“ผมไม่ได้เข้าไปกับประชาชนทุกคนด้วยในการเลือกตั้ง เข้าคูหาผมก็ไม่ได้เข้ากับเขา ผมจึงบังคับวิถีไม่ได้ ต่อให้คนชอบผมทั้งประเทศ แต่เวลาเลือกตั้ง เขาไม่ได้เลือกผมใช่ไหม เขาเลือก สส.แล้วผมเป็น สส.ได้หรือไม่ ทำไมมามองกันแต่ตรงนี้จนวุ่นวายไปหมด ผมลงเลือกตั้งไม่ได้ แต่มันก็เป็นเรื่องของกลไกในรัฐธรรมนูญ และกลไกการเลือกตั้ง พ.ร.บ.สส. และ สว.ทั้งหมดเขียนไว้อยู่แล้วว่าใครจะเป็น อะไรตรงไหนบ้าง มันต้องอยู่ในกรอบนี้ ใครจะไปใครจะมาประชาชนเป็นผู้ตัดสินทั้งสิ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้เรากำลังสร้างการรับรู้ว่าจะมีประชาธิปไตยสากล จะมีการเลือกตั้งแล้ว แต่ยังคงตีกันไปมาเช่นนี้ แล้วใครจะเชื่อมั่น เชื่อถือเรา วันนี้บ้านเมืองมีเสถียรภาพการลงทุน เกิดขึ้นมากมายพอสมควร เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น แล้วเราจะทำลายกันไปทำไม วันนี้จะเลือกตั้งอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันเลือก เหลือเวลาอีกหลายเดือน ทุกคนก็ทำเหมือนเป็นยกสุดท้าย สื่อโซเชียลมีเดีย ก็ประโคมปี่กลองเชิดกันใหญ่ ต้องน็อกกันให้ได้ แล้วอย่างนี้ประเทศชาติจะไปตรงไหนกัน ตนขอถามหน่อย ทำไมเราไม่ทำให้บ้านเมืองมีความสุขสงบเรียบร้อย ให้ทุกคนเคารพกฎหมาย ไม่ละเมิดผู้อื่น หรือให้ร้ายโดยไม่มีข้อเท็จจริง
สิ่งเหล่านี้ต้องเตือนประชาชน สื่อก็รู้อยู่แล้ว เปิดโซเชียลมีเดียมา ด่าต่อว่ากันทั้งสองข้าง บางเว็บไซต์ด่ากันทั้งเว็บ คนหนึ่งด่าคนหนึ่งแก้ เป็นอยู่อย่างนี้แล้วจะปรองดองกันได้หรือไม่ จึงต้องหาวิธีสร้างสรรค์ ทั้งสองฝ่ายต้องการอะไร แล้วบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ดังนั้น อย่ากล่าวให้ร้ายกันต่อไปอีกเลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า วันข้างหน้ามีการเลือกตั้งจะเกิดเหตการณ์ยิ่งกว่านี้หรือไม่
ในเมื่อทุกคนอยากเลือกตั้ง ก็ควรต้องสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้ประชาชนเข้าใจนโยบายรัฐบาลต่อไป การจะมาเป็น สส.ต้องทำงานอย่างไร ต้องสร้างการรับรู้เช่นนี้ ถึงจะเกิดการปรองดอง ประเทศเดินหน้าสู่ความสุขสงบ ตามวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
“แต่ถ้าตีกันตั้งแต่วันนี้ มันไม่ใช่ ทุกคนต้องการอย่างนั้นหรือไม่ ขอถามสื่อโซเชียล ต้องการแบบนี้หรือไม่ ถ้าต้องการกันแบบนี้ ท่านก็ทำกันต่อไป ผมก็จะทำเท่าที่ผมทำได้ บางเรื่องกฎหมายก็ใช้ไม่ได้ทุกตัว เพราะจะเดือดร้อนกับคนอื่นที่เกี่ยวข้องกันไปหมด อย่าลืมว่ามีคนสนใจการเมืองส่วนหนึ่ง แต่ส่วนหนึ่งก็ไม่ได้สนใจ หากแต่ทำมาหากินเลี้ยงชีพกันต่อไป ไม่สงสารเขาหรือ ถ้าเกิดความวุ่นวายแล้วเขาหากินกันไม่ได้ จะทำอย่างไร เศรษฐกิจจะไม่แย่ลงกว่าเดิมหรือ การลงทุนจากต่างประเทศจะชะงักหรือเปล่า ไม่มองอนาคตกันบ้างหรือ จะตีกันตั้งแต่วันนี้กันหรืออย่างไร เอาประเทศชาติมาก่อน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ที่พล.อ.ประยุทธ์กล่าวมานั้น ถูกต้องหมดเลย และสมควรที่ทุกฝ่ายจะต้องนำไปคิด แต่ผมติดอยู่ตรงข้อความที่ว่า...
“แต่เวลาเลือกตั้ง เขาไม่ได้เลือกผมใช่ไหม เขาเลือก สส. แล้วผมเป็น สส.ได้หรือไม่ ทำไมมามองกันแต่ตรงนี้จนวุ่นวายไปหมด ผมลงเลือกตั้งไม่ได้ แต่มันก็เป็นเรื่องของกลไกในรัฐธรรมนูญ และกลไกการเลือกตั้ง พ.ร.บ.สส. และ สว.ทั้งหมดเขียนไว้อยู่แล้วว่าใครจะเป็น อะไรตรงไหนบ้าง มันต้องอยู่ในกรอบนี้”
ข้อความนี้ต้องการการอธิบายที่ดี ที่สมบูรณ์ เพราะเท่าที่พูดไว้นี้ มีโอกาสกลับมากระทบผู้พูดได้ในอนาคต
1) เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ สมัคร สส. ไม่ได้ เพราะไม่ได้ลาออกตามระยะเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนด
2) จะลาออกตอนนี้ก็ไม่ทัน แถมคณะรัฐมนตรีต้องพ้นตามไปด้วย บ้านเมืองยิ่งวุ่นใหญ่
3) แต่ไม่ได้แปลว่า จะมีบางพรรค เอาชื่อท่านไปใส่เพื่อเสนอเป็นนายกฯ ตามกฎหมายไม่ได้ ตรงนี้ท่านต้องพูดให้ชัด ว่าจะอนุญาตให้ใครเอาไปเสนอไหม ก่อนถึงจุดนั้น ท่านเอาอำนาจ เอางบประมาณ ไปเอื้อให้พรรคหรือกลุ่มคนนั้นๆ สร้างผลงาน สร้างคะแนนนิยม เป็นการเอาเปรียบคนอื่นเขาไหม
4) หรือแม้แต่การตั้งกลุ่มพลังชลขึ้นมา ได้อำนาจ ได้งบประมาณไป “สร้างผลงานในพื้นที่” อันนี้ก็ไม่น่าเกลียดใช่ไหม หากในภายหน้า คนกลุ่มนี้จะเสนอท่านเป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่ทำตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญ คือ เสนอชื่อท่านหลังจากในสภาเลือกกันไม่ได้สักที (เพราะการโหวตรับรองคนที่มีชื่อตามกฎหมายเลือกตั้ง ไม่มีใครชนะเสียที เนื่องจากไม่ยอมโหวตกันให้ใครสักคนชนะ เพื่อนำมาสู่ก๊อกสองนี้ จะเป็นไปได้ไหม)
5) คำว่า “ผมลงเลือกตั้งไม่ได้ แต่มันก็เป็นเรื่องของกลไกในรัฐธรรมนูญ และกลไกการเลือกตั้ง พ.ร.บ.สส. และ สว.ทั้งหมดเขียนไว้อยู่แล้วว่าใครจะเป็น” ท่าต้องอธิบายให้กระจ่าง ไม่งั้นภายหลังคนจะมองว่าท่าน “เลี่ยงบาลี-ญาติศรีธนญชัย” เหมือนที่ลุงกำนัน หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กำลังโดนอยู่ตอนนี้
6) นายสุเทพ พูดไว้ตอนเป็นผู้นำมวลมหาประชาชน ว่าไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ทางการเมือง หลังจบภารกิจนี้ จะไม่หวนกลับไปลงเลือกตั้ง หรือรับตำแหน่งทางการเมืองใดๆซึ่งตอนนั้นคนเข้าใจว่า “วางมือทางการเมืองไปเลย” ก็เลยสบายใจ ไว้ใจ เชื่อใจ ว่าสู้ด้วยหลักการและเหตุผลอันบริสุทธิ์ จึงเข้าร่วมอย่างสะดวกใจ ครั้นมา “ร่วมก่อตั้ง” พรรครวมพลังประชาชาติไทย มรสุมเรื่อง “สัจวาจา” ก็ถาโถมเข้าถล่ม
7) ผมเอง เขียนไว้ในเฟซบุ๊ค ปู จิตกร บุษบา ไว้ว่า
“ทำไมผมไม่รู้สึกอะไรเลยที่ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” ตั้งพรรคการเมืองร่วมกับผู้คนฝั่ง ม.รังสิต เพราะผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากเขา ภารกิจที่เราร่วมทำกับเขาในฐานะมวลมหาประชาชนจบลงไปแล้ว
เขาไม่ใช่นายเรา เราไม่ใช่นายเขา เราเพียง “เคย” ร่วมทำหน้าที่ตามที่เราเชื่อว่าดีต่อบ้านเมืองของเรา ถูกต้องต่อหลักการร่วมกัน และเราเห็นเขาเป็น “ผู้นำที่ดี” ในเวลานั้น เราจึงออกไปร่วม เพื่อชาติ มิใช่เพื่อเขา เมื่อภารกิจจบ ก็เก็บไว้ซึ่งความทรงจำที่ดี
ชีวิตหลังจากนั้น เป็นการเลือกของเรา ของเขา ไม่ก้าวก่ายกัน จะร่วมกันต่อหรือไม่ร่วมกันต่อ ก็อยู่ที่ว่า เราศรัทธาเขาไหม ในสถานการณ์นี้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนั้น คนละกรรม คนละวาระกันแล้ว
จึงไม่จำเป็นต้องก่นด่ากัน ว่าตระบัดสัตย์ พลิกลิ้น ถ่มน้ำลายขึ้นฟ้า รดหน้าตัวเอง หรืออะไร เขาเลือกอย่างนั้น เราเลือกเขาไหม นี่คือขอบเขตระหว่างเขากับเรา เขาเคยด่าเราไหม? เขาเคยมาก้าวก่ายกับการเลือก การชอบ การไม่เลือก การไม่ชอบของเราไหม? ดังนั้น ชีวิตเขาเขาเลือก ชีวิตเราเราเลือก หากในสถานการณ์นี้ ดูแล้วไม่ศรัทธา ไม่สง่างาม ไม่มีสัจจะ ก็ไม่เลือก แค่นั้นแหละ จะไปต่อว่าเขา ก็เปลี่ยนเขาไม่ได้ เขาแน่วแน่ในสิ่งที่เขาเลือก เราก็มาเลือกในส่วนของเราสิ ไปวุ่นวายกับเขาทำไมล่ะ
เพียงแต่ผมรู้สึกตลกนิดๆ เท่านั้นเอง เพราะรอดูว่า คุณสุเทพจะ “อธิบาย” ยังไง ก็ออกมาในรูป “ผมไม่รับตำแหน่งใดๆ” ไม่ใช่พรรคของผม ไม่ใช่พรรค กปปส. แต่ในทางพฤตินัยแล้ว กลับมีแอ๊กชั่นมากกว่าใครทั้งหมด มีพาวเวอร์ยิ่งกว่าใคร ชวนคนนั้นคนนี้ ไปร่วมงาน ไปทำงาน ไลฟ์เอง ฯลฯ แถมจะออกเดินหาผู้สนับสนุนด้วยรองเท้าคู่เดิมสมัย กปปส. ด้วย 555 ถ้าไม่ใช่เจ้าของพรรคตัวจริง ก็นับเป็น “กัลยาณมิตร” ที่ใจประเสริฐมาก ทำงานหนักยิ่งกว่าว่าที่หัวหน้าพรรคเสียอีก
ขณะที่ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ก็ทำเป็นไม่รู้เรื่อง เขาเสนอผมเป็นหัวหน้าพรรคกันเหรอ ไม่มีใครชวนผมเลยนะ อย่างนั้นอย่างนี้ อีกไม่กี่วัน มาพร้อมแผนการ อุดมการณ์ และทิศทางนโยบายทุกอย่างเลย 555 #เบสิกแอ๊กติ้งมาก
เอาเถอะครับ ในสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้ ใครอยากเสนอตัวทำอะไรเพื่อประเทศชาติก็เป็นสิทธิของเขาที่ควรเคารพ ส่วนสัจวาจา ความจริงใจ ความสามารถนั้น ก็พิจารณากันเป็นส่วนตัวไป คิดในใจ และตัดสินใจก็แค่นั้นเอง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาว้าวุ่นใจของเรา ให้เขาวุ่นของเขาไป ด้วยใจเขา หรือให้เขาสุขของเขา ก็แล้วแต่เขา ไม่เกี่ยวกับเรา มนุษย์ต้องรู้จัก “เคารพการเลือก” ของแต่ละคนบ้าง ยังดีพอที่จะรัก--ก็รักต่อ หากรู้สึกผิดหวัง ตะขิดตะขวงใจ ก็ไม่ต้องไปผูกพันอะไรก็พอ อย่าทำตัวเป็น “เจ้าชีวิต” เขา หันมาจัดการกับชีวิตและการเลือกของเราให้ดีต่อชาติบ้านเมืองก็พอ”
จึงขอเตือน พล.อ.ประยุทธ์ ฉันมิตรว่า มันนี้พูดอะไร พูดให้เคลียร์ อย่าคลุมเครือ อย่าซ่อนเล่ห์ เดี๋ยววันข้างหน้า มีคนเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ และเกิดได้เป็นนายกฯ ขึ้น จะทำงานลำบาก!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี