ในขณะที่รัฐบาล คสช. เพิ่งจะอนุมัติงบกลาง 1,437 ล้านบาท เพิ่มเติมสำหรับโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ครัวเรือนยากจน รายละ 600 บาทต่อคนต่อเดือน ตั้งแต่แรกเกิดจนอายุ 3 ปี ได้รับคำชมว่าตั้งใจช่วยเด็กเล็กที่เกิดในครอบครัวยากจน
แต่ก็เกิดเรื่องบัดซบ น่าอับอาย ในกรณีอาหารกลางวันเด็กที่สุราษฎร์ ถูกจัดให้กินขนมจีนคลุกน้ำปลา
กระทั่งนายกฯ พลเอกประยุทธ์ ถึงกับควันออกหูกลาง ครม.
ล่าสุด มีอีกกรณีที่น่าจะอื้อฉาวไม่แพ้กัน
คราวนี้ เป็นการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ของ อปท. ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
มีรายการอมส้วมเด็กเล็ก
มีรายการก่อสร้างแล้วไม่สามารถเปิดใช้งาน ฯลฯ
โดย สตง. เปิดเผยรายงานการตรวจสอบการดำเนินงาน เงินอุดหนุนเฉพาะกิจก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราช ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดนครศรีธรรมราช กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
มีประเด็นน่าสนใจ โดยสรุป ดังนี้
1. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้จัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559
จำนวน 37 แห่ง
เป็นจำนวนเงินรวม 92,236,000 บาท (92 ล้านบาท)
2.โครงการนี้ ให้ดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามแบบมาตรฐานอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ขนาดไม่เกิน 50 คน ตามแบบที่ สถ.ศพด.1
ขนาด 51-80 คน ตามแบบที่สถ.ศพด.2
และขนาด 81-100 คน ตามแบบที่ สถ.ศพด.3
จากการตรวจสอบการดำเนินโครงการ 32 แห่ง สตง. พบว่า มีปัญหาเกือบทั้งหมด
3. สตง. ตรวจพบการก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กไม่มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย
การก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กไม่เป็นไปตามแบบมาตรฐาน 29 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 90.63
มีการติดตั้งประตูห้องน้ำ ห้องอาบน้ำมีระดับความสูงจากพื้น ขนาดกว้าง ยาว ไม่ถูกต้องตามแบบรูปรายการ ไม่สามารถมองเห็นเด็กจากภายนอกได้ ติดตั้งโถสุขภัณฑ์เด็ก เป็นขนาดผู้ใหญ่ซึ่งไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมกับตัวเด็ก และไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการ
การก่อสร้างห้องน้ำผิดวัตถุประสงค์การใช้งาน มีการปรับเปลี่ยนแปลงห้องน้ำเด็กเป็นห้องน้ำครู โดยไม่รายงานเหตุผลความจำเป็น เพื่อขอทำความตกลงกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย โดยที่การปรับเปลี่ยนห้องน้ำเด็ก เป็นห้องน้ำครู ทำให้ห้องน้ำเด็กมีไม่เพียงพอ และไม่เป็นไปตามสัดส่วนมาตรฐานของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่กำหนดให้โดยเฉลี่ย 1 ที่ต่อเด็ก 10-20 คน
นอกจากนี้ พบว่า งานก่อสร้างมีความชำรุด บกพร่อง แตกร้าว ติดตั้งไม่สมบูรณ์เรียบร้อย จำนวน 16 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 50 เช่น ไม้ฝ้าระแนงใต้หลังคาชำรุด หลังคารั่วทำให้ฝ้าเพดานชำรุดเสียหาย ประตูห้องน้ำชำรุด ระบบไฟฟ้าห้องครัวไม่ทำงาน หลอดไฟฟ้าเสียใช้งานไม่ได้
เป็นการใช้จ่ายเงินงบประมาณไม่เกิดความคุ้มค่า เนื่องจากการก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่มีสภาพชำรุด ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์
4. สตง. ยังตรวจพบว่า ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่เปิดให้บริการการเรียนการสอนแก่เด็กปฐมวัย จำนวน 11 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 34.38
และในจำนวนนี้ มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจำนวน 10 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 90 ที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วนานมากกว่า 5 เดือน ยังไม่สามารถ เปิดให้บริการด้านการเรียนการสอนตามวัตถุประสงค์ ส่งผลให้เด็กปฐมวัย ในพื้นที่องค์กรปกครองท้องถิ่นไม่สามารถเข้ารับบริการจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กได้
เนื่องจาก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขาดการเตรียมความพร้อมพื้นที่โดยรอบอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ต้องมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ การก่อสร้างรั้วรอบอาคาร การปรับปรุงกั้นห้องเพิ่มเติม และบางแห่งยังไม่มีการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อประโยชน์ในการใช้สอย การเดินทาง ความปลอดภัย และขาดการติดตามประเมินผลด้านการใช้ประโยชน์
อนิจจา สร้างแล้วไม่มีปัญญาต่อกระแสไฟฟ้า
อุตส่าห์ใช้เงินแผ่นดินในการก่อสร้างอาคารไปรวมๆ เกือบร้อยล้านบาท
ขอไว้อาลัย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี