nn ในช่วงหลายปีมานี้สายตาของนักลงทุนทั่วโลกต่างโฟกัสไปที่ตลาดเกิดใหม่ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เนื่องจากประเทศพัฒนาแล้วหลายเริ่มเดินทางมาถึงจุดอิ่มตัว ไม่ว่าจะเป็นการการค้า การลงทุน...ซึ่งก็ไม่ผิดนักที่จะบอกว่า กลุ่มประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) คือตลาดเป้าหมายสำคัญที่กลุ่มทุนทั่วโลกให้ความสนใจ โดยเฉพาะประเทศจีนนั้น ถือว่าได้เป็นกลุ่มทุนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในกลุ่ม CLMV เพราะเข้าไปลงทุนมานานกว่าใครเพื่อน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีช่องว่างเหลือให้กลุ่มทุนจากชาติเข้าไป แม้แต่กลุ่มของไทยเองก็รุกเข้าไปในตลาดนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว....
อย่างไรก็ตาม ถึงนาทีนี้ก็ใช่ว่าการจะเป็นเรื่องง่ายที่เข้าไปปักหมุดลงทุนแล้วประสบความสำเร็จทันทีทันใด...เพราะแม้ว่ากลุ่มประเทศเหล่านี้จะยังมีช่องว่างทางการตลาดเหลืออยู่...แต่หากลองพิจารณาในภาพรวมขณะนี้จะพบว่า...เศรษฐกิจกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงราว 6-7% ในปี 2019 และ 2020 ท่ามกลางความเสี่ยงภายนอกที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากสงครามการค้าเริ่มส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี สะท้อนจากมูลค่าส่งออกรวมของกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี 5 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าที่หดตัวลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าในเอเชีย
ขณะที่การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงเพิ่มขึ้น โดยผลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะมีส่วนช่วยเร่งแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตมายังกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีโดยเฉพาะในเวียดนาม นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า และช่วยบรรเทาผลลบของการชะลอตัวของภาคส่งออก ในขณะเดียวกัน การขยายตัวของชุมชนเมืองและกลุ่มชนชั้นกลางจะเป็นปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อในประเทศในระยะยาวรวมถึงความต้องการสินค้าและบริการที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจซีแอลเอ็มวี คือเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลงกว่าที่คาด โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนซึ่งเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีพึ่งพาค่อนข้างมาก รวมถึงความเสี่ยงเฉพาะของแต่ละประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น....
เมื่อเข้าไปวิเคราะห์ภาพรวมทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศจะพบว่า...เศรษฐกิจกัมพูชาจะยังเติบโตได้ที่ระดับราว 6.8% ในปี 2019แต่เริ่มเห็นการชะลอตัวลงในระยะกลาง ความคืบหน้าของการปฏิรูปทางเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันการส่งออกและ FDI ในระยะข้างหน้าท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการสูญเสียสิทธิประโยชน์ทางภาษี Everything But Arms (EBA)จากสหภาพยุโรป ภาคการท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มที่ดีในระยะกลาง.....ส่วนความท้าทายสำหรับเศรษฐกิจกัมพูชาคือการควบคุมดูแลความเสี่ยงของสถาบันการเงินรายย่อยที่อยู่นอกระบบ
ส่วนเศรษฐกิจลาว จะกลับมาขยายตัวที่ราว 6.4% ในปี 2019 และคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นเป็น 6.5% ในปี 2020 หลังจากที่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตชะลอลงในปี 2018 ปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจลาวคือ การส่งออกไฟฟ้าการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และภาคบริการซึ่งนำโดยภาคค้าส่ง-ค้าปลีกและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจลาวมาจากทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ ปัญหาหนี้ต่างประเทศและหนี้สาธารณะที่ค่อนข้างสูงซึ่งทำให้ลาวถูกปรับลดอันดับเครดิตประเทศในช่วงที่ผ่านมา
ด้านเศรษฐกิจเมียนมา....จะเติบโตชะลอลงเล็กน้อยที่ราว 6.4% ในปีงบประมาณการเงิน 2018/19 (FY2018/19) ด้วยแรงส่งจากภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการในประเทศ การปฏิรูปและการลงทุนจากภาครัฐคาดว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2020 ความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจเมียนมามาจากปัจจัยภายนอก โดยการชะลอตัวของการค้าโลกเริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกและ FDI
ขณะที่เศรษฐกิจเวียดนาม.....มีแนวโน้มเติบโตชะลอลงราว 6.5% ในปี 2019 และในระยะกลาง สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนส่งผลบวกต่อการส่งออกและ FDI มายังเวียดนามแต่ก็เพิ่มความเสี่ยงที่สหรัฐฯ อาจหันมาเพ่งเล็งเวียดนามเป็นเป้าหมายรายต่อไปในการขึ้นภาษีได้ ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างญี่ปุ่น-เกาหลีใต้อาจส่งผลลบต่ออุตสาหกรรมการผลิตเวียดนามซึ่งพึ่งพาวัตถุดิบสินค้าเทคโนโลยีจากเกาหลีใต้
สำหรับประเทศไทยเอง ก็ต้องบอกว่าเป็นกลุ่มทุนลำดับต้นๆ ที่อยู่ในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี และก็ต้องบอกว่าประเทศไทยจะมีความได้เปรียบกว่าอีกหลายประเทศที่จะเข้าไปบุกตลาดกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี...ไม่ว่าจะเรื่องภูมิศาสตร์ ความใกล้เคียงด้านวัฒนธรรม และความนิยมของประชาชนในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีที่มีต่อสินค้าไทย...แต่หากผลีผลามเข้าไปโดยไม่ทำการบ้านให้ดีก็มีโอกาสเจ็บตัวได้ด้วยเช่นกัน
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี