วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
nn วันนี้ต้องจับตาผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในประเด็นการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยว่าจะออกมาในทิศทางใด...จะปรับมาอยู่ในช่วงขาลงทันทีทันใดตามทิศทางของภาวะการเงินของโลกหรือเปล่า...หรือจะยังคงนิ่งๆไว้ก่อนสวนทางกับทิศทางของดอกเบี้ยในตลาดการเงินของโลก....
ต้องยอมรับว่าตลอดปีนี้ ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกนั้นอยู่ในช่วงชะลอตัว ทำให้ธนาคารกลางในประเทศต้องตัดสินใจใช้นโยบายดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศ... เช่น ธนาคารกลางออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย และประเทศในกลุ่มอาเซียนอย่าง มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ ตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง
ส่วนธนาคารกลางประเทศหลักๆ ของโลกหลายประเทศก็แสดงท่าทีที่จะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย...เช่น ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ เฟด ซึ่งการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็ตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิม พร้อมทั้งส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 1 ครั้ง ในปีนี้...หลังจากเฟดเริ่มกังวลที่สภาพเศรษฐกิจสหรัฐ เริ่มมีส่อเค้าของการชะลอตัวมากขึ้น...ซึ่งสัญญาณนี้สะท้อนออกมาจากข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัวที่ย่ำแย่....เช่น อัตราการจ้างงานที่ลดลงจากเฉลี่ย 223,000 คนต่อเดือนในปีที่แล้ว เหลือเพียง 155,000 คนในปีนี้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2% อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ตุลาคมปี 2018 โดยล่าสุดอัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนอยู่ที่เพียง 1.6% ฯลฯ....และจากท่าทีของเฟดทำให้ตลาดเงินทั่วโลกคาดธนาคารกลางญี่ปุ่นและยุโรปอาจใช้มาตรการทางการเงินที่ผ่อนคลายเพิ่มเติมอีก....
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2019 ก็มีทิศทางชะลอลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ช่วงต้นปีเป็นต้นมา ซ้ำร้ายยังไม่เห็นภาพของการฟื้นตัวอย่างชัดเจนด้วย (แม้ว่าหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งจะออกมาให้ข่าวปลายปีนี้น่าจะฟื้นตัวได้)...ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ก็มาจากปัจจัยลบหลายอย่าง แต่หลักๆ น่าจะมาจากผลกระทบของสงครามการค้าและค่าเงินบาทที่แข็งค่าที่กระทบต่อการส่งออกไทย นอกจากนี้ ความล่าช้าของการจัดทำงบประมาณในปี 2563 ของรัฐบาลใหม่ อาจทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐต้องชะลอตาม...รวมทั้งการลงทุนภาครัฐที่อาจมาช่วยผลักดันการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชนได้ในช่วงปลายปี ก็อาจจะชะลอตัวไปตามผลของการชะงักงันในการใช้จ่ายเงินงบประมาณ...
ด้วยปัจจัยแวดล้อมทั้งจากภายในและภายนอกประเทศอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนี้เอง..ทำให้ตลาดเงินคาดการณ์ว่า จะเป็นแรงสนับสนุนให้คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยพิจารณาลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ...
แต่ถึงกระนั้นตลาดเงินก็ยังคาดว่าการลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็อาจเป็นไปได้อย่างจำกัด เนื่องจากภาพรวมของตลาดเงินของไทยเองก็มีแรงกดดันหลายอย่าง เช่น กรณีของสินเชื่อรายย่อยในระบบธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มมามากแล้ว ตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ 4.6 ล้านล้านบาท...สวนทางกับสินเชื่อภาคธุรกิจที่แม้ว่าจะได้รับผลบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมานาน แต่อัตราการขยายตัวของสินเชื่อในภาคธุรกิจก็ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำ...โดยตัวเลขในไตรมาสแรกอยู่ที่ 3.4% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 4.4%
อีกตัวเลขหนึ่งที่เป็นแรงกดดันสำคัญคือภาพรวมของหนี้ครัวเรือน ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้กลับต่ำลง...ตัวเลขล่าสุดจากแบงก์ชาติพบว่า... หนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วันหรือ NPL ของสินเชื่อรายย่อยรวมสูงถึง 1.3 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 2.75% ของสินเชื่อทั้งหมด โดยมี NPL ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยสูงสุดประมาณ 7.7 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ NPL สินเชื่อรถยนต์ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 24% สูงแตะระดับ 1.9 หมื่นล้านบาท
สัญญาณเหล่านี้ล้วนบ่งบอกถึงความสามารถในการจ่ายหนี้ที่ด้อยลงของภาคครัวเรือน ดังนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในสถานการณ์แบบนี้ อาจส่งผลเสียต่อเสถียรภาพระบบการเงินได้..เพราะเมื่อดอกเบี้ยลดลงหรืออยู่ในระดับต่ำต่อไปอีก ก็จะไปกระตุ้นการก่อหนี้ของภาคครัวเรือนให้สูงขึ้นอีก....จนในที่สุดอาจจะทำให้ภาคครัวเรือนขาดความสามารถในการชำหนี้อย่างรุนแรง จนส่งผลต่อระบบการเงินในอนาคต
สรุปก็คือว่า ในที่สุดธนาคารแห่งประเทศจะให้น้ำหนักทางไหนมากกว่ากัน...ระหว่างปัจจัยหนุนในการตัดสินใจลดดอกเบี้ย หรือแรงกดดันจากภาพรวมของตลาดเงินในประเทศที่เป็นข้อจำกัดในการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย....กระบองเพชร

‘อบต.เหล่าหมี มุกดาหาร’จัดงานลอยกระทง งดพลุ แสง สี เสียง
‘นายกฯอนุทิน’ตอบเอง หลังชาวเน็ตโฟกัส‘ซิป’ งานนี้ฮาไม่เบา
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี แปลอักษรถวายความอาลัย'สมเด็จพระพันปีหลวง'
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก‘อบต.นาฝาย ชัยภูมิ’นำเด็กฝึกทำกระทงใบตอง ลดค่าใช้จ่ายวันลอยกระทง
ส่งผ่าพิสูจน์! 'โลมาลายแถบ'เกยตื้นตาย'ชายหาดบาสัก' พบมีบาดแผลถลอก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี