เชื่อว่าเรื่องโครงสร้างราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า ฯลฯ...ยังคงเป็นประเด็นที่คนส่วนใหญ่ในสังคมยังสับสน สงสัย และอยากจะรู้ความจริงที่มันกระจ่างชัดมากกว่านี้...หลายครั้งหลายหนมีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาผ่านทางโลกโซเชียล แม้จะถูกบ้างผิดบ้าง...แต่คนไทยไม่น้อยก็เชื่อไปตามนั้น...ไม่ว่าหลายภาคส่วนทั้ง กระทรวงพลังงาน กลุ่มปตท.จะออกมาชี้แจงสักเท่าไหร่...ก็ไม่ได้ทำให้คนเชื่อและเข้าใจในข้อมูลเหล่านั้นสักเท่าไหร่....
และเชื่อได้เลยว่าเรื่องราวแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นต่อไปอีกหลายครั้งหลายหน....แว่วว่าสัปดาห์หน้าเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย(คปพ.) ...จะไปยื่นหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน...ถึงข้อเสนอว่าจะทำอย่างไรให้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศถูกลงได้กว่านี้อีก...
ข้อเสนอที่ว่านี้ก็เช่น 1.ให้โรงกลั่นน้ำมันกำหนดราคาขายในประเทศเช่นเดียวกับการส่งออกไปสิงคโปร์ โดยไม่ต้องมีการเปรียบเทียบต้นทุนการนำเข้าจากสิงคโปร์เพราะราคาส่งออกจำหน่ายในราคาต่ำกว่าการขายในประเทศ 2.ให้ยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและใช้ภาษีสรรพสามิตเข้ามาเป็นกลไกดูแลราคาน้ำมันแทน 3.ให้งดการจัดเก็บกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่จัดเก็บ 10 สต./หน่วย เพราะขณะนี้เงินกองทุนมีสูงถึง 41,000 ล้านบาท และมีการใช้อุดหนุนข้ามประเภทที่นำเงินจากผู้ใช้น้ำมันไปอุดหนุนด้านไฟฟ้า 4.ส่วนราคาก๊าซหุงต้มเฉพาะภาคครัวเรือนควรกลับไปใช้สูตรในอดีตที่อ้างอิงราคาตะวันออกกลางไม่เกิน 333 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เพื่อทำให้ราคาภาคครัวเรือนไม่เกิน 10 บาท/กก. 5.ราคาเอทานอล ก็ควรปรับสูตรให้ราคาแพงกว่าราคาอ้างอิงตลาดโลกไม่เกินร้อยละ 10 จะช่วยทำให้ราคาลดลงได้อย่างน้อย 3-4 บาท/ลิตร จากที่ปัจจุบันราคาไทยสูงกว่า บราซิลประมาณ 9 บาท/ลิตร ก็ควรจะสูงกว่าไม่เกิน 6-7 บาทต่อลิตร 6.ในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่มในสูตรน้ำมันก็ควรจะคิดเฉพาะเนื้อน้ำมันเท่านั้นไม่ควรคำนวณราคาสุดท้ายที่รวมภาษีอื่นๆ และเงินกองทุนฯต่างๆ เข้าไปด้วย ฯลฯ
เบื้องต้นทราบมาว่า กระทรวงพลังงานก็รู้แล้วว่า ทาง คปพ.จะยื่นหนังสือ...แล้วก็พร้อมจะรับไว้ ส่วนข้อเสนอหรือข้อเรียกร้องแต่ละข้อนั้น...เกี่ยวข้องกับหน่วยงานใด...กระทรวงพลังงานจะมอบหมายให้หน่วยงานนั้นพิจารณา หรือ ชี้แจง...
เศรษฐศาสตร์วันหยุด...เชื่อว่าประเด็นที่สังคมจะโฟกัสมากที่สุดก็คือ...ทำไมประเทศไทยต้องอิงราคาน้ำมันจากตลาดสิงคโปร์...ทำไมน้ำมันที่ส่งออกราคาต่ำกว่าราคาขายในประเทศ..
ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีหลายส่วนออกมาชี้แจงบ้างแล้วล่ะว่า...เพราะเป็นน้ำมันคุณภาพต่ำกว่าข้อกำหนดคุณภาพมาตรฐานที่ไทยใช้อยู่...เพราะโรงกลั่นมีต้นทุนขนส่งนำเข้าน้ำมันดิบเข้ามากลั่น มีค่าประกันและสูญเสียอื่นๆ…เพราะสิงคโปร์ไม่มีการสำรองน้ำมันทางกฎหมาย แต่ของไทยสำรองสูงถึง 6% ซึ่งถือเป็นต้นทุนของโรงกลั่น...ฯลฯ
ประเด็นมันอยู่ที่สังคมนั้นปักใจเชื่อในข้อสงสัยไปแล้ว...แต่กังขาในคำตอบที่ได้รับ..เพราะไม่มีคนกลางที่เชื่อถือได้มาการันตีข้อมูลที่ชี้แจงออกมานั่นเอง...ถ้ากระทรวงพลังงานจะทำให้สังคมหายสงสัย...ก็ต้องไม่ให้ ปตท.หรือ หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงพลังงานชี้แจงเท่านั้น...ต้องมีคนกลางจากภายนอกได้เอาข้อมูลมาบอกด้วย...สังคมจะได้นำเอาไปเปรียบเทียบและตัดสินได้ถูกต้องบนพื้นฐานข้อมูลที่รอบด้าน...!! แต่ถ้ายังเป็นแค่เถียงกันไปมา 2 ฝ่าย..สังคมก็ยังสับสนเหมือนเคย...
พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี