รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับกำหนดว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” หรือในทางสากลเรียกว่า “ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ”
นั่นก็คือ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์และประมุขของประเทศ มีอำนาจการปกครองราชอาณาจักรไทยตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
คณะรัฐบาลมีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่ว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน
เพราะฉะนั้น รัฐบาลไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือการปฏิวัติรัฐประหาร จึงมีบทบาทหน้าที่ในการบริหารเท่านั้น ไม่ใช่มีบทบาทในการปกครอง มีอำนาจหน้าที่ตามวาระที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ประชาชนไม่ได้เลือกมาเป็นผู้ปกครอง
แม้จะยึดอำนาจมาก็ตาม รัฐบาลที่ได้มาจากการยึดอำนาจ ก็ไม่ใช่ผู้ปกครอง เพราะยังมีองค์รัฏฐาธิปัตย์อยู่ จะทำอะไรต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ให้มาก
องค์รัฏฐาธิปัตย์ เป็นผู้ทรงสิทธิ์ในการประกาศใช้กฎหมาย ในการบังคับใช้ในรัฐนั้นๆ ไม่สังเกตบ้างหรือว่า ในการรัฐประหารทุกครั้ง คณะรัฐประหารจะยึดเอาอำนาจการปกครอง ด้วยการประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ในขณะนั้น และใช้ประกาศ หรือคำสั่งของคณะผู้ยึดอำนาจนั้นเป็นกฎหมายแทน
เราจะพบว่า ทุกครั้งที่มีการทำรัฐประหาร ในวันแรกของการทำรัฐประหาร ก็จะมีประกาศยืนยันว่าจะมีการขอเข้าเฝ้า เพื่อถวายรายงานพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเท่ากับการยอมรับในความเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ของพระมหากษัตริย์ยังคงมีอยู่ไม่ขาดตอน พระมหากษัตริย์จึงยังคงเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ ไม่ใช่คณะรัฐประหาร
คณะรัฐประหารเพียงเข้ามาทำงานในหน้าที่ผู้บริหารไม่ใช่เข้ามาเป็นผู้ปกครอง เป็นผู้บริหารบ้านเมืองในช่วงหนึ่งเพียงชั่วคราว ถ้ามีการจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นรัฐบาลชั่วคราว หรือรัฐบาลเฉพาะกาล เท่านั้น ในระยะเวลาหนึ่ง เสมือนอะไหล่รถยนต์เทียมที่นำมาใช้ของแทน มีอายุงานที่ใช้สั้นกว่า และคุณภาพด้อยกว่าของจริง
แม้กระทั่งการที่คณะรัฐประหารจะมีประกาศ หรือมีกฎหมาย หรือมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่ตนจัดทำขึ้นมาประกาศใช้ ก็ยังต้องมีบทบัญญัติที่จะไม่เอาผิดในสิ่งที่ได้กระทำไประหว่างการยึดอำนาจในครั้งนั้นๆ
อำนาจฝ่ายบริหารคือการบังคับใช้ให้เป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น นักการเมืองหรือผู้เข้ามาทำหน้าที่บริหารบ้านเมือง ในขณะที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเป็นผู้ปกครองประเทศ
คณะรัฐประหารควรต้องมีความเข้าใจในเรื่องต่างๆเหล่านี้ ว่าตนเองนั้นมีภาระหน้าที่เป็นเพียงผู้บริหารในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เป็น
ผู้ปกครอง
จะทำอะไร จะคิดอะไร หรือพูดอะไร ควรระมัดระวังให้ดีในสถานะอันแท้จริงของตน ว่าตนเองนั้นเป็นเพียงผู้บริหาร มีหน้าที่ในการจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆที่ต้องแก้ไขสำเร็จลุล่วง ไม่ได้เป็นผู้ปกครองผู้คนในบ้านเมือง กฎหมายใด ข้อบังคับใดที่มีอยู่ โดยเฉพาะกฎหมายหรือข้อบังคับที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมา ก็ต้องจัดการบริหารให้เป็นไปตามนั้น
ตราบใดที่ประเทศชาติบ้านเมืองยังมี “การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติย์ทรงเป็นประมุข” ตราบนั้นทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นอย่างนี้
เมื่อเข้ามายึดอำนาจแล้วก็ต้องใช้อำนาจให้ถูกต้อง
อย่าใช้อำนาจในลักษณะเป็นผู้ปกครอง
หน้าที่สำคัญของการเป็นผู้บริหารบ้านเมืองในขณะนี้ คือการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น และเผชิญอยู่กับผู้คนในบ้านเมืองในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาในชีวิตประจำวันของผู้คนในเรื่องต่างๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ ซึ่งความเป็นอยู่ของชีวิตในแต่ละวันช่างยากเข็ญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำมาหากิน หนี้สินทั้งของส่วนตัวและของครอบครัวที่มีแต่เพิ่มขึ้น ไม่มีงานทำ บางคนมีงานทำแต่ต้องถูกเลิกจ้างด้วยเหตุผลต่างๆ ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้บริหาร
ผู้ได้อำนาจรัฐไปถือ และกำลังทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองต้องบริหารจัดการกับเรื่องต่างๆเหล่านี้ให้ได้ มีอำนาจแล้ว ต้องระมัดระวังในการใช้อำนาจโดยไม่ฟังใคร หรือใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น ใช้อำนาจไปในทางเพื่อประโยชน์ตนหรือพรรคพวก หรือจัดลำดับความเร่งด่วนของปัญหาต่างๆไม่ถูกต้อง ว่าอะไรควรจะทำก่อน อะไรควรจะทำภายหลัง อย่างที่เห็นๆกันอยู่ในขณะนี้ หรือแต่ละวันเอาแต่โมโหโทโส พูดจารุนแรงกับผู้คน ใช้จ่ายเงินภาษีของผู้คนไม่ระมัดระวัง แม้ตัวเองจะไม่ได้ทำ แต่ก็ต้องระมัดระวังคนรอบข้างด้วย ที่ชอบเสนอโน่นเสนอนี่อย่างหวังผลในการโฆษณาชวนเชื่อให้คนเข้าใจผิด และหลงคารม
ลักษณะและพฤติกรรมอย่างนี้ไม่ใช่ผู้บริหารที่ดี
ความอิจฉา ริษยา ประชดประชัน ต้องขจัดออกให้หมด การเป็นผู้บริหารที่ดีนั้น ต้องยินดีรับฟังมากกว่าปฏิเสธ ความอดทน อดกลั้น ต้องนำมาใช้ให้มากที่สุด
เพราะเราเป็นเพียงผู้บริหาร ไม่ใช่ผู้ปกครอง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี