nn ผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่...ขณะนี้เริ่มขยายวงเข้าสู่ภาคการลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว...หลังจากส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการท่องเที่ยว ภาคการผลิต ซึ่งล่าสุด สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)ประเมินว่า ปี 2563 ดัชนีหุ้นไทย หรือ SET Index จะได้รับผลกะทบต่อตลาดหุ้นไทยไปอีก 3 เดือน หรือทั้งไตรไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบแรงที่สุด เนื่องจากประเทศไทยมีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวคิดเป็น 12% ของ GDP และนักท่องเที่ยวจีนยังเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยสูงสุดในสัดส่วน 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน เดือนมกราคม 2563 อยู่ที่ 72.75 ปรับตัวลดลง9.91% ซึ่งลงมาอยู่ในเกณฑ์ซบเซาเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี จากผลกระทบการระบาดของไวรัสโคโรนาที่กระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและส่งออกไทย จากการที่ไทยพึ่งพาการส่งออกไปจีนเป็นอันดับ 1 หรือ 10% ของการส่งออกทั้งหมด รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยลดลง
ขณะที่ SCB Chief Investment Office ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ออกบทวิเคราะห์ถึงแนวโน้มตลาดหุ้นโลกในรอบสัปดาห์นี้ (11-14 ก.พ.) โดยระบุว่าตลาดหุ้นโลกมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวน แม้นักลงทุนได้เริ่มคลายความกังวลในระดับหนึ่งเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาด หลังทางการมีแนวโน้มออกมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากไวรัสดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000 ราย (มากกว่าตอนที่เกิดโรค SARS ระบาด) ได้ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลต่อผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นโลกอาจได้รับแรงสนับหนุนจาก ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญส่วนใหญ่และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะรายงานในสัปดาห์นี้ ที่มีแนวโน้มออกมาดี ประกอบกับ คาดว่า การแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)ต่อสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯอาจเผชิญปัจจัยกดดันจากประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯที่ยังมีอยู่ โดยวันที่ 11 ก.พ.นี้ จะมีการเลือกตั้งขั้นต้นของตัวแทนพรรคเดโมแครตในรัฐ New Hampshire เพื่อสรรหาตัวแทนพรรค เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนพ.ย. รวมทั้ง นักลงทุนยังรอติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยเฉพาะประเด็นมาตรการคว่ำบาตรทางการค้ากับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ด้านราคาน้ำมัน มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นบ้างโดยนักลงทุนรอติดตามว่า กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร จะเลื่อนจัดการประชุมเร็วขึ้นจากเดิมในเดือน มี.ค.เป็นวันที่ 14-15 ก.พ.นี้ หรือไม่ และมีแนวโน้มที่จะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อช่วยปกป้องราคาน้ำมันไม่ให้ร่วงลงต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดหุ้น FETCO ประเมินว่า ไตรมาส 2/2563จะกลับมารีบาวด์ได้สูงกว่า 1,600 จุด จากมุมมองของนักลงทุนที่มองว่าสถานการณ์ไวรัสโคโรนาจะคลี่คลาย การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐหลังศาลตัดสินให้มีการโหวตใหม่เพียงบางมาตรา ซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะทยอยเบิกจ่ายงบลงทุนได้เร็วๆ นี้ พร้อมมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำเป็นโอกาสที่ภาครัฐและเอกชนจะกู้เงินเพื่อมาลงทุนเพิ่ม ขณะที่ภาพรวมดัชนีหุ้นไทยปีนี้ ยังประเมินไว้ที่ 1,600-1,700 จุด ซึ่งจะมีการประเมินอีกครั้งหลังนักเศรษฐศาสตร์ไทยออกมาปรับประมาณการตัวเลขจีดีพีและบริษัทจดทะเบียนมีการออกมาประกาศตัวเลขปันผลใหม่
แม้ว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาในไทยจะดูเหมือนไม่รุนแรง แต่ในประเทศอื่นในเอเชียยังคงน่าเป็นห่วง และต่างออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อหวังจะสกัดการแพร่ระบาด ซึ่งมาตรการเหล่านั้นล้วนกระทบต่อกระบวนการผลิต และหลายภาคธุรกิจหลายๆ ส่วน ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลมาถึงไทยด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงยังต้องลุ้นต่อไปว่าหุ้นไทยจะรอดพ้นจากพิษไข้โคโรนาได้ภายในไตรสมาส 2 จริงหรือไม่
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี