บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นกลุ่มธุรกิจการเงิน (Financial Sector) จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.5% เร็วกว่าที่เราคาดไว้เพื่อลดแรงกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และกระตุ้นเศรษฐกิจ การลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะกดดันให้ธนาคารต่างๆ ต้องลดอัตราดอกเบี้ยลง และจะส่งผลต่อธนาคารแตกต่างกันไป
บวกกับ non-bank และแบงก์เล็ก
เนื่องจากตามปกติแล้ว yield สินเชื่อของกลุ่ม non-bank จะเป็นอัตราคงที่ ดังนั้น MLR ที่ลดลงก็จะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลงทันที หากใช้สมมุติฐานว่ามีการลดอัตราดอกเบี้ย MLR ลง 0.25% เท่ากับอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็จะทำให้ NIM เพิ่มขึ้น และส่งผลโดยตรงกับผลกำไรของกลุ่ม non-bank นอกจากนี้margin ที่เพิ่มขึ้น 0.25% จะทำให้ผลประกอบการของ KTC/MTC/SAWAD เพิ่มขึ้น 3.5%/3.4%/2.9% ตามลำดับ ทำให้กำไรของธนาคารขนาดเล็กอย่าง KKP และ TISCO เพิ่มขึ้น 3.4% และ 4% ตามลำดับ
เป็นลบในระยะสั้นกับแบงก์ใหญ่
อีกด้านหนึ่งจะกดดันให้ธนาคารใหญ่ต้องลดทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝากซึ่งการลดดอกเบี้ยเงินกู้จะส่งผลกระทบกับรายได้ทันที แต่การลดดอกเบี้ยเงินฝากจะส่งผลทีหลังนอกจากนี้ถ้าจะลดดอกเบี้ยเงินฝากน่าจะเริ่มที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำก่อนแต่ยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ (หรือ CASA) เพราะมีสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับเงินฝากทั้งหมด (78% ของฐานเงินฝาก KBANK, 73% ของฐานเงินฝาก KTB, 70% ของฐานเงินฝาก SCB, และ 52% ของฐานเงินฝาก BBL) ยิ่งสัดส่วน CASA สูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งถูกกระทบหนักขึ้นเมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารในช่วงห้าปีที่ผ่านมาพบว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราดอกเบี้ยธนาคารเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยดังนั้น margin ของธนาคารใหญ่จึงแทบไม่เปลี่ยนแปลงขณะที่ธนาคารขนาดเล็ก (TISCO และ KKP) ได้ประโยชน์
ส่งผลดีในระยะยาวกับคุณภาพสินทรัพย์
การที่เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้ความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกลดลง และกระทบกับธุรกิจการท่องเที่ยว ส่งผลกับคุณภาพสินทรัพย์/NPL ของธนาคาร ดังนั้น ธนาคารใหญ่ จึงน่าจะอยากให้ ธปท. ลดดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดันค่าเงินบาท ซึ่งธนาคารบอกว่าการบริหารผลกระทบที่เกิดกับ margin ง่ายกว่าการบริหารความเสี่ยง NPL
จะเกิด Downside หากลดดอกเบี้ยอีก
เนื่องจากคาดกันไว้แล้วว่าจะมีการลดดอกเบี้ย เราจึงคิดว่าธนาคารใหญ่ส่วนใหญ่น่าจะไม่มีปัญหากับการบริหารจัดการรายได้เมื่อมีการลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% แต่ถ้าหากว่าธปท. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกเพื่อดูแลความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมหภาคก็จะทำให้เกิด downside กับกลุ่มธนาคาร
ปัจจัยเสี่ยงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น, NPL แกว่งตัวสูงขึ้นทำให้ต้องกันสำรองเพิ่ม, มีการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียม
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี