วันเสาร์ ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568
nn ถ้าไม่ “โลกสวย” หรือตั้งใจจะเอาใจรัฐบาลจนเกินไปก็ต้องยอมรับความจริงว่าปีนี้ภาคการลงทุนเข็นไม่ขึ้นจริงๆ...ซึ่งก็ใช่ว่า “หมุนตามทุน”จะเป็นคนมองโลกแง่ร้ายจนเกินไปแต่ตัวเลขที่มันออกมาจากหน่วยงานที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการลงทุน ที่น่าเชื่อถือได้ที่ออกมามันฟ้องว่าจะเป็นอย่างนั้น...
เช่น...ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคม 2562...ที่เผยแพร่โดยสภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย (สอท.)...ก็ปรากฏว่า ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 93.5 จากที่อยู่ในระดับ 94.5 ในเดือน มิถุนายน 2562 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 7 เดือน....เหตุผลก็มาจากผลกระทบจากการชะลอของการส่งออกจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า รวมถึงผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งที่กระทบต่อกำลังซื้อและการบริโภคในประเทศ และประกอบกับผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ SME ที่จะต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น
อีกตัวเลขหนึ่งก็คือ...ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) และ GDP ของภาคอุตสาหกรรม...ซึ่งเผยแพร่โดย สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม....ก็ปรากฏว่า ตัวเลขทั้งปี’62จะมีอัตราการเติบโตเพียงแค่ในระดับ 0-1%...เท่านั้น จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตได้ในระดับ 1.5-2.5% …ซึ่งเหตุผลก็มาจาก...ผลของสงครามการค้ากระทบการส่งออกของไทยตั้งแต่ปี 2561 ทำให้การส่งออกติดลบทุกสินค้า
ทั้งนี้ เหตุที่ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ไม่เติบโตในปีนี้ก็มาจากแรงกดดันของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหลักทรงตัว รวมทั้งการผลิตรถยนต์ ในเดือนกรกฎาคม ก็ลดลงถึง 6.7% และ
ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียม เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ผลิตภัณฑ์ยางและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์...ที่ลดลงเพราะผลกระทบจากเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่องและคำสั่งซื้อจากต่างประเทศชะลอตัวลง
โดยสรุปก็คือว่าภาคการผลิตที่มีอยู่เดิมในประเทศตอนนี้อ่อนแรงลงมาก จนไม่สามารถขยายการลงทุนเพิ่มได้...ดังนั้นหากกระตุ้นภาคการลงทุนในเติบโตขึ้นในขณะนี้ก็จำเป็นต้องดึงการ
ลงทุนใหม่ๆ จากต่างประเทศเข้ามา...ซึ่งแน่นอนว่า EEC คือความหวังหนึ่งของรัฐบาล แต่ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า EEC ตอนนี้ก็ยังเป็นแผนงานอยู่ในกระดาษเสียส่วนใหญ่....นักลงทุนก็เลยได้แต่รอความชัดเจนในหลายๆ เรื่อง ก่อนที่จะตัดสินใจใส่เม็ดเงินลงทุนลงมาอย่างจริงจัง....
อย่างไรก็ตาม...เมื่อสหรัฐกับจีนเริ่มกดปุ่มสาดกระสุนทำสงครามการค้ากันแล้ว และทำท่าว่าจะยืดยาวออกไปจนไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อใด....ก็เลยเกิดกระแสที่นักลงทุนต่างชาติจะย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเพื่อหนีผลกระทบจากสงครามการค้า...รัฐบาลไทยก็เลยปิ๊งไอเดีย....ทำตัวเป็น“กับดัก”....หวังดึงเม็ดเงินลงทุนนักลงทุนที่หนีออกจากจีนมาลงทุนในไทย....
กลยุทธ์ที่จะใช้...ประการแรกคือสั่งให้...สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)เพื่อจัดทำแพ็กเกจส่งเสริมการลงทุนเป็นรายประเทศ...ซึ่งแพ็กเกจที่ว่านี้ไม่ใช่เฉพาะลดหย่อนภาษีเท่านั้น เพราะเรื่องแบบนี้นักลงทุนเขามองเป็นเรื่องปกติธรรมดา....สิ่งที่ต้องใส่เพิ่มเติมเข้าไปคือ...เรื่องการอำนวยความสะดวก การพัฒนาสิ่งแวดล้อม ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน....
ประการที่สองคือ...ตั้งทีมเฉพาะกิจรองรับการเข้ามาลงทุนของต่างชาติทุกภูมิภาค (Relocate Pagage) “หมุนตามทุน”...ตั้งชื่อให้ว่าจะเรียกว่าทีม “อเวนเจอร์ส พลังดูด”....โดยเข้ามาทำหน้าที่ ร่วมกันศึกษาแพ็กเกจส่งเสริมการลงทุน....แล้วเสนอที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ เพื่ออนุมัติ “แพ็กเกจลงทุนฉบับพิเศษ” ที่ว่านี้
ว่ากันตามจริงแล้วความได้เปรียบของประเทศไทยที่พอจะเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติเหลืออยู่เพียงไม่กี่ข้อ...ข้อแรกคือ...ไทยเป็นจุดศูนย์กลางหลักของกลุ่ม CLMVT และ อาเซียน...และโครงสร้างพื้นฐานที่ดี....ส่วนเรื่องแรงงานราคาถูก ต้นทุนด้านอื่นๆ เราสู้กลุ่ม CLMV ไม่ได้แน่นอน...ส่วนเรื่อง ความยากง่ายในการขออนุมัติการลงทุน...เรื่องความโปร่งใสในขั้นตอนปฏิบัติ...อันนี้ต้องยอมรับว่าเราแพ้สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย แม้กระทั่งเวียดนาม.....และทุกประเทศเหล่านี้ ก็พร้อมที่จะแข่งกับไทยในการดึงการลงทุนที่ย้ายออกมาจากจีน....ซึ่งก็เหมือนว่าจะทำสำเร็จไปแล้วก่อนไทยในช่วง2-3 ปีก่อนหน้านี้....ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย อินโดนีเซีย....ที่ได้โครงการลงทุนขนาดใหญ่จากค่ายรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น หรือโครงการของกลุ่มค้าปลีกจากจีนไปแล้ว...ส่วนเวียดนามไม่ต้องพูดถึงได้ไปแล้วหลายโครงการใหญ่ๆ จากจีน...โดยเฉพาะโครงการผลิตเหล็ก...
อีกไม่นานเราคงจะได้พิสูจน์ฝีมือของ“ทีมอเวนเจอร์ส พลังดูด” ว่าหลังจากลดแหลกแจกแถมจนถึงขนาดแล้วจะได้สักโครงการลงทุนสักกี่โครงการเข้ามาในประเทศไทย...พร้อมกับคำถามที่ว่า สุดท้ายแล้วประเทศไทยจะได้อะไรคุ้มค่าไหม เมื่อเทียบกับสิ่งที่เราให้เขาไป...
กระบองเพชร

กำปั้นไทยไร้พ่าย! ลิ่ว 7 รุ่นต่อยซีเกมส์
เลขาวุฒิสภา แจ้ง สว. ยกเลิกประชุมวุฒิสภา 15- 16 ธ.ค.นี้ หลังยุบสภาแล้ว
ดร.จักษ์ ชม อนุทิน ตัดสินใจระดับรัฐบุรุษ ยุบสภาครั้งนี้ เผาพรรคส้มเหลือแต่ขี้เถ้า
กกต. กางแนวทาง ค่าใช้จ่าย สส. ช่วงเลือกตั้ง พรรคการเมืองหาเสียงได้ตั้งแต่วัน ยุบสภา
ปูติน ยกระดับชีวิตพลเมืองรัสเซีย อัตราความยากจนลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี