บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง วิเคราะห์ หุ้นบริษัท บัตรกรุงไทยหรือ KTC เราปรับเพิ่มคำแนะนำของ KTC จากเดิม “ถือ” มาเป็น “ซื้อ” เนื่องจากบริษัทประกาศกำไรในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 เติบโตสูงถึง 66% YoY มาอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท และคาดว่าจะสูงขึ้นในครึ่งปีหลังของ 2561 และปี 2562 อันเป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สูญฯ ลดลง เราปรับเป้าหมายการลงทุน ณ สิ้นปี 2562 ขึ้นเป็น 43 บาท
KTC จะประกาศกำไรไตรมาส 3/61 ที่ 1.15 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% YoYเนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อและตั้งสารอง
หนี้สูญฯที่ลดลง คาดว่าบริษัทจะประกาศการขยายตัวของการปล่อยสินเชื่อ 7% YoY และ 2% QoQ มาอยู่ที่ 73.5 พันล้านบาท ในไตรมาส 3/61 จากการเติบโตของการปล่อยสินเชื่อรายบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิต ประมาณการสำรองหนี้สูญฯสุทธิสำหรับไตรมาสนี้อยู่ที่ 690 ล้านบาท ลดลง 25% YoY เนื่องจากกิจการมีสัดส่วนการตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญฯ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน อยู่สูงถึง 605%
ผู้บริหารคาดการณ์ว่าการปล่อยสินเชื่อจะเติบโตขึ้น 10% ในปี 2561 จากเดิม 7% ในปี 2560 KTC มีเป้าหมายที่จะขยายการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 15% โดยการออกแคมเปญโปรโมชั่น และเพิ่มร้านค้าใหม่ๆ เราคาดว่าการปล่อยสินเชื่อปี 2561 จะเติบโตที่ 10% สอดคล้องกับเป้าหมายของ KTC หากเรายังคงมุมมองเชิงอนุรักษ์ต่อการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตว่าจะเติบโต 7% ในปี 2561 หาก KTC บรรลุเป้าหมายการเติบโตของการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้จะกลายเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการของเรา
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2561 KTC มี อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสมต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สูงที่สุดในกลุ่มที่ 605% ผู้บริหารเชื่อว่าอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสมต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทสูงเกินพอสำหรับมาตรฐานบัญชีใหม่ IRRS9 (ที่เพิ่งประกาศเลื่อนใช้เป็นปี 2563) KTC กล่าวว่า บริษัทมีแนวโน้มลดอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญฯตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2561(แม้ว่าผู้บริหารจะไม่ให้คำแนะนำถึงค่าเครดิตคอสว่าจะเป็นเท่าใด) ทั้งนี้เราคาดการณ์อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญฯที่ 2.4 พันล้านบาท ในปี 2561 ลดลง 36% YoY และ อยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท ในปี 2562
KTC แจ้งว่าการพัฒนาระบบอินเตอร์เนต/แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือจะดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นที่มาก (ต้นทุนการหาลูกค้า) และช่วยประหยัดค่าการตลาด (การจัดอีเว้นท์) กิจการเริ่มโครงการนี้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/60 ทำให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลงจาก 50.4% ในปี 2559 มาอยู่ที่ 47.5% ในปี 2560 และ 46.8% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 เรายังคงมองมุมมองเชิงอนุรักษ์นิยม โดยยังไม่ได้นำการปรับลดต้นทุนมาประเมิน เราคาดว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 47.1% ในปี 2561 และ 49.3% ในปี 2562 หากค่าใช้จ่ายการตลาดลดลงอย่างมากเนื่องจากตัวแอพลิเคชั่นบนมือถือ/อินเตอร์เนต จะส่งผลให้ประมาณการของเราเพิ่มขึ้นปี 2561 และ 2562
ที่มา : บล.บัวหลวง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี