nn ช่วงนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดูเหมือนจะงานเข้าหนักอยู่...เพราะโครงการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี
(สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) และส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย)....!! นั้นถูกตั้งคำถามจากสังคมมากหมายหลายประเด็น...โดยเฉพาะในเรื่องที่คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ได้มีมติปรับหลักเกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอประมูล แม้ว่าคุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม...จะออกมาการันตีว่าไม่มีการทุจริตเพราะยังไม่เปิดประมูล และก็ได้สั่งการให้ไปตรวจสอบในเรื่องนี้แล้ว...แต่สังคมก็ยังไม่คลายกังขาอยู่ดี...
ขณะที่คุณภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม.ได้ออกมาแถลงยืนยันว่า การพิจารณาปรับปรุงเงื่อนไขวิธีการประเมินข้อเสนอร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มครั้งนี้ รฟม.ได้ดำเนินการตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 แล้ว เพราะคณะกรรมการฯตามมาตรา 36 ได้มีมติเห็นชอบกับข้อเสนอปรับปรุงวิธีการประเมิน จากเดิมที่จะพิจารณาซองเทคนิค และซองผลตอบแทนแยกจากกัน โดยจะพิจารณาซองการลงทุนและผลตอบแทน เฉพาะผู้ที่ผ่านการประเมินซองเทคนิคแล้วเท่านั้น มาเป็นรูปแบบการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคควบคู่กับด้านราคา ซึ่งการปรับปรุงวิธีการประเมินข้อเสนอการร่วมลงทุนในครั้งนี้เป็นประโยชน์สูงสุดแก่รัฐ
เนื่องจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ เป็นโครงการร่วมลงทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการฯส่วนตะวันตก ซึ่งต้องใช้เทคนิคการก่อสร้างที่มีความซับซ้อน เนื่องจากเป็นการดำเนินงานก่อสร้างใต้ดินทั้งหมด ต้องก่อสร้างอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงการเดินรถไฟฟ้าที่ต้องการมาตรฐานความปลอดภัยชั้นสูง ดังนั้นผลประโยชน์ที่รัฐและประชาชนผู้ใช้บริการจะได้รับจึงขึ้นกับคุณภาพ เทคนิค และประสิทธิภาพในการดำเนินงานของเอกชนเป็นสำคัญ มิได้มีเพียงแต่
ผลประโยชน์ทางการเงินเท่านั้น
“รฟม.ขอเรียนยืนยันว่า การดำเนินการข้างต้นมีความโปร่งใส ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถทำให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ได้วางไว้ เป็นไปตามมาตรฐานของ รฟม. เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนผู้ใช้บริการและภาครัฐ โดยไม่ได้เอื้อประโยชน์แก่เอกชนผู้ซื้อเอกสาร RFP รายใด”
เอาล่ะสำหรับ “หมุนตามทุน” จะบอกอย่างนี้ว่าประชนคนกรุงเทพฯ คงไม่อินังขังขอบอะไรเอากับการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการประเมินหรือประมูลรถไฟฟ้า อะไรที่ว่านี้ว่า ไส้ในที่จะมีการเล่นแร่แปรธาตุหรือปรับปรุงเงื่อนไขนั้นยังประโยชน์สูงสุด ต่อรัฐและประชาชนมากน้อยแค่ไหน คนกรุงวันนี้ต่างเฝ้าชะเง้อรอแค่ว่าเมื่อไหร่จะได้ขึ้นรถไฟฟ้าให้สมใจอยากหนีปัญหาโลกแตก รถติดวินาศสันตะโรกันไปเสียที
แต่หากสิ่งที่ฝ่ายบริหาร รฟม.ชี้แจงข้างต้นคือความจำเป็นอันยิ่งยวดที่ รฟม.จะต้องดำเนินการให้ได้ก็คงต้องย้อนถามกลับไปยังฝ่ายบริหาร รฟม.ด้วยว่า 1.ที่ผ่านมามีโครงการประมูลใดของรัฐ หรือของ รฟม.ที่ดำเนินการในลักษณะเช่นนี้บ้าง โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายที่ต้องมีการสร้างอุโมงค์ลอยใต้แม่น้ำเจ้าพระยาไปฝั่งธนนั้น รฟม.มีการดำเนินการในลักษณะนี้หรือไม่ กำหนดเงื่อนไขการประมูล และประเมินในลักษณะนี้หรือไม่
2.หากการปรับปรุงเกณฑ์ประเมินดังกล่าวไม่มี “วาระซ่อนเร้น” ใดๆ แล้ว เหตุใด รฟม.ถึงต้องลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนเอากับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มโครงการนี้โครงการเดียว ในเมื่อพื้นฐานการประมูลโครงการดังกล่าว ก็ตั้งอยู่บนบรรทัดฐานเดียวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ ของรัฐและ รฟม.เองเหตุใด รฟม.ถึงเพิ่งจะมาละเมอตื่นปรับปรุงเกณฑ์ชี้ขาดเอากับโครงการนี้ โดยปล่อยให้มีการประมูลในรูปแบบเดิมไปนับ 10 โครงการ
3.หากการปรับปรุงเกณฑ์ประเมินคือความจำเป็น เพราะเป็นงานที่มีความซับซ้อน ต้องมีการก่อสร้างอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาจึงไม่อาจพิจารณาคุณสมบัติด้านเทคนิคเพียงอย่างเดียวได้นั้น ในเมื่อ รฟม.ห่วงเรื่องเทคนิคและงานที่มีความซับซ้อนเหตุใดจึงไม่เพิ่มดีกรีความเข้มข้นของเกณฑ์การประเมินคุณสมบัติด้านเทคนิคเพื่อให้ได้ผู้รับเหมาที่เหมาะสมอย่างแท้จริง การที่ รฟม.กลับไปลดทอน และรื้อเกณฑ์ขั้นต่ำออกไป ก็ยิ่งเป็นการลดทอนความสำคัญของคะแนนด้านเทคนิคที่รังแต่จะเพิ่มความเสี่ยงในการได้ผู้รับเหมาที่มือไม่ถึงเข้ามาแทนหนักเข้าไปอีก กลายเป็นความย้อนแย้งที่ยากจะอรรถาธิบาย
4.การปรับปรุงเกณฑ์ประเมินโดยพิจารณาซองข้อเสนอด้านเทคนิคและราคาควบคู่ ซึ่งทำให้ รฟม.มีโอกาสได้เห็นราคาและข้อเสนอทางการเงินของผู้เสนอทั้งหมด...จะเป็นความเสี่ยงที่ทำให้สังคมมีข้อกังขา กับว่า รฟม.ช่องที่เปิดโอกาสให้ รฟม.Manipulate ในการเพิ่ม-ลดลดคะแนนด้านเทคนิคให้แก่เอกชนบางรายได้อย่างเต็มที่ได้หรือ ????
สุดท้าย หากการปรับปรุงหลักเกณฑ์การประมูลครั้งนี้ คือความจำเป็นอันยิ่งยวดที่จะต้องดำเนินการ ก็ยิ่งเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่า การประเคนสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีต่างๆของ รฟม.ในช่วงที่ผ่านมา ล้วนแต่ทำให้รัฐและประเทศชาติสูญเสียประโยชน์ไปมหาศาล เพราะต่างดำเนินการประมูลบนบรรทัดฐานที่ไม่ได้มีการประเมินตามหลักเกณฑ์นี้
หากถึงที่สุดแล้ว โครงการนี้ต้องถูกกระตุกเบรก จนถึงขั้นไม่สามารถดำเนินการประมูลได้ตาม “ไทม์ไลน์” ที่วางไว้ จนทำให้ประชาชนคนกรุงต้องสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจแล้ว ก็ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น จะโยนเป็นความรับผิดชอบของคณะกรรมการตามมาตรา 36 บอร์ด รฟม.กระทรวงคมนาคม หรือรัฐบาล...????
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี